ประกันสังคม รู้จักสิทธิประโยชน์ที่คุณได้รับ คุ้มครองอะไรบ้าง?

เงินประกันสังคม เป็นระบบสวัสดิการที่สำคัญ ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้พวกเราคนทำงานมีหลักประกันในชีวิต โดยมีการจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนเพื่อรับสิทธิประโยชน์ในด้านต่าง ๆ เมื่อต้องเผชิญกับความเสี่ยงในชีวิต ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจว่า ประกันสังคมคุ้มครองอะไรบ้าง หรือว่าเรามีสิทธิ์อะไรบ้างจากเงินที่เราจ่ายไปทุกเดือน วันนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่คุณจะได้รับจากประกันสังคม รวมถึงเงื่อนไขและขั้นตอนในการขอรับสิทธิประโยชน์แต่ละประเภท เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจและใช้ประโยชน์จากประกันสังคมได้อย่างเต็มศักยภาพ

ยาวไปเลือกอ่านตามหัวข้อได้นะ

1. ประกันสังคม คืออะไร? 

2. สิทธิประโยชน์ประกันสังคมคุ้มครองอะไรบ้าง

3. เงินประกันสังคม ใช้ทำอะไรได้บ้าง?

4. มีแค่ประกันสังคมพอไหม?

1. ประกันสังคม คืออะไร?

ประกันสังคม คือ ระบบสวัสดิการที่รัฐบาลจัดตั้งขึ้น เพื่อสร้างหลักประกันและความมั่นคงในชีวิตให้กับผู้ใช้แรงงาน โดยผู้ประกันตนจะจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมเป็นประจำทุกเดือน เพื่อรับสิทธิประโยชน์เมื่อเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่กระทบต่อการดำรงชีวิต เช่น เจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ เสียชีวิต ชราภาพ หรือว่างงาน

ทำไมประกันสังคมถึงสำคัญ

• สร้างหลักประกันและความมั่นคงในชีวิต
  • ประกันสังคมช่วยให้ผู้ใช้แรงงานได้รับการคุ้มครองเมื่อต้องเผชิญกับความเสี่ยงต่าง ๆ เช่น การเจ็บป่วย การคลอดบุตร
  • ทุพพลภาพ การเสียชีวิต หรือการว่างงาน
  • ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันเหล่านี้ ทำให้ผู้ใช้แรงงานและครอบครัวมีความมั่นคง
  • ทางการเงินมากขึ้น
• คุ้มครองด้านสุขภาพ
  • สิทธิประโยชน์กรณีเจ็บป่วย ช่วยให้ผู้ประกันตนได้รับการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย
  • ส่งเสริมให้ผู้คนเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ง่ายขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวมของประชากร
• สนับสนุนการมีบุตร
  • เงินสงเคราะห์การคลอดบุตรและเงินสงเคราะห์บุตร ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตร
  • ส่งเสริมให้ผู้คนมีบุตรได้ตามต้องการ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาประชากรของประเทศ
• สร้างความมั่นคงหลังเกษียณ
  • เงินบำนาญชราภาพช่วยให้ผู้สูงอายุมีรายได้ที่มั่นคงหลังเกษียณ
  • ช่วยลดภาระของครอบครัวและสังคมในการดูแลผู้สูงอายุ
• ช่วยเหลือเมื่อว่างงาน
  • เงินทดแทนการขาดรายได้กรณีว่างงาน ช่วยให้ผู้ประกันตนมีรายได้ในช่วงที่กำลังหางานใหม่
  • ช่วยลดผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดจากการว่างงาน
• ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและสังคม
  • กองทุนประกันสังคมเป็นแหล่งเงินทุนขนาดใหญ่ที่รัฐบาลสามารถนำไปลงทุนเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
  • เมื่อผู้ใช้แรงงานมีความมั่นคงในชีวิต ก็จะส่งผลให้สังคมโดยรวมมีความสงบสุขและมั่นคงมากขึ้น

2. สิทธิประโยชน์ประกันสังคมคุ้มครองอะไรบ้าง

จ่ายเงินประกันสังคมทุกเดือน หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า สิทธิประโยชน์ที่ผู้ประกันตนจะได้รับนั้นครอบคลุมหลากหลายด้าน ซึ่งสิทธิประโยชน์หลัก ๆ ที่ผู้ประกันตนจะได้รับมีอะไรบ้างนั้น มาดูกัน

1. กรณีเจ็บป่วย

• คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วยหรือประสบอุบัติเหตุ
• ครอบคลุมการรักษาในสถานพยาบาลตามสิทธิ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย หรือเสียค่าใช้จ่ายบางส่วน
  

2. กรณีคลอดบุตร

• ผู้ประกันตนหญิงจะได้รับเงินสงเคราะห์การคลอดบุตร
• ได้รับเงินสงเคราะห์บุตร เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตร
  

