(1) ให้ความคุ้มครองชีวิตสูง เมื่อเทียบกับเบี้ยฯ ที่จ่าย
(2) กรณีที่ผู้เอาประกันภัยตรวจสุขภาพและมีสุขภาพดีกว่ามาตรฐาน ตามหลักเกณฑ์ของบริษัทฯ จะจ่ายเบี้ยฯ ในอัตราพิเศษ (Preferred)
- การพิจารณารับประกันภัยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของบริษัทฯ
- เบี้ยประกันภัยสามารถนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์เป็นไปตามที่กรมสรรพากร กำหนด
- โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย
Q: ใครที่สามารถทำแบบประกันเมืองไทย พรีเมียร์ เลกาซี่ 99/5 และ 99/10 ได้บ้าง
A: ทำได้ตั้งแต่อายุ 30 วัน - 70 ปี
Q: ความคุ้มครองขั้นต่ำที่สามารถซื้อได้ของแบบประกันภัย เมืองไทย พรีเมียร์ เลกาซี่ 99/5 และ 99/10 คือเท่าไร
A: 10 ล้านบาท
Q: ต้องตรวจสุขภาพมั้ย
A: ผู้ทำประกันต้องแจ้งข้อมูลสุขภาพตามจริงให้บริษัททราบ โดยการขอตรวจสุขภาพจะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของบริษัท
**ทั้งนี้ในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยอายุ 16 - 70 ปี ตรวจสุขภาพและมีสุขภาพดีกว่ามาตรฐาน ตามหลักเกณฑ์ของบริษัทฯ จะจ่ายเบี้ยฯ ในอัตราพิเศษ (Preferred)
Q: ถ้าทำประกันนี้แล้วจะยังสามารถซื้อสัญญาอื่นเพิ่มเติมได้มั้ย
A: สามารถซื้อสัญญาเพิ่มเติมแนบท้ายกรมธรรม์ได้เฉพาะแบบที่กำหนดเท่านั้น ทั้งนี้ให้เป็นไปตามเงื่อนไขการพิจารณารับประกันภัยของสัญญาเพิ่มเติมนั้น
Q: ถ้าหากสมัครทำประกันเมืองไทย พรีเมียร์ เลกาซี่ 99/5 และ 99/10 และผ่านการพิจารณาเรียบร้อยแล้ว เบี้ยประกันจะถูกปรับเพิ่มขึ้นตามอายุของผู้ทำประกันหรือไม่
A: เบี้ยประกันภัยที่ต้องจ่ายสำหรับปีกรมธรรม์ถัดไปจะเท่าเดิม (เบี้ยประกันภัยไม่ปรับเพิ่มขึ้นตามอายุ) โดยลูกค้าจะต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยปีต่ออายุก่อนหรือภายใน 31 วัน นับตั้งแต่วันที่ถึงกำหนดชำระเบี้ยประกันภัย
Q: ประกันนี้สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้มั้ย
A: เบี้ยประกันภัยของสัญญาประกันภัยนี้ สามารถนำไปใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ ฉบับที่ 172
Q: จะได้ผลประโยชน์ยังไงบ้าง
A: 1. กรณีที่ผู้เอาประกันภัยมีชีวิตอยู่จนถึงวันครบกำหนดสัญญา บริษัทฯ จะจ่ายเงินให้เท่ากับจำนวนเงินเอาประกันภัย ณ วันเริ่มมีผลคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัย หรือ 101% ของจำนวนเงินเบี้ยประกันภัยที่ผู้เอาประกันภัยได้ชำระไว้แล้ว (แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า)
2. กรณีผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตระหว่างสัญญา บริษัทฯ จะจ่ายเงินให้แก่ผู้รับประโยชน์เท่ากับจำนวนเงินเอาประกันภัย ณ วันเริ่มมีผลคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัย หรือเงินค่าเวนคืนกรมธรรม์ประกันภัยในขณะนั้น หรือ 101% ของจำนวนเงินเบี้ยประกันภัยที่ผู้เอาประกันภัยได้ชำระไว้แล้ว (แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า)
Q: บริษัทฯ จะไม่คุ้มครองในกรณีใดบ้าง
A: 1. กรณีผู้ทำประกันภัยฆ่าตัวตายภายใน 1 ปี นับแต่วันเริ่มมีผลคุ้มครองตามกรมธรรม์ หรือตามการต่ออายุ หรือตามการกลับคืนสู่สถานะเดิมของกรมธรรม์ครั้งสุดท้าย หรือวันที่บริษัทฯ อนุมัติให้เพิ่มจำนวนเงินเอาประกันภัย ทั้งนี้เฉพาะในส่วนของจำนวนเงินเอาประกันภัยที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น
2. กรณีผู้ทำประกันถูกผู้รับประโยชน์ฆ่าตายโดยเจตนา
3. กรณีผู้ทำประกันแจ้งอายุไม่ถูกต้อง และบริษัทฯ พิสูจน์ได้ว่าในขณะทำสัญญาประกันภัยอายุที่ถูกต้องอยู่นอกจำกัดอัตราเบี้ยประกันภัยตามทางค้าปกติของบริษัทฯ
ในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยรู้อยู่แล้ว และแถลงข้อความอันเป็นเท็จ หรือรู้อยู่แล้วในข้อความจริงใด แต่ไม่เปิดเผยข้อความจริงนั้น ให้บริษัทฯ ทราบในขณะที่ขอเอาประกันภัย ซึ่งถ้าบริษัทฯ ทราบข้อความจริงนั้นๆ แล้ว อาจจูงใจบริษัทฯ ให้เรียกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้นหรือให้บอกปัดไม่ยอมทำสัญญา สัญญาประกันภัยจะตกเป็นโมฆียะตาม ป.พ.พ. มาตรา 865 ซึ่งบริษัทฯ อาจบอกล้างสัญญา และไม่จ่ายเงินตามกรมธรรม์ ความรับผิดของบริษัทฯ จะมีเพียงคืนเบี้ยประกันภัยที่ได้ชำระให้แก่บริษัทฯ แล้วทั้งหมดเท่านั้น
1. กรณีผู้เอาประกันภัยฆ่าตัวตายด้วยใจสมัครภายใน 1 ปี นับแต่วันเริ่มมีผลคุ้มครองตามกรมธรรม์ หรือตามการต่ออายุ หรือตามการกลับคืนสู่สถานะเดิมของกรมธรรม์ครั้งสุดท้าย หรือวันที่บริษัทฯ อนุมัติให้เพิ่มจำนวนเงินเอาประกันภัย ทั้งนี้เฉพาะในส่วนของจำนวนเงินเอาประกันภัยที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น
2. กรณีผู้เอาประกันภัยถูกผู้รับประโยชน์ฆ่าตายโดยเจตนา
3. กรณีผู้เอาประกันภัยแถลงอายุคลาดเคลื่อนไม่ถูกต้องแท้จริง และบริษัทฯ พิสูจน์ได้ว่าในขณะทำสัญญาประกันภัยอายุที่ถูกต้องแท้จริงอยู่นอกจำกัดอัตราเบี้ยประกันภัยตามทางค้าปกติของบริษัทฯ
ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง