Loading...

กำลังโหลดหน้าเว็บไซต์
รอสักครู่น้า Loading...

 กลิ่นปากแรง! อาจเป็นเพราะนิ่วทอนซิล พร้อมวิธีกำจัดเจ้าก้อนเหม็นในลำคอ

กลิ่นปากแรง! อาจเป็นเพราะนิ่วทอนซิล พร้อมวิธีกำจัดเจ้าก้อนเหม็นในลำคอ

คุณเคยรู้สึกเหมือนมีอะไรติดอยู่ในคอ หรือ มีกลิ่นปากแรง ทั้งที่แปรงฟันอย่างดีไหม? ถ้าใช่…ปัญหาอาจไม่ใช่แค่เรื่องฟัน หรือ เหงือก แต่อาจเกิดจาก “นิ่วทอนซิล” ก้อนเล็ก ๆ ที่ฝังตัวอยู่ในต่อมทอนซิล และกลายเป็นต้นตอของกลิ่นเหม็นโดยที่คุณไม่รู้ตัว บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับนิ่วทอนซิล พร้อมวิธีกำจัด และป้องกัน



ยาวไปเลือกอ่านตามหัวข้อได้นะ




นิ่วทอนซิลคืออะไร? อันตรายแค่ไหน



นิ่วทอนซิลคืออะไร? อันตรายแค่ไหน


ถ้าคุณเคยรู้สึกว่ามีกลิ่นปากแรงแม้จะแปรงฟันอย่างดี หรือ รู้สึกเหมือนมีอะไรติดอยู่ในคอตลอดเวลา อาจถึงเวลาที่ต้องรู้จักกับสิ่งที่เรียกว่า “นิ่วทอนซิล” แล้วล่ะ


นิ่วทอนซิลคืออะไร?

นิ่วทอนซิล (Tonsil Stones) คือก้อนเล็ก ๆ สีขาว หรือ เหลือง ที่ไปฝังตัวอยู่ในซอกหลืบของต่อมทอนซิลบริเวณสองข้างของลำคอ จุดที่ก้อนนิ่วก่อตัวขึ้นได้ง่ายคือบริเวณที่เรียกว่า crypts ซึ่งเป็นร่องลึกเล็ก ๆ ที่มักมีเศษอาหาร หรือ เซลล์ตกค้างเข้าไปสะสมโดยที่เราไม่รู้ตัว


สิ่งที่เข้าไปติดในร่องเหล่านี้มีทั้งเศษอาหาร เซลล์เยื่อบุที่ตายแล้ว แบคทีเรีย และสารอื่น ๆ ในน้ำลาย เมื่อสะสมมากขึ้น ร่างกายจะพยายามย่อยสลายด้วยเอนไซม์ และเม็ดเลือดขาว จนกลายเป็นก้อนเนื้อเหนียวคล้ายเนย และในบางคนอาจมีแคลเซียมจับตัวร่วมด้วย ทำให้แข็งตัวเป็นก้อนนิ่ว


แล้วนิ่วทอนซิลอันตรายไหม?

ถึงแม้นิ่วทอนซิลจะดูน่ากังวล แต่โดยทั่วไปแล้วไม่ได้เป็นภาวะอันตราย หรือ ก่อให้เกิดโรคร้ายแรง อย่างไรก็ตาม อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน เช่น


  • รู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมติดคอ เช่น ก้างปลา
  • มีกลิ่นปากแรง แม้จะรักษาความสะอาดในช่องปากดีแล้ว
  • เจ็บคอเรื้อรัง โดยไม่มีสาเหตุอื่นชัดเจน
  • ไอเรื้อรัง หรือ มีอาการระคายคอบ่อย ๆ
  • พบก้อนสีขาว หรือ เหลืองคล้ายเม็ดข้าวในปาก
  • บางรายอาจปวดร้าวไปที่หู เนื่องจากเส้นประสาทบริเวณหูกับทอนซิลมีความเชื่อมโยงกัน


นิ่วทอนซิลมักพบในผู้ใหญ่บ่อยกว่าเด็ก และบางคนอาจไม่รู้ตัวเลยว่ามี จนกระทั่งก้อนไหลหลุดออกมาเองระหว่างไอ ขากเสมหะ หรือ กลั้วคอแรง ๆ แต่ในบางกรณี ก้อนนิ่วอาจหลุดออกมาได้เอง แต่หากรู้สึกว่ามันรบกวนชีวิตประจำวัน เช่น มีกลิ่นปาก หรือ คออักเสบบ่อย ควรหาวิธีดูแลช่องปากให้สะอาดอยู่เสมอ หรือ ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางหู คอ จมูก เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสม และปลอดภัย



<strong> </strong><strong>สาเหตุ และอาการของนิ่วทอนซิลเกิดจากอะไร?</strong>


สาเหตุ และอาการของนิ่วทอนซิลเกิดจากอะไร?


