คำถามยอดฮิต ของประกันโรคร้ายแรง ที่คุณต้องรู้
โรคร้ายแรงเป็นภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะอายุเท่าไร หรือเพศไหน การมีประกันโรคร้ายแรง จึงเป็นเหมือนการเตรียมพร้อมรับมือ กับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ช่วยให้ตัวเองและครอบครัว มีความมั่นคงทางการเงินในยามที่เจ็บป่วยหนัก แต่หลายคนก็ยังสงสัย และอาจมีคำถามว่าประกันโรคร้ายแรง มีอะไรบ้าง ประกันโรคร้ายแรงควรทำตอนไหน โรคอะไรบ้างที่ทำประกันไม่ได้ หรือโรคร้ายคือโรคอะไรบ้าง ดังนั้นเรามาหาคำตอบพร้อม ๆ กันเพื่อวางแผนอนาคตเรื่องสุขภาพไว้ เพราะโรคร้ายไม่เคยเตือน กว่าจะรู้ตัว ก็อาจรักษาไม่ทัน และเสียเงินไปกับค่ารักษามหาศาลแล้ว
1. ทำไมต้องมีประกันโรคร้ายแรง?
2. โรคร้ายแรงที่คุ้มครองมีอะไรบ้าง?
3. เบี้ยประกันโรคร้ายแรงขึ้นอยู่กับอะไร?
4. อยากซื้อประกันโรคร้ายแรงต้องพิจารณาอะไรบ้าง
1. ทำไมต้องมีประกันโรคร้ายแรง?
ประกันโรคร้ายแรง เป็นเหมือนเกราะป้องกัน ที่ช่วยดูแลคุณและครอบครัว ในยามที่เจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง เพราะโรคภัยไข้เจ็บเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้ และเมื่อเกิดขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตและการเงินอย่างมาก การมีประกันโรคร้ายแรง จึงเป็นการวางแผนเพื่อรับมือ กับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่ง เหตุผลที่คุณควรมีประกันโรคร้ายแรงคือ
- ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลสูง โรคร้ายแรงมักมีใช้ค่าใช้จ่าย ในการรักษาพยาบาลที่สูงมาก ซึ่งอาจเกินกำลังในการจ่ายของหลาย ๆ คน
- ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ นอกเหนือจากค่ารักษาพยาบาล นอกจากค่ารักษาพยาบาลแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ตามมา เช่น ค่าเดินทางไปรักษา ค่าพยาบาลดูแลที่บ้าน ค่าอาหารเสริม และค่าใช้จ่ายในการดำเนินชีวิตประจำวัน
- ขาดรายได้ เมื่อเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง อาจต้องหยุดงาน ทำให้ขาดรายได้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตและการดูแลครอบครัว
- ความอุ่นใจ การมีประกันโรคร้ายแรง จะช่วยให้คุณและครอบครัวอุ่นใจมากขึ้น เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด จะมีเงินก้อนมาช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงิน
- วางแผนอนาคตได้อย่างมั่นคง การมีประกันโรคร้ายแรง จะช่วยให้คุณวางแผนอนาคตได้อย่างมั่นคงมากขึ้น ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ประกันโรคร้ายแรงควรทำตอนไหน
เวลาที่เหมาะสมที่สุดในการทำประกันโรคร้ายแรงคือ ตั้งแต่อายุยังน้อย และตอนที่คุณยังมีสุขภาพแข็งแรงแเพราะเบี้ยประกันจะถูกกว่า และได้รับความคุ้มครองนานขึ้น ซึ่งเหตุผลที่ควรทำประกันโรคร้ายแรงตั้งแต่เนิ่น ๆ
- เบี้ยประกันถูกกว่า เมื่ออายุยังน้อย ร่างกายแข็งแรง ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงยังต่ำ ทำให้เบี้ยประกันที่ต้องจ่ายก็จะต่ำตามไปด้วย
- ได้รับความคุ้มครองที่ยาวนานก ารทำประกันตั้งแต่ยังอายุน้อย ทำให้คุณได้รับความคุ้มครองในระยะยาว และยังสามารถต่ออายุความคุ้มครองได้เรื่อย ๆ
- เตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด โรคร้ายแรงอาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ การมีประกันโรคร้ายแรงจึงเป็นการเตรียมพร้อมที่ดีที่สุด
- ลดภาระทางการเงิน หากเกิดโรคร้ายแรง ประกันจะช่วยชดเชยค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ทำให้คุณและครอบครัวไม่ต้องแบกรับภาระทางการเงินที่หนักเกินไป
ประโยชน์ของประกันโรคร้ายแรง
- ได้รับเงินก้อน เมื่อตรวจพบโรคร้ายแรงตามที่ระบุในกรมธรรม์ คุณจะได้รับเงินก้อนทันที ซึ่งสามารถนำไปใช้จ่ายได้อย่างอิสระ
- ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย เงินก้อนที่ได้รับสามารถนำไปใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาล ค่าใช้จ่ายส่วนตัว หรือใช้เป็นเงินทุนสำรองฉุกเฉิน
- ลดภาระทางการเงินของครอบครัว ช่วยให้ครอบครัวไม่ต้องแบกรับภาระทางการเงิน ที่เกิดจากการเจ็บป่วยของคุณ
2. โรคร้ายแรงที่คุ้มครองมีอะไรบ้าง?