3. กรณีทุพพลภาพ

• ได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ เมื่อทุพพลภาพจนไม่สามารถทำงานได้
• ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูสมรรถภาพ
  

4. กรณีเสียชีวิต

• ทายาทของผู้ประกันตนจะได้รับเงินสงเคราะห์การเสียชีวิต
• ได้รับค่าทำศพ
  

5. กรณีชราภาพ

• ได้รับเงินบำนาญชราภาพ หรือเงินบำเหน็จชราภาพ เมื่อเกษียณอายุ
• เป็นการออมเงินเพื่อใช้ในยามเกษียณ
  

6. กรณีว่างงาน

• ได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ เมื่อว่างงาน
• ช่วยแบ่งเบาภาระในช่วงที่ว่างงาน
  

ใครบ้างที่มีสิทธิประกันตน

• ลูกจ้างในสถานประกอบการ (มาตรา 33)
• ผู้ที่เคยเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 และออกจากงานไม่เกิน 6 เดือน (มาตรา 39)
• ผู้ประกอบอาชีพอิสระ (มาตรา 40)

3. เงินประกันสังคม ใช้ทำอะไรได้บ้าง?

มีใครรู้บ้างว่าเงินสมทบที่คุณจ่ายเข้ากองทุนประกันสังคมในทุก ๆ เดือน ถูกนำไปใช้ทางไหนบ้าง วันนี้เราจะพาไปคลายความสงสัยกัน ยกตัวอย่าง เช่น คุณจ่ายเงินสมทบไป 750 บาท ต่อเดือน ซึ่งเงินสมทบส่วนนี้จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ และมีอัตราส่วนดังนี้

• กรณีเจ็บป่วย ทุพพลภาพ คลอดบุตร และเสียชีวิต
  • ส่วนนี้มีอัตรา 1.5% ของค่าจ้าง ซึ่งคิดเป็นจำนวนเงิน 225 บาท (คำนวณจากฐานค่าจ้างสูงสุด 15,000 บาท)
• กรณีว่างงาน
  • ส่วนนี้มีอัตรา 0.5% ของค่าจ้าง ซึ่งคิดเป็นจำนวนเงิน 75 บาท (คำนวณจากฐานค่าจ้างสูงสุด 15,000 บาท)
• กรณีชราภาพ
  • ส่วนนี้มีอัตรา 3% ของค่าจ้าง ซึ่งคิดเป็นจำนวนเงิน 450 บาท (คำนวณจากฐานค่าจ้างสูงสุด 15,000 บาท)

ดังนั้น รวมแล้วผู้ประกันตนมาตรา 33 จะจ่ายเงินสมทบทั้งหมด 750 บาทต่อเดือน (คำนวณจากฐานค่าจ้างสูงสุด 15,000 บาท)

ส่วนเงินสมทบที่คุณจ่ายเข้ากองทุนประกันสังคม จะถูกนำไปใช้เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ดังนี้

• ค่ารักษาพยาบาล ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วย หรือเกิดอุบัติเหตุ
• ค่าคลอดบุตร ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการคลอดบุตร
• เงินสงเคราะห์บุตร ช่วยเหลือค่าเลี้ยงดูบุตร
• เงินทดแทนการขาดรายได้ กรณีทุพพลภาพ หรือว่างงาน
• เงินบำนาญชราภาพ เป็นเงินออมสำหรับใช้จ่ายในวัยเกษียณ
• เงินทดแทนกรณีเสียชีวิต ช่วยเหลือค่าจัดการศพ และเงินสงเคราะห์ให้กับทายาท

เงินประกันสังคม ได้คืนตอนไหน?

• โดยทั่วไปเงินสมทบที่คุณจ่ายเข้ากองทุนประกันสังคม จะไม่สามารถขอคืนได้ระหว่างการเป็นผู้ประกันตน แต่คุณจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ตามเงื่อนไขที่กำหนด
• แต่ในกรณีที่คุณสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตน และมีคุณสมบัติตามเงื่อนไข คุณอาจได้รับเงินบำนาญชราภาพ หรือเงินบำเหน็จชราภาพคืน

เงินประกันสังคม เกษียณ ได้อะไรบ้าง?

เมื่อคุณเกษียณอายุ และมีคุณสมบัติตามเงื่อนไข คุณจะได้รับเงินบำนาญชราภาพ ซึ่งเป็นเงินรายเดือนที่จะจ่ายให้คุณตลอดชีวิต หรือหากคุณมีเงินสมทบไม่ครบตามเงื่อนไข คุณจะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพ ซึ่งเป็นเงินก้อน

4. มีแค่ประกันสังคมพอไหม?