นิ่วทอนซิล (Tonsil stones) คือก้อนสีขาว หรือ เหลืองเล็ก ๆ ที่ก่อตัวขึ้นในร่องลึกของต่อมทอนซิล ซึ่งอาจมองเห็นได้เมื่ออ้าปาก โดยเฉพาะหากมีขนาดใหญ่พอ แม้จะไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่ก็สร้างความรำคาญ และเป็นสาเหตุหนึ่งของกลิ่นปากเรื้อรังที่หลายคนไม่รู้ตัว


สาเหตุของนิ่วทอนซิล

นิ่วทอนซิลเกิดจากการสะสมของ เศษอาหาร ตะกอนจากน้ำลาย เซลล์ที่ตายแล้ว รวมถึงแบคทีเรีย ที่เข้าไปติดอยู่ในร่องลึก หรือ ซอกของต่อมทอนซิล โดยเฉพาะในผู้ที่มีทอนซิลอักเสบบ่อย ๆ หรือ มีลักษณะต่อมทอนซิลที่เป็นหลุมเป็นบ่อ จะยิ่งเพิ่มโอกาสให้สิ่งสกปรกเหล่านี้เข้าไปสะสมได้ง่าย


เมื่อเวลาผ่านไป แบคทีเรียจะย่อยสลายเศษสิ่งตกค้างเหล่านี้ เกิดเป็นก๊าซมีกลิ่นคล้ายไข่เน่า และค่อย ๆ ก่อตัวกลายเป็นก้อนแข็งเล็ก ๆ ที่เรียกว่า "นิ่วทอนซิล" ซึ่งบางครั้งอาจมีแคลเซียมมาเกาะ ทำให้แข็งยิ่งขึ้น



ทําอย่างไรให้นิ่วทอนซิลหาย พร้อมวิธีป้องกัน


ทําอย่างไรให้นิ่วทอนซิลหาย พร้อมวิธีป้องกัน


แม้ “นิ่วทอนซิล” จะไม่ใช่โรคอันตราย แต่ก็มักสร้างความรำคาญใจ ทั้งจาก กลิ่นปาก เจ็บคอเรื้อรัง หรือ ความรู้สึกเหมือนมีอะไรติดในลำคอ หากคุณเคยเจอก้อนสีขาว หรือ เหลืองเล็ก ๆ หลุดออกมาจากคอ นั่นอาจคือนิ่วทอนซิลที่คุณไม่เคยรู้ตัว


วิธีกำจัดนิ่วทอนซิลด้วยตัวเอง

  • กลั้วคอด้วยด้วยน้ำเกลือ หรือ น้ำเปล่า ช่วยลดการอักเสบ และขจัดสิ่งตกค้างในต่อมทอนซิล แนะนำให้ทำเป็นประจำวันละ 1–2 ครั้ง โดยผสมน้ำอุ่นกับเกลือเล็กน้อย
  • นวดใต้คางบริเวณมุมขากรรไกรล่าง ซึ่งตรงกับตำแหน่งของต่อมทอนซิล
  • ไอแรง ๆ หรือ ขากเสมหะ ในบางกรณี ก้อนนิ่วสามารถหลุดออกมาเองได้จากการไอแรง ๆ 
  • ใช้เครื่องพ่นน้ำสำหรับช่องปาก (oral irrigator) ฉีดบริเวณต่อมทอนซิล
  • ไปพบแพทย์หากมีอาการเรื้อรัง ถ้านิ่วเกิดบ่อย ก้อนใหญ่ หรือ มีอาการอักเสบเจ็บคอบ่อย อาจต้องใช้วิธีรักษาโดยแพทย์ เช่น ดูดนิ่วออก หรือ พิจารณาผ่าตัดต่อมทอนซิลในบางราย


วิธีป้องกันไม่ให้เกิดนิ่วทอนซิล

  • แปรงฟัน และลิ้นให้สะอาดอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะบริเวณโคนลิ้น
  • ใช้ไหมขัดฟัน และน้ำยาบ้วนปากหลังมื้ออาหาร
  • ดื่มน้ำบ่อย ๆ ไม่ให้ปากแห้ง เพราะน้ำลายช่วยชะล้างแบคทีเรีย
  • หลีกเลี่ยงอาหารหวานจัด เหนียว หรือ ที่ตกค้างในคอได้ง่าย
  • กลั้วคอด้วยน้ำเกลือเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังอาหาร หรือ ก่อนนอน
  • หากมีต่อมทอนซิลลึก หรือ มีนิ่วซ้ำซาก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม



วิธีการรักษานิ่วทอนซิล


วิธีการรักษานิ่วทอนซิล


การรักษานิ่วทอนซิลสามารถทำได้ 2 วิธีหลัก ๆ ได้แก่ วิธีไม่ผ่าตัด และ วิธีผ่าตัด ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ และความถี่ในการกลับมาเป็นซ้ำ


1. การรักษาโดยไม่ต้องผ่าตัด

แนวทางนี้เหมาะกับผู้ที่มีอาการไม่รุนแรง หรือ พบก้อนนิ่วเป็นครั้งคราว โดยสามารถใช้วิธีต่อไปนี้เพื่อช่วยให้นิ่วหลุดออกจากต่อมทอนซิลได้


