Gen Alpha คือเจนที่เกิดระหว่างปี 2553 – 2568 โดยพ่อเเละแม่จะอยู่ระหว่างช่วง Gen X กับ Gen Y ซึ่ง Gen Alpha จะเกิดมาในยุคที่เทคโนโลยีการสื่อสารเติบโตและเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมีอุปกรณ์ดิจิทัลที่ทันสมัยใช้ตั้งแต่เด็ก จะเห็นได้ว่าบางครอบครัวเมื่อพาลูกออกไปข้างนอกจะต้องมีสมาร์ทโฟน ไอแพด หรือแท็บเล็ต เปิดให้เด็กดูเสมอ เสมือนเป็นพี่เลี้ยงเลยทีเดียว ซึ่งจากพฤติกรรมแบบนี้ก็นำไปสู่ปัญหาสุขภาพของ Gen Alpha ก็คือ Text-Neck Syndrome หรือโรคปวดคอนั่นเอง
Text-Neck Syndrome เกิดจากพฤติกรรมการก้มหน้าเล่นโทรศัพท์มือถือนานๆ นั่งหลังค่อม นอนคว่ำอ่านหนังสือ เกร็งคอในท่าทางที่ผิดจากปกติเป็นเวลานาน ทำให้มีอาการ ปวดต้นคอ ไหล่ห่อ คอตก และปวดหลัง หากไม่รักษาจะเริ่มมีความเสื่อมของแนวกระดูก หรือหมอนรองกระดูกคอ ทำให้เกิดการกดทับของไขสันหลัง หรือรากประสาทบริเวณคอ ส่งผลให้เกิดอาการชา มือและแขนอ่อนแรง ซึ่ง Gen Alpha มักจะมองปัญหาสุขภาพเป็นเรื่องไกลตัว พ่อแม่ผู้ปกครองจึงควรหมั่นสังเกตอาการและให้ลูกปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยการให้ใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ อย่างถูกต้องและเหมาะสม ไม่อยู่ในท่าทางเดิมเป็นเวลานาน ไม่ก้มหลัง ไม่ห่อไหล่ ในขณะที่ใช้งาน และหมั่นบริหารร่างกายเป็นประจำ
ที่มา: Amarin baby and kids , Parent gen alpha
แม้ว่า Gen Z เป็นช่วงอายุที่ไม่น่าจะมีปัญหาสุขภาพ เพราะอายุยังน้อย โดยจะเกิดในช่วงปี 2541-ปัจจุบัน แต่ด้วยสภาพแวดล้อมและสังคมที่คล้ายๆ กับ Gen Alpha ก็คือเกิดมาในช่วงที่เทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีความหลากหลายก็ทำให้ป่วยเป็น Text-Neck Syndrome ได้ไม่ต่างกัน จากพฤติกรรมที่ชอบก้มหน้าเล่นโทรศัพท์เป็นเวลานาน จนกลายเป็นอาการปวดต้นคอ ปวดหลัง บ่า ไหล่ ซึ่งส่งผลให้เป็นโรคสมาธิสั้นด้วย โดยเป็นผลจากการที่พ่อแม่ผู้ปกครองใช้โทรศัพท์ ไอแพด แท็บเลตเลี้ยงลูกแทนจนทำให้มีพัฒนาการล่าช้า ส่งผลต่อการเข้าสังคม กระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน มีปัญหาในการทำงาน และยังมีปัญหาโรคเกี่ยวกับดวงตาด้วย
โรคเกี่ยวกับดวงตา ในส่วนของ Gen Z นั้นพ่อแม่ผู้ปกครองควรพาไปตรวจคัดกรองโรคตาก่อนวัย 6 ขวบ มีเพราะเด็กวัยนี้จะยังไม่รู้ว่าการมองเห็นที่ปกติเป็นอย่างไร หากผู้ปกครองละเลยก็อาจทำให้เป็นโรคเกี่ยวกับดวงตาได้ เช่น โรคตาขี้เกียจ (Lazy Eye) ซึ่งพบในเด็กมากถึง 3 – 5% หากตรวจพบช้าอาจร้ายแรงจนทำให้สูญเสียการมองเห็นไปตลอดชีวิตได้ โรคจอประสาทตาเสื่อม ซึ่งแต่ก่อนพบแค่ในผู้สูงอายุ แต่ตอนนี้สามารถเจอได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ทำให้มองเห็นภาพไม่ชัดเจน เห็นภาพบิดเบี้ยว ตามัว ๆ และยังมีภาวะสายตาสั้นหรือสายตาเอียงที่มักเกิดขึ้นในวัยเด็ก ผู้ปกครองควรพาบุตรหลานไปตรวจวัดสายตาทุกๆ 6-12 เดือนเพราะสายตาในวัยเด็กอาจเปลี่ยนได้เร็ว ทำให้ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