ประกันโรคร้ายแรงแต่ละแบบ จะมีความครอบคลุมโรค และระยะอย่างชัดเจน เพื่อให้คุณสามารถเลือกแบบประกัน ที่ตรงกับความคุ้มครองที่คุณต้องการ ซึ่งโรคร้ายแรงที่คุ้มครองนั้น มีหลากหลายชนิดแตกต่างกันไป ตามแต่ละบริษัทประกันภัย แต่โดยทั่วไปแล้วจะครอบคลุมโรคที่ร้ายแรง และส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันอย่างมาก เช่น
- โรคมะเร็ง ทั้งระยะเริ่มต้นและระยะลุกลาม ครอบคลุมมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่
- โรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากการขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมองแตกหรืออุดตัน
- โรคเกี่ยวกับระบบประสาท เช่น โรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน โรคหลอดเลือดสมอง
- ภาวะอวัยวะล้มเหลว เช่น ไตวาย ตับวาย ปอดวาย
- โรคอื่น ๆ อาจรวมถึงโรคที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของอวัยวะสำคัญ เช่น โรคเบาหวานขั้นรุนแรง โรคไทรอยด์เป็นพิษ
โรคอะไรบ้างที่ทำประกันโรคร้ายแรงไม่ได้
การระบุว่าโรคใดทำประกันโรคร้ายแรงไม่ได้โดยตรงนั้นค่อนข้างยาก เพราะแต่ละบริษัทประกัน มีเกณฑ์และเงื่อนไขที่แตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ตาม โรคที่มีความเสี่ยงสูง หรือโรคที่เป็นมาก่อนทำประกัน มักจะไม่ได้รับความคุ้มครองเต็มที่ หรืออาจไม่ได้รับความคุ้มครองเลย ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อการพิจารณาความคุ้มครอง
- สภาพสุขภาพ โรคประจำตัวที่มีอยู่ก่อน การรักษาที่เคยได้รับ และผลการตรวจสุขภาพ
- อายุ อายุที่มากขึ้นมักมีความเสี่ยงต่อโรคร้ายแรงมากขึ้น
- พฤติกรรมเสี่ยง การสูบบุหรี่ การดื่มสุรา การใช้สารเสพติด
- อาชีพ อาชีพที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดอุบัติเหตุหรือโรคบางชนิด
เบี้ยประกันโรคร้ายแรง เพิ่มทุกปีเหมือนประกันสุขภาพมั้ย
เบี้ยประกันของโรคร้ายแรง จะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละแบบประกัน แต่โดยส่วนใหญ่จะมีการเพิ่มเบี้ยตามช่วงอายุ
3. เบี้ยประกันโรคร้ายแรงขึ้นอยู่กับอะไร?
เบี้ยประกันโรคร้ายแรงนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง โดยหลัก ๆ แล้วจะขึ้นอยู่กับปัจจัยเหล่านี้
- อายุ อายุที่น้อยกว่า มักจะมีเบี้ยประกันที่ถูกกว่า เนื่องจากความเสี่ยง ในการเกิดโรคร้ายแรงยังต่ำ
- เพศ เพศชายมักจะมีเบี้ยประกันสูงกว่าเพศหญิง เนื่องจากโดยทั่วไปแล้ว เพศชายมีความเสี่ยงต่อโรคร้ายแรงบางชนิดมากกว่า
- อาชีพ อาชีพที่มีความเสี่ยงสูง เช่น อาชีพที่ต้องสัมผัสสารเคมี หรือทำงานในสภาพแวดล้อมที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ จะมีเบี้ยประกันที่สูงขึ้น
- พฤติกรรมเสี่ยง การสูบบุหรี่ การดื่มสุรา การใช้สารเสพติด จะทำให้เบี้ยประกันสูงขึ้น เนื่องจากเป็นปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มโอกาสในการเกิดโรคร้ายแรง
- สภาพสุขภาพ หากมีโรคประจำตัวหรือมีประวัติการรักษาพยาบาล อาจทำให้เบี้ยประกันสูงขึ้น หรืออาจไม่ได้รับความคุ้มครองบางอย่าง
- วงเงินความคุ้มครอง ยิ่งวงเงินความคุ้มครองสูงเท่าไหร่ เบี้ยประกันก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น
- โรคร้ายแรงที่คุ้มครอง จำนวนโรคร้ายแรงที่คุ้มครอง และความรุนแรงของโรค ก็มีผลต่อเบี้ยประกัน
