มีประกันสังคมแล้ว ทำไมยังต้องมีประกันสุขภาพ
ในยุคที่ค่ารักษาพยาบาลพุ่งสูงขึ้น การมีหลักประกันด้านสุขภาพ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรให้ความใส่ใจ หลายคนอาจคิดว่าการมีประกันสังคมก็เพียงพอต่อการดูแลสุขภาพแล้ว แต่ในความเป็นจริง ประกันสังคมมีข้อจำกัดบางประการ ที่อาจไม่ตอบโจทย์ความต้องการของเราได้ทั้งหมด แล้วทำไมเราจึงยังต้องมีประกันสุขภาพเพิ่มเติม? วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจถึงความแตกต่างและข้อดีของการมีประกันสุขภาพเพิ่มเติม เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการวางแผนสุขภาพของคุณ
ยาวไปเลือกอ่านตามหัวข้อได้นะ
1. ประกันสุขภาพกับประกันสังคม ต่างกันอย่างไร
2. มีประกันสังคมแล้ว ทำไมยังต้องมีประกันสุขภาพ
3. ไม่มีประกันสังคม ทําประกันอะไรดี
1. ประกันสุขภาพกับประกันสังคม ต่างกันอย่างไร
เมื่อพูดถึงเรื่องการดูแลสุขภาพ หลายคนคงนึกถึง "ประกันสังคม" ในฐานะหลักประกันพื้นฐานที่รัฐจัดให้ แต่เคยสงสัยไหมว่า ทำไมหลายคนถึงยังเลือกที่จะมี "ประกันสุขภาพ" ควบคู่ไปด้วย? ทั้ง ๆ ที่มีประกันสังคมอยู่แล้ว ในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจถึงความแตกต่างและข้อดีของการมีประกันสุขภาพเพิ่มเติม เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการวางแผนสุขภาพของคุณ
ประกันสังคม หลักประกันพื้นฐานจากรัฐ
ประกันสังคมเป็นหลักประกันทางสังคมที่รัฐบาลจัดตั้งขึ้น เพื่อคุ้มครองดูแลลูกจ้างในระบบ โดยจะให้ความคุ้มครองในกรณีต่าง ๆ เช่น เจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ เสียชีวิต ชราภาพ และว่างงาน ในส่วนของการรักษาพยาบาล ประกันสังคมจะให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลตามสิทธิที่กำหนดไว้
ข้อดีของประกันสังคม
- เป็นหลักประกันพื้นฐานที่ทุกคนในระบบควรมี
- ช่วยแบ่งเบาภาระค่ารักษาพยาบาลในระดับหนึ่ง
- ครอบคลุมการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลตามสิทธิ
ข้อจำกัดของประกันสังคม
- วงเงินคุ้มครองอาจไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง โดยเฉพาะในกรณีเจ็บป่วยร้ายแรง
- มีข้อจำกัดในการเลือกโรงพยาบาลและเงื่อนไขการรักษา
- ระยะเวลารอเข้ารับการรักษา ทำให้ไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
- สิทธิประโยชน์บางอย่างอาจไม่ครอบคลุม เช่น ค่าห้องพักพิเศษ หรือค่าแพทย์ทางเลือก
ประกันสุขภาพ ความคุ้มครองที่มากกว่า
ประกันสุขภาพเป็นผลิตภัณฑ์ประกันภัย ที่บริษัทเอกชนจัดทำขึ้น เพื่อให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลเพิ่มเติมจากประกันสังคม โดยมีแผนความคุ้มครองที่หลากหลาย สามารถเลือกให้เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณได้
ข้อดีของประกันสุขภาพ
- ความคุ้มครองที่ครอบคลุมและหลากหลาย สามารถเลือกแผนที่ตอบโจทย์ความต้องการได้
- วงเงินคุ้มครองสูงกว่าประกันสังคม ทำให้มั่นใจได้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายเพียงพอในกรณีเจ็บป่วย
- ความสะดวกสบายในการเลือกโรงพยาบาลและแพทย์ ทำให้ได้รับการรักษาที่รวดเร็วและสะดวกสบายยิ่งขึ้น
- มีสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม เช่น ค่าห้องพักพิเศษ ค่าแพทย์ทางเลือก หรือค่ารักษาพยาบาลในต่างประเทศ
ข้อจำกัดของประกันสุขภาพ
- มีค่าใช้จ่ายเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายเป็นประจำ
- มีเงื่อนไขและข้อยกเว้นตามกรมธรรม์ที่ต้องศึกษาให้เข้าใจ
2. มีประกันสังคมแล้ว ทำไมยังต้องมีประกันสุขภาพ
ประกันสังคมและประกันสุขภาพ ต่างก็มีความสำคัญในการดูแลสุขภาพของเรา แต่มีความแตกต่างกันในด้านความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ แม้คุณจะมี ประกันสังคม อยู่แล้ว แต่ ประกันสุขภาพ ก็ยังมีความสำคัญส่วนจะมีอะไรบ้าง มาดูกัน
1. ความครอบคลุมของการรักษาที่แตกต่างกัน
- ประกันสังคม ครอบคลุมการรักษาพยาบาลพื้นฐาน แต่มีข้อจำกัดเรื่องโรงพยาบาลที่เข้ารักษา (ต้องเป็นโรงพยาบาลตามสิทธิ)
- ประกันสุขภาพ ช่วยให้คุณเลือกโรงพยาบาลเองได้ ไม่ต้องรอคิวนาน และครอบคลุมโรคหรือค่ารักษาบางอย่างที่ประกันสังคมไม่จ่าย
2. ค่ารักษาที่อาจสูงกว่าขอบเขตของประกันสังคม
- ประกันสังคมอาจไม่ครอบคลุมค่ารักษาพิเศษ เช่น ค่าห้องพักผู้ป่วย ค่าศัลยกรรมบางประเภท หรือค่าตรวจวินิจฉัยขั้นสูง
- ประกันสุขภาพช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของคุณเอง
3. ทางเลือกการรักษาที่มากขึ้น
- ประกันสุขภาพมักให้สิทธิการรักษาในโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งมีบริการที่รวดเร็วและสะดวกกว่า
- สามารถเลือกแพทย์เฉพาะทางได้ตามต้องการ