ที่มา: RYT9 , โรงพยาบาลกรุงเทพ , BANNKLUAY
สำหรับ Gen Y นั้นจะเกิดในช่วงปี 2523-2540 ซึ่งเป็น Gen ที่เติบโตมาพร้อมกับคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต และเทคโนโลยี ที่สำคัญมีแนวโน้มสุขภาพพังมากที่สุด ซึ่งสาเหตุที่ Gen Y สุขภาพพังมักเกิดจากพฤติกรรมเป็นหลัก ทั้งไมเกรน ที่เกิดจากความเครียดระหว่างทำงาน โรคกรดไหลย้อน โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบจากการกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน และที่สำคัญที่สุดคือโรคอ้วน
โรคอ้วน แม้ว่า Gen Y จะมีความใส่ใจกับเทรนด์สุขภาพ แต่ก็ยังมีสิ่งที่ทำให้ตบะแตกอีกมาก ทั้งอาหารฟาสต์ฟู้ด ชา กาแฟ หรือเมนูสุดฮิตอย่างชานมไข่มุก และอื่นๆ อีกมากที่ทำให้อดใจไม่ไหว ทำให้พบโรคอ้วนใน Gen Y มากถึง 7 ใน 10 คนเลยทีเดียว ส่งผลให้ Gen Y อ้วนเกินเกณฑ์มาตรฐานเมื่อเข้าสู่วัยกลางคน ซึ่งอันตรายของโรคอ้วนนั้นยังมีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งได้ถึง 13 ชนิดอีกด้วย เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ และมะเร็งไต ฯลฯ ที่สำคัญการเป็นโรคอ้วนจะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งมากขึ้นไม่ต่างกับการสูบบุหรี่ ดังนั้น อย่าคิดแค่ว่าอ้วนเฉยๆ ค่อยลด เพราะความอ้วนพ่วงมาด้วยโรคร้ายอีกหลายโรค ควรหมั่นดูแลสุขภาพ กินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อช่วยให้ร่างกายสุขภาพดีปราศจากโรคภัย
ที่มา : BLT BANGKOK , The Stan Dard , BRIGHT TODAY
Gen X เป็นวัยที่เกิดระหว่างปี 2508-2522 มีช่วงอายุประมาณ 30 – 44 ปี ซึ่งเป็นวัยที่กำลังทำงาน หรือสร้างเนื้อสร้างตัวหาความมั่นคงให้ชีวิต ทำให้หลายคนทำงานหนักจนละเลยเรื่องสุขภาพ คน Gen x ส่วนมากจึงมีปัญหาโรคออฟฟิศซินโดรมเป็นหลัก มาดูกันว่ามีโรคอะไรบ้าง
โรคกรดไหลย้อน ไม่น่าเชื่อว่าโรคกรดไหลย้อนก็เป็นหนึ่งในโรคฮิตของออฟฟิศซินโดรม โดยเฉพาะคน Gen X ที่อยู่ในช่วงอายุ 30 ถึง 45 ปี ถือได้ว่าเป็นภัยเงียบที่ติดอันดับ 1 ใน 5 เลยทีเดียว ซึ่งเกิดจากการกินอาหารรสจัด กินแล้วนอนทันที เครียด อ้วน ตลอดจนการสวมเสื้อผ้าคับจนเกินไป ซึ่งจะมีอาการ ปวดแสบปวดร้อนในช่องท้องส่วนบน เรอเปรี้ยว หรือมีรสขมในปาก เจ็บ จุกอกที่สำคัญไว้ปล่อยไว้จนเรื้อรังก็อาจรุนแรงถึงขั้นเป็นมะเร็งหลอดอาหารได้ ดังนั้น คน Gen X ควรเริ่มต้นดูแลตัวเองด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารและการใช้ชีวิต ไม่ควรกินอาหารรสจัด อาหารหมักดอง และแอลกอฮอล์ทุกชนิด พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงความเครียดโดยไม่จำเป็น และอย่าลืมออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