- ระยะเวลาการชำระเบี้ย การเลือกชำระเบี้ยประกันเป็นรายปี รายครึ่งปี หรือรายเดือน ก็มีผลต่อเบี้ยประกันเช่นกัน
4. อยากซื้อประกันโรคร้ายแรงต้องพิจารณาอะไรบ้าง
การเลือกซื้อประกันโรคร้ายแรงนั้นเป็นการตัดสินใจที่สำคัญมาก เนื่องจากเป็นการวางแผน เพื่อรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดคิดในอนาคต เพื่อให้คุณเลือกแผนประกันที่เหมาะสมที่สุด โดยสิ่งที่ควรพิจารณาเมื่อจะเลือกซื้อประกันโรคร้ายแรงสักแผน มีดังนี้
- วงเงินความคุ้มครอง เลือกวงเงินที่เหมาะสม กับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลโรคร้ายแรง โดยพิจารณาจากค่ารักษาพยาบาลเฉลี่ยของโรคที่คุณกังวล
- โรคที่คุ้มครอง ตรวจสอบว่าแผนประกันนั้น ครอบคลุมโรคร้ายแรงที่คุณต้องการความคุ้มครองหรือไม่ เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง
- ระยะเวลาการรอคอย คือระยะเวลาที่ต้องรอหลังจากทำประกันไปแล้ว ก่อนที่จะได้รับความคุ้มครองในกรณีเกิดโรคร้ายแรง ควรเลือกแผนที่มีระยะเวลาการรอคอยสั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้
- เงื่อนไขการเคลม อ่านเงื่อนไขการเคลมให้ละเอียด เช่น เอกสารที่ต้องใช้ในการเคลม ขั้นตอนการเคลม และระยะเวลาในการพิจารณาเคลม
- เบี้ยประกัน เปรียบเทียบเบี้ยประกันของแต่ละบริษัท เพื่อเลือกแผนที่คุ้มค่าที่สุด โดยพิจารณาจากวงเงินความคุ้มครองและความคุ้มครองอื่น ๆ ที่ได้รับ
- บริษัทประกัน เลือกบริษัทประกันที่มีความน่าเชื่อถือ มีความมั่นคงทางการเงิน และมีบริการหลังการขายที่ดี
- สุขภาพของผู้ทำประกัน หากมีโรคประจำตัว ควรแจ้งให้บริษัทประกันทราบ เพื่อให้บริษัทประกันพิจารณาความคุ้มครองได้อย่างเหมาะสม
การเลือกซื้อประกันโรคร้ายแรงเป็นการเตรียมความพร้อมที่ดีสำหรับอนาคต เพื่อให้คุณเลือกแผนประกันที่เหมาะสมที่สุด พร้อม วางแผนสุขภาพไว้ก่อน จะได้ไม่ปวดใจกับค่ารักษา เพราะ ชีวิต “คุณ” ก็สำคัญ เลือกความคุ้มครองที่จำเป็นสำหรับคุณ เลือก Care Plus คุ้มครองค่ารักษามะเร็ง วงเงินค่ารักษา 5 ล้านบาท ต่อปี เบี้ยไม่ถึง 9 บาทต่อวัน* ครอบคลุมทั้ง IPD และ OPD เข้าถึงการรักษาที่ทันสมัย การตรวจวินิจฉัยขั้นสูง MRI, CT Scan, PET Scan เข้าถึงการรักษามะเร็งที่ทันสมัย ยามุ่งเป้า Targeted Therapy, ภูมิคุ้มกันบำบัด Immunotherapy, การปลูกถ่าย Stem Cell สมัครได้ถึง 80 ปี คุ้มครองยาวถึงอายุ 99 ปี
รายละเอียดเพิ่มเติม
☑️ โทร. 1766 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
☑️ สนใจติดต่อตัวแทนเมืองไทยประกันชีวิต หรือ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ทุกสาขา
*สำหรับผู้เอาประกันภัยเพศหญิง อายุ 34 ปี เลือกความคุ้มครองสำหรับโรคมะเร็ง แผน 5 ล้านบาท และชำระเบี้ยประกันภัยรายปี
- ค่าบริการทางการแพทย์เพื่อการบำบัดรักษาโรคมะเร็งดังกล่าว จะจ่ายสำหรับวิธีการบำบัดรักษาตามที่บริษัทฯ กำหนด
- ความคุ้มครองของสัญญาเพิ่มเติมต้องไม่เกินระยะเวลาเอาประกันภัยของกรมธรรม์ประกันชีวิตที่สัญญาเพิ่มเติมนี้แนบท้าย
- เบี้ยประกันภัยสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์เป็นไปตามที่กรมสรรพากร กำหนด
การพิจารณารับประกันภัยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของบริษัทฯ - โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย
ที่มา : สืบค้น ณ วันที่ 15/11/67
🔖 KBank
🔖 Dtac
🔖 KBank