    • กลั้วคออย่างสม่ำเสมอ ด้วยน้ำเปล่า น้ำเกลือ หรือ ผลิตภัณฑ์น้ำยาบ้วนปาก โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหาร เพื่อช่วยชะล้างสิ่งตกค้างที่อาจสะสมในต่อมทอนซิล
    • นวดใต้ขากรรไกร โดยใช้นิ้วนวดบริเวณใต้คางบริเวณมุมขากรรไกร ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สอดคล้องกับต่อมทอนซิล อาจช่วยให้ก้อนนิ่วหลุดออกมาเองได้
    • ใช้เครื่องมือช่วยเอาก้อนนิ่วออก เช่น ไม้พันสำลี (cotton bud), ปลายแปรงสีฟัน, ที่เขี่ยขี้หู หรือ อุปกรณ์อื่นที่มีลักษณะปลายมน โดยค่อย ๆ เขี่ย หรือ ลูบเบา ๆ ที่บริเวณทอนซิล แต่ต้องระวังไม่ให้เกิดการบาดเจ็บ หรือ ระคายเคือง
    • ใช้เครื่องฉีดน้ำในช่องปาก (Water pick) เพื่อฉีดทำความสะอาดร่องทอนซิลเบา ๆ ซึ่งอาจช่วยให้ก้อนนิ่วหลุดออกโดยไม่ต้องสัมผัสโดยตรง
    • ใช้ลิ้น หรือ นิ้วดันจากด้านล่าง โดยกดที่ฐานของต่อมทอนซิลแล้วดันขึ้นเบา ๆ หรือ ใช้แรงดันจากลิ้นเพื่อช่วยดันนิ่วออกมา


2. การรักษาด้วยวิธีผ่าตัด

ในผู้ที่มีปัญหานิ่วเรื้อรัง หรือ อาการรุนแรงจนส่งผลต่อคุณภาพชีวิต อาจพิจารณาทางเลือกด้านการแพทย์ที่มีความเฉพาะทางมากขึ้น เช่น


    • การจี้ต่อมทอนซิล ด้วยกรดไตรคลอโรอะซีติก (Trichloroacetic acid) หรือ เลเซอร์ (Laser tonsillotomy) เพื่อเปิดร่องในต่อมทอนซิลให้กว้างขึ้น ลดโอกาสที่เศษอาหาร หรือ เซลล์ตายจะสะสมในหลืบของต่อม วิธีนี้สามารถทำได้ภายใต้การใช้ยาชาเฉพาะที่
    • การผ่าตัดเอาต่อมทอนซิลออก (Tonsillectomy) เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการซ้ำบ่อย  และไม่ตอบสนองต่อวิธีรักษาอื่น การผ่าตัดนี้เป็นการแก้ไขที่ต้นเหตุ และช่วยให้ไม่กลับมาเป็นนิ่วอีกในอนาคต


แม้นิ่วทอนซิลจะไม่ใช่โรคอันตราย แต่หากปล่อยไว้โดยไม่จัดการ อาจรบกวนชีวิตประจำวันอย่างมาก ตั้งแต่กลิ่นปากไม่พึงประสงค์ไปจนถึงเจ็บคอเรื้อรัง การดูแลช่องปากอย่างใส่ใจ และรู้จักวิธีกำจัดอย่างปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้การวางแผนสุขภาพไว้ล่วงหน้าด้วยการมีประกันสุขภาพที่ครอบคลุม ก็จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าหากเกิดเหตุไม่คาดคิด ค่ารักษาพยาบาลจะไม่เป็นภาระที่ต้องกังวลใจในอนาคต ด้วย ประกันสุขภาพเหมาจ่าย จากเมืองไทยประกันชีวิต ที่ดูแลค่ารักษา ตั้งแต่ 2 แสน - 100 ล้านบาท เจ็บป่วยก็เบาใจกับค่ารักษา



รายละเอียดเพิ่มเติม

☑️ โทร.1766 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

☑️ ติดต่อตัวแทนเมืองไทยประกันชีวิต/ ช่องทางที่ดูแลท่าน



  • โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย



ที่มา : สืบค้นเมื่อวันที่ 30/04/68

🔖 thairath

🔖 กรมอนามัย

🔖 คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

🔖 Paolo Hospital

สนใจแบบประกัน

ข้าพเจ้าตกลงยินยอมให้ บมจ. เมืองไทยประกันชีวิต เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้นของข้าพเจ้าเพื่อติดต่อข้าพเจ้าในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ ข้าพเจ้าสนใจหรือที่บริษัทฯ เห็นว่าเป็นประโยชน์แก่ ข้าพเจ้าได้โดยข้าพเจ้าให้ถือเอาการทำเครื่องหมาย ในช่องสี่เหลี่ยมเป็นการแสดงเจตนา ยินยอมของข้าพเจ้าแทน การลงลายมือชื่อเป็นหลักฐาน ทั้งนี้ ก่อนการแสดงเจตนาดังกล่าวข้างต้น ข้าพเจ้าได้อ่านและรับทราบเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัวแล้ว

บทความน่าสนใจ