หลายคนคงเคยมีอาการ อยากจำกลับลืมกันบ่อย ๆ ไม่ว่าจะอดีตที่ผ่านมานาน หรือแค่เมื่อวานกินข้าวกับอะไร ก็ยังนึกแล้วนึกอีก ซึ่งอาการแบบนี้อาจดูเป็นเรื่องธรรมดา แต่ในความธรรมดานั้นอาจไม่ใช่อาการปกติที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่เป็นอาการที่เกิดจากโรคสมองเสื่อม ซึ่งส่งผลกระทบต่อตัวเอง คนรอบข้าง รวมถึงการใช้ชีวิตประจำวัน
โรคสมองเสื่อมสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกวัย แต่ส่วนใหญ่มักจะเกิดในผู้สูงอายุ ซึ่งโรคนี้จะทำให้เรามีปัญหาด้านความจำ การตัดสินใจ รวมถึงปัญหาด้านพฤติกรรม ดังนั้นใครที่มีอาการหลง ๆ ลืม ๆ กันอยู่บ่อย ๆ วันนี้ลองมาทำความรู้จักกับโรคสมองเสื่อมกันสักนิด ว่ามีสาเหตุเกิดจากอะไร อาการแบบไหนที่เป็นสัญญาณเตือนของโรค รวมไปถึงวิธีป้องกันดูแลตัวเองไม่ให้เสี่ยงกับโรคสมองเสื่อมกัน
ใครที่เริ่มมีอาการหลงลืมในชีวิตประจำวัน หรือสับสนเวลาสถานที่ ลองเช็กตัวเองกันหน่อย เพราะอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณเตือนเบื้องต้นของโรคสมองเสื่อม ซึ่งประเทศไทยป่วยเป็นโรคสมองเสื่อมเพิ่มขึ้นปีละ 10% โดยเฉพาะผู้สูงวัยที่ไม่ได้ทำงานหรือออกกำลังกาย จะมีโอกาสเกิดภาวะโรคสมองเสื่อม 9 ใน 10 คน
โรคสมองเสื่อมเป็นการทำงานที่ผิดปกติของสมองในด้านความจำ ความคิด การใช้เหตุผล การใช้ภาษา และการรับรู้สิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดปัญหาทางความคิด การตัดสินใจ พฤติกรรม และ อารมณ์ที่ผิดปกติไป มีผลต่อการใช้ชีวิตหรือการทำกิจวัตรประจำวัน ภาวะสมองเสื่อมที่พบบ่อย มี 2 ชนิด คือ
โรคสมองเสื่อมที่เกิดจากความเสื่อมของสมองโดยตรง หรือ โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease)
โรคสมองเสื่อมจากเส้นเลือดในสมองผิดปกติ (vascular neurocognitive disorder)
🔖 คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
🔖 thansettakij (ข้อมูล ณ วันที่ 16/05/65)
โรคสมองเสื่อมส่วนใหญ่มักจะพบในผู้สูงวัยที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป แต่การศึกษาวิจัยในปัจจุบันพบว่า โรคสมองเสื่อมนั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนตั้งแต่อายุระหว่าง 30-65 ปี ได้เช่นกัน เรียกว่าภาวะสมองเสื่อมในกลุ่มคนอายุน้อย (Dementia in young age) ซึ่งปัจจุบันพบว่ามีเพิ่มมากขึ้นถึง 6.9 % ของผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมทั้งหมด โดยเป็นกลุ่มคนวัยทำงาน ซึ่งอาการระยะแรกอาจถูกมองว่าเกิดจากความเครียด หลงลืมเป็นเรื่องปกติ ซึ่งพอปล่อยไว้นาน อาจทำให้พัฒนาเป็นโรคสมองเสื่อมได้
โรคสมองเสื่อมอาการจะเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ ในตอนแรก จึงทำให้คนที่เป็นโรคสมองเสื่อมจะไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังป่วย และจะมีอาการมากที่สุดในช่วงอายุประมาณ 84 ปี หลังจากนั้นอาการจะลดลงในระยะสุดท้ายช่วงอายุประมาณ 85-99 ปี
🔖 thansettakij (ข้อมูล ณ วันที่ 16/05/65)
อาการของโรคสมองเสื่อมสามารถแบ่งออกเป็นได้ 3 ระยะดังนี้
ระยะที่ 1
ระยะที่ 2
ระยะที่ 3
🔖 thansettakij (ข้อมูล ณ วันที่ 16/05/65)
จะทำอะไรก็นึกไม่ออก วางของไว้ตรงไหนก็ลืมทุกที สัญญาณเตือนแบบนี้อาจเป็นอาการเริ่มต้นของโรคสมองเสื่อม แต่ความแตกต่างระหว่างหลงลืมตามวัยกับโรคสมองเสื่อมก็มีข้อแตกต่างกัน เช่น หากเป็นการหลงลืมตามวัยแบบทั่วไป อาจมีการคิดช้า ใช้เวลาในการนึก ตัดสินใจแย่ลง อาจจะเริ่มมีหลงลืม เช่น หากุญแจไม่เจอ จำที่จอดรถไม่ได้ หรืออาจจะนึกชื่อเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนาน ๆ ไม่ออก แต่เมื่อมีการบอกใบ้ ก็จะสามารถดึงข้อมูลนั้นออกมาได้ ที่สำคัญ คือ ยังช่วยเหลือตัวเองในกิจวัตรประจำวันได้