โรคปวดหลัง อีกหนึ่งโรคยอดฮิตที่คน Gen X ต้องเผชิญ ก็คือโรคปวดหลัง ซึ่งมีสาเหตุจากนั่งทำงานเป็นเวลานานๆ ทั้งวัน หรือเป็นงานที่ต้องยืนนานๆ ร่างกายใช้กล้ามเนื้อมัดเดิมซ้ำๆ ทำให้กล้ามเนื้อตึงตัวมากเกินไปจนเกิดเป็นอาการปวด และหากอาการไม่ดีขึ้นควรรีบพบแพทย์ เพราะอาจมีสาเหตุมาจากกระดูกสันหลังเสื่อมและหมองรองกระดูกปลิ้นได้ ดังนั้น ควรปรับเปลี่ยนท่านั่งให้ถูกต้อง ระหว่างทำงานก็ควรยืดเส้นยืดสาย ลุกเดินบ้าง กายบริหารด้วยท่าง่ายๆ ที่ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นคน Gen X อย่าละเลยกับอาการเล็กน้อย
ที่มา: โรงพยาบาลพญาไท , โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ , เปิดพฤติกรรมสุขภาพคนไทยแต่ละเจเนอเรชั่น , TNEWS
ที่เรียกกันว่า Silver Gen นั้นก็มาจากสีผมที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเงิน เป็น Gen ที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป ยังคงทำงานจนอาจถึงอายุ 65 ปี ยังแข็งแรง กระฉับกระเฉง มีพลัง ต้องการการใช้ชีวิต ออกเดินทางไปไหนมาไหนด้วยตัวเอง แต่ขึ้นชื่อว่าอายุที่เพิ่มขึ้นแม้ดูแลตัวเองดีแค่ไหนก็ไม่สามารถต้านโรคภัยที่สะสมมาตั้งแต่วัยเด็กจนถึงปัจจุบันได้ เช่น โรคความดันโลหิตสูง
ซึ่งโรคนี้ส่วนใหญ่มักไม่มีอาการแสดง แต่บางครั้งอาจมีอาการใจสั่น ปวดศีรษะ หน้ามืด ตาพร่า ถ้าไม่รักษาตั้งแต่เริ่มต้น อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น อัมพฤกษ์ ตาบอด ไตวาย หัวใจวาย หรือ โรคเบาหวาน ที่หากไม่ได้รับการรักษาก็อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น ตาพร่ามัว ตาบอด ไตเสื่อม ชาตามปลายมือปลายเท้า และอาจติดเชื้อได้ง่าย รวมไปถึงโรคข้อเข่าเสื่อม
โรคข้อเข่าเสื่อม ที่พบใน Silver Gen นั้นมักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายถึง 2 เท่า ซึ่งเป็นผลสะสมจากความเสื่อมและการใช้ข้อเข่าที่ไม่ถูกต้องตั้งแต่วัยหนุ่มสาว โดยจะมีอาการ เจ็บปวดของข้อและข้อบวม ข้อขัด มีรูปร่างขาโก่งผิดปกติ มีเสียงดังในเข่า เหยียดขาได้ไม่สุด ไม่สามารถประกอบกิจวัตรประจำวันได้ดังปกติ ซึ่งการป้องกันโรคข้อเข้าเสื่อมนั้นในคนที่น้ำหนักเกินควรลดน้ำหนัก ลดการใช้งานในการรับน้ำหนักของข้อเข่า หลีกเลี่ยงการนั่งกับพื้น ควรนั่งบนเก้าอี้เพื่อหย่อนขา ไม่ควรงอขาเกิน 90 องศา ลดการวิ่ง การกระโดด ห้ามเดินไกล หลีกเลี่ยงการขึ้นลงบันไดบ่อยๆ และหลีกเลี่ยงการยกของหนักเกิน 5 กิโลกรัมขึ้นไป
ที่มา: คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล , โรงพยาบาลสมิติเวช , Marketing Oops
เมื่อรู้ถึงปัญหาสุขภาพของแต่ละเจเนเรชันแล้ว อย่าลืมดูแลตัวเองหรือคนรอบข้างที่เรารัก เพื่อให้มีสุขภาพที่ดี มีชีวิตที่ยืนยาวอยู่กับคนที่เรารักไปนานๆ แต่หากอยากเพิ่มความอุ่นใจในยามเจ็บป่วยมีคนช่วยดูแลค่ารักษา เมืองไทยประกันชีวิตขอแนะนำความคุ้มครองสุขภาพ Super Health ที่คุ้มครองครอบคลุม ทั้งโรคร้ายทุกระยะ โรคทั่วไป รวมถึงโรคระบาด สมัครได้ตั้งแต่อายุ 11 - 80 ปี ดูแลต่อเนื่องถึงอายุ 99 ปี
เข้าถึงการรักษาได้อย่างสบายใจเลือกความคุ้มครองได้ตามที่คุณต้องการ
หมายเหตุ