4. การคุ้มครองที่ครอบคลุมมากขึ้น
- ประกันสุขภาพบางแผนมีความคุ้มครองที่เหนือกว่าประกันสังคม เช่น ค่าชดเชยรายได้เมื่อป่วยจนทำงานไม่ได้
5. ประกันสุขภาพช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน
- หากเกิดโรคร้ายแรงหรืออุบัติเหตุหนัก ค่ารักษาอาจสูงกว่าที่ประกันสังคมจ่ายไหว ประกันสุขภาพช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายส่วนเกิน
ดังนั้น ประกันสังคมช่วยดูแลสุขภาพพื้นฐานได้ แต่ไม่ครอบคลุมทุกอย่าง การมี ประกันสุขภาพเพิ่มเติม จะช่วยให้คุณได้รับการรักษาที่ดีขึ้น สะดวกขึ้น และลดภาระค่าใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉิน
3. ไม่มีประกันสังคม ทําประกันอะไรดี
สำหรับผู้ที่ไม่มีประกันสังคม การทำประกันสุขภาพถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นการสร้างหลักประกันด้านสุขภาพที่มั่นคง ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต โดยประเภทของประกันสุขภาพที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ไม่มีประกันสังคม มีดังนี้
1. ประกันสุขภาพแบบผู้ป่วยใน (IPD)
- ประกันสุขภาพแบบผู้ป่วยใน (IPD) ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลเมื่อต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เช่น ค่าห้องพัก ค่าอาหาร ค่าแพทย์ ค่าผ่าตัด และค่ายา
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลที่ครอบคลุม โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่มีราคาสูง
- ควรพิจารณาเลือกแผนประกันที่มีวงเงินคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลที่เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณ
2. ประกันสุขภาพแบบผู้ป่วยนอก (OPD)
- ประกันสุขภาพแบบผู้ป่วยนอก (OPD) ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลเมื่อเข้ารับการรักษาโดยไม่ต้องนอนโรงพยาบาล เช่น ค่าปรึกษาแพทย์ ค่ายา และค่าตรวจวินิจฉัย
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในกรณีเจ็บป่วยเล็กน้อย หรือต้องการความคุ้มครองเพิ่มเติมจากประกันสุขภาพแบบผู้ป่วยใน
- ควรพิจารณาเลือกแผนประกันที่มีวงเงินคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลต่อครั้งที่เหมาะสม
3. ประกันสุขภาพแบบเฉพาะโรค
- ประกันสุขภาพแบบเฉพาะโรคให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลสำหรับโรคที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ หรือโรคเบาหวาน
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเฉพาะ หรือต้องการความคุ้มครองเพิ่มเติมสำหรับโรคที่กังวล
- ควรพิจารณาเลือกแผนประกันที่มีความคุ้มครองที่ครอบคลุมโรคที่ต้องการ
4. ประกันสุขภาพแบบชดเชยรายได้
- ประกันสุขภาพแบบชดเชยรายได้ให้เงินชดเชยรายวันเมื่อต้องนอนโรงพยาบาล เพื่อชดเชยรายได้ที่สูญเสียไป
- เหมาะสำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระ หรือผู้ที่ไม่มีสวัสดิการวันลาป่วยแบบได้รับค่าจ้าง
- ควรพิจารณาเลือกแผนประกันที่มีจำนวนเงินชดเชยรายวันที่เหมาะสมกับรายได้
คำแนะนำเพิ่มเติม
- ควรศึกษาเงื่อนไขและความคุ้มครองของแต่ละแผนประกันอย่างละเอียด ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ
- ควรเปรียบเทียบเบี้ยประกันและสิทธิประโยชน์จากหลายบริษัทประกัน เพื่อให้ได้แผนประกันที่คุ้มค่าที่สุด
- พิจารณาถึงประวัติสุขภาพของตนเอง เพื่อเลือกประกันที่เหมาะสม
- หากมีโรคประจำตัว ควรแจ้งให้บริษัทประกันทราบ เพื่อพิจารณาเงื่อนไขการรับประกัน
เพราะประกันสังคม เป็นหลักประกันพื้นฐานที่ช่วยคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล แต่มีข้อจำกัดบางประการ การมีประกันสุขภาพเพิ่มเติมจะช่วยเสริมความคุ้มครองให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น สร้างหลักประกันด้านสุขภาพ และลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต ทำให้มั่นใจได้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายเพียงพอ และได้รับการรักษาที่ดีที่สุดในกรณีเจ็บป่วย
และอย่าลืมเตรียมความพร้อมเรื่องค่ารักษาไว้ล่วงหน้า เพราะเราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าอนาคตโรคร้ายจะมาเยือนตอนไหน สามารถเตรียมความพร้อมเรื่องค่ารักษายามเจ็บป่วย ด้วยประกันสุขภาพเหมาจ่าย จากเมืองไทยประกันชีวิต ไว้ช่วยดูแลค่ารักษา ตั้งแต่ 2 แสน - 100 ล้านบาท จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษา
รายละเอียดเพิ่มเติม
☑️ โทร.1766 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
☑️ ติดต่อตัวแทนประกันชีวิต/ ช่องทางที่ดูแลท่าน
- โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย
ที่มา : สืบค้นเมื่อวันที่ 22/03/68
🔖 dtac