แม้ว่าประกันสังคมจะเป็นสวัสดิการที่สำคัญ แต่การมีประกันสังคมเพียงอย่างเดียว อาจไม่เพียงพอต่อความต้องการในชีวิต โดยเฉพาะในเรื่องของค่ารักษาพยาบาล หรือเงินออมสำหรับวัยเกษียณ การวางแผนทางการเงินเพิ่มเติม เช่น การทำประกันสุขภาพ ประกันชีวิต หรือการลงทุน จึงเป็นสิ่งสำคัญ ย้อนมาดูกันว่าประกันสังคมถึงแม้จะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการ ที่อาจทำให้หลายคนรู้สึกว่า ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการด้านสุขภาพที่แตกต่างกันของแต่ละบุคคล

ข้อจำกัดของประกันสังคม

• วงเงินจำกัด ในบางกรณี เช่น การรักษาโรคร้ายแรง หรือการผ่าตัดใหญ่ วงเงินคุ้มครองของประกันสังคมอาจไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง
• โรงพยาบาลคู่สัญญา การเข้ารับการรักษา มักจำกัดอยู่เฉพาะโรงพยาบาลคู่สัญญา ซึ่งบางครั้งอาจไม่ใช่โรงพยาบาลที่เราสะดวก หรือต้องการเข้ารับการรักษา
• ความสะดวกสบาย การใช้บริการในโรงพยาบาลตามสิทธิ อาจต้องรอคิวนาน หรือไม่ได้รับความสะดวกสบายเท่าที่ควร
• ข้อยกเว้นบางโรค/การรักษา ประกันสังคมมีข้อยกเว้นสำหรับบางโรค หรือบางประเภทการรักษา ทำให้ผู้ป่วยต้องแบกรับค่าใช้จ่ายเอง
• การรักษาเฉพาะทาง การเข้าถึงแพทย์เฉพาะทางบางสาขา อาจมีข้อจำกัด หรือต้องมีขั้นตอนที่ซับซ้อนกว่า
  

อย่างที่บอกว่า หากมีการวางแผนทางการเงินเพิ่มเติม เช่น ประกันแผนต่าง ๆ เพิ่มเข้ามาจะช่วยให้เบาใจได้มากขึ้น เราจึงขอยกตัวอย่างของการมี ประกันสุขภาพเพิ่มเติม ซึ่งเปรียบเสมือนการมีเกราะป้องกันอีกชั้น นอกเหนือจากประกันสังคม ยังช่วยเสริมความคุ้มครองในส่วนที่ประกันสังคมอาจยังไม่ครอบคลุม หรือมีข้อจำกัด

ประโยชน์ของการมีประกันสุขภาพเพิ่มเติม

• วงเงินคุ้มครองที่สูงกว่า ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่า แม้ต้องเผชิญกับค่ารักษาพยาบาลที่สูง ก็จะไม่เป็นภาระทางการเงินมากเกินไป โดยเฉพาะโรคร้ายแรง
• เลือกโรงพยาบาลได้ สามารถเลือกเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชนที่คุณต้องการได้ ทำให้ได้รับความสะดวกสบาย และการบริการที่รวดเร็วขึ้น
• ความคุ้มครองที่ครอบคลุมกว่า บางแผนประกันสุขภาพเพิ่มเติม อาจครอบคลุมถึงการรักษาเฉพาะทาง การทำทันตกรรม หรือค่าห้องพักผู้ป่วยในที่สูงกว่า
• ลดความกังวล ช่วยลดความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ทำให้คุณและครอบครัวมีความอุ่นใจมากขึ้น
  

แต่ทั้งนี้ การตัดสินใจว่ามีแค่ประกันสังคมเพียงพอหรือไม่นั้น เป็นเรื่องส่วนบุคคล ขึ้นอยู่กับการพิจารณาถึงความต้องการ ความกังวล และศักยภาพทางการเงินของคุณ แต่การมีประกันสุขภาพเพิ่มเติม จะช่วยเสริมความคุ้มครองให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น สร้างหลักประกันด้านสุขภาพ และลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต 
และอย่าลืมเตรียมความพร้อมเรื่องค่ารักษาไว้ล่วงหน้า เพราะเราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าอนาคตโรคร้ายจะมาเยือนตอนไหน สามารถเตรียมความพร้อมเรื่องค่ารักษายามเจ็บป่วย ด้วยประกันสุขภาพเหมาจ่าย จากเมืองไทยประกันชีวิต ไว้ช่วยดูแลค่ารักษา ตั้งแต่ 2 แสน - 100 ล้านบาท จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษา

รายละเอียดเพิ่มเติม

☑️ โทร.1766 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

☑️ ติดต่อตัวแทนประกันชีวิต/ ช่องทางที่ดูแลท่าน

• โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย

ที่มา : สืบค้นเมื่อวันที่ 18/04/68

🔖 scb 

🔖 lumpsum

🔖 dtac