แต่ถ้าอาการหลงลืมแบบโรคสมองเสื่อม มักจะจำไม่ได้เลยว่ามีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น ลืมแล้วลืมเลย ลืมแม้กระทั่งทักษาการใช้เครื่องมือในชีวิตประจำวัน หรืออาจจะถึงกับลืมชื่อคนในครอบครัว ดังนั้นลองมาเช็กลิสต์ความเสี่ยงกันหน่อย ว่าอาการหลงลืมแบบไหนที่กำลังเสี่ยงเป็นโรคสมองเสื่อม
สาเหตุสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดโรคสมองเสื่อม อันดับแรกมาจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น โดยพบว่าหลังอายุ 65 ปี ผู้ป่วยจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเพิ่มเป็น 2 เท่าในทุก ๆ 5 ปี ที่อายุมากขึ้น อันดับสองกิจกรรมทางกายภาพที่ไม่ได้ทำงาน ไม่ได้ออกกำลังกาย หรือออกกำลังกายไม่เพียงพอ และอันดับสาม โรคเบาหวาน ซึ่งงานวิจัยทั่วโลก ระบุว่าผู้ป่วยโรคเบาหวานมีโอกาสเกิดโรคสมองเสื่อมมากกว่าคนทั่วไป 2 เท่า ส่วนปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ มีดังนี้
🔖 thansettakij (ข้อมูล ณ วันที่ 16/05/65)
🔖 โรงพยาบาลพญาไท (ข้อมูล ณ วันที่ 27/03/63)
🔖 โรงพยาบาลสมิติเวช (ข้อมูล ณ วันที่ 17/04/62)
การป้องกันโรคสมองเสื่อมจะเป็นการลดปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดโรคได้ดังนี้
ซึ่งวิธีที่กล่าวไปนี้ นอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคสมองเสื่อมแล้วยังช่วยให้ผู้สูงวัยมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความสุขมากขึ้นด้วย
🔖 thansettakij (ข้อมูล ณ วันที่ 16/05/65)
เมื่อทราบกันแล้วว่าโรคสมองเสื่อมมีอาการและการป้องกันอย่างไร ดังนั้นทุกคนควรหมั่นเช็กตัวเองและผู้สูงอายุในครอบครัวให้ดี หากมีอาการที่เข้าข่ายจากที่กล่าวไป ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัย เพราะการแก้ไขที่รวดเร็วจะให้อาการโรคสมองเสื่อมดีขึ้นได้
เห็นถึงความเสี่ยงของโรคแล้วไม่ว่าจะวัยไหนก็สามารถเจ็บป่วยได้ ดังนั้นควรเริ่มดูแลสุขภาพตัวเอง รวมไปถึงการตรวจเช็กสุขภาพเป็นประจำทุกปี หรือสามารถเตรียมตัวให้พร้อมตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อเพิ่มความมั่นใจด้วยการซื้อประกันสุขภาพตั้งแต่ตอนที่เรายังแข็งแรง มีสุขภาพดี หากมีแล้วจะช่วยเพิ่มความอุ่นใจมากยิ่งขึ้น
พลัสความคุ้มครองสุขภาพอย่างเหนือระดับ และเลือกประกันสุขภาพเหมาจ่าย เลือกเมืองไทยประกันชีวิต Elite Health Plus เหมาจ่ายตามจริง 20 - 100 ล้านบาทต่อปี +เข้ารักษาได้ทุก รพ. ทั่วไทยหรือหรือทั่วทุกมุมโลก(1) คุ้มครองทั้งโรคอุบัติใหม่ โรคระบาด โรคร้ายแรง โรคทั่วไป และอุบัติเหตุ สมัครได้ถึงอายุ 90 ปี ดูแลสุขภาพยาว ๆ ถึงอายุ 99 ปี คุ้มครองครบทั้ง IPD และ OPD(2) เบี้ยวันละไม่ถึง 83 บาท(3)
.
✔ คุ้มครองค่าห้องเดี่ยวมาตรฐาน แบบเหมาจ่ายตามจริง หรือ ห้องเดี่ยวพิเศษก็คุ้มครอง 10,000 - 25,000 บาทต่อวัน
✔ คุ้มครองค่าห้อง ICU แบบจ่ายตามจริง รวมสูงสุด 365 วัน
✔ ครอบคลุมการรักษาโรคมะเร็ง ทั้งแบบเคมีบำบัดและแบบออกฤทธิ์จำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง (Targeted Therapy) การวินิจฉัยแบบ MRI และการฟอกไตโดยไม่ต้องแอดมิท
✔ เข้ารักษาได้ทุกโรงพยาบาล
✔ เลือกซื้อเพิ่มได้ ความคุ้มครองคลอดบุตร หรือ แพ็กตรวจสุขภาพประจำปี ทันตกรรม ฉีดวัคซีน และค่ารักษาทางสายตา ได้ตามใจ
.
ซื้อวันนี้! ผ่อนค่าเบี้ยสบาย ๆ 0% สูงสุด 6 เดือน หรือรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 13% กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ
.
รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก
☑️ โทร.1766 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
☑️ ติดต่อตัวแทนประกันชีวิต หรือ สาขา ธนาคารกสิกรไทย และ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
(1) กรณีเลือกพื้นที่ความคุ้มครองทั่วโลก
(2) กรณีเลือกความคุ้มครองแผน 40, 75 หรือ 100 ล้านบาท
(3) สำหรับผู้เอาประกันภัยอายุ 35 ปี แผน 20 ล้านบาท พื้นที่ความคุ้มครองประเทศไทย และชำระเบี้ยประกันภัยรายปี