4 Things You Need to Know! Prepare to Take Care of Retired Parents and Keep Them Happy
พ่อแม่ของใครหลายคนอาจกำลังเข้าสู่วัยเกษียณอายุ เป็นช่วงเวลาของการหยุดพักผ่อนอย่างจริงจัง จากการงานที่ต้องรับผิดชอบมาเกือบทั้งชีวิต ได้กลับมาอยู่ที่บ้านกับลูกหลานที่รัก หรือมีเวลาทำตามฝันที่รอมาทั้งชีวิต เราในฐานะลูกก็สามารถคอยช่วยสนับสนุน และเติมเต็มความตั้งใจของพ่อแม่ให้สำเร็จได้ แต่นอกจากการวางแผนทำประกันชีวิตและสุขภาพที่ช่วยเสริมความคุ้มครอง และดูแลเรื่องโรคร้ายแรงแล้ว การดูแลพ่อแม่วัยเกษียณก็ยังมีอีกหลายสิ่งให้ต้องเตรียมพร้อมไว้ก่อน ถ้าใครยังนึกไม่ออกลองมาดูกันว่า มีอะไรบ้างที่ช่วยให้เราวางแผนดูแลพ่อแม่ในวัยเกษียณให้แฮปปี้ได้
1. วางแผนการเงินให้ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
จะวัยไหนก็ยังมีค่าใช้จ่าย แต่พ่อแม่วัยเกษียณอาจมีมากกว่าวัยอื่นๆ เพราะขาดรายรับเข้ามาทดแทน บวกกับร่างกายที่เริ่มเสื่อมถอยจากการทำงาน เจ็บป่วยแต่ละทีก็อาจต้องใช้เวลาในการรักษา และมีค่าใช้จ่ายมากมายตามมา หากมีอาการป่วยแบบเรื้อรังอย่างโรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง หรือแม้แต่โรคเบาหวาน ก็จะยิ่งส่งผลให้เงินเก็บที่สะสมไว้ของพ่อแม่สามารถหมดไปได้ในพริบตา การวางแผนและเตรียมพร้อมเรื่องเงินสำรองเอาไว้ล่วงหน้า จึงเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ อาจเป็นการให้คำแนะนำและช่วยกันมองหารายรับระยะยาวหลังเกษียณเอาไว้รองรับตั้งแต่เนิ่นๆ หรือเป็นการลงทุนเล็กๆ ที่มีความเสี่ยงในระดับต่ำเพื่อให้สอดคล้องกับช่วงอายุของพ่อแม่ อย่างการซื้อกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ลงทุนผ่านการซื้อตั๋วหรือพันธบัตรรัฐบาล ที่สามารถเริ่มต้นทำไว้ก่อนได้โดยไม่ต้องรอ เป็นการเพิ่มพูนเงินเก็บและช่วยให้วัยเกษียณที่กำลังจะมาถึงของพ่อแม่มั่นคงและวางใจได้มากขึ้น ยิ่งเราเริ่มต้นวางแผนการเงินได้เร็วมากเท่าไหร่ พ่อแม่ของเราก็จะยิ่งมีเงินเก็บสำรองที่มั่นคงไว้ใช้ยามเกษียณมากขึ้นเท่านั้น ไม่ต้องกังวลใจ มีความสุขอยู่กับลูกหลานไปได้นานๆ
2. ความรักและความเข้าใจยังเป็นสิ่งสำคัญ
พ่อแม่ของเราทำงานมาตลอดทั้งชีวิต ถ้าวันหนึ่งต้องเปลี่ยนมาอยู่บ้านเพียงอย่างเดียวอาจทำให้รู้สึกไม่คุ้นชินและเงียบเหงา บางรายที่เคยเป็นเสาหลักหาเลี้ยงครอบครัว ก็อาจมีความรู้สึกเสียความมั่นใจในตัวเองลงไปบ้าง ลูกหลานจึงควรเตรียมพร้อมการดูแล และช่วยกันแสดงออกให้พ่อแม่มองเห็นว่า คุณค่าในชีวิตของพวกท่านไม่ได้ลดน้อยลงไป อาจเริ่มต้นจากการวางแผนพาพวกท่านออกตะลุยทำตามฝันที่ตั้งใจไว้ มองหากิจกรรมต่างๆ สามารถทำร่วมกันให้บ่อยขึ้น ชวนกันออกไปท่องเที่ยวเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศให้พ่อแม่รู้สึกคลายเครียด หรือหากพ่อแม่ของใครชื่นชอบการเข้าสังคมพบปะเพื่อนๆ กิจกรรมสันทนาการ เช่น การเต้นลีลาศ ทำงานฝีมือ หรือทำอาหาร ก็ถือเป็นทางเลือกที่ดีและช่วยสร้างสีสันไม่ให้ชีวิตหลังวัยเกษียณเงียบเหงาจนเกินไป หรือการชวนพ่อแม่ออกกำลังกาย ซึ่งถือว่าเป็นกิจกรรมผ่อนคลายที่สามารถทำได้ทั้งครอบครัว อาจเป็นการขยับร่างกายเพียงง่ายๆ เช่นการแกว่งแขน การเดินในบริเวณสวนสาธารณะหรือพื้นที่โล่ง ก็จะทำให้ท่านผ่อนคลาย และเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกระดูกและข้อต่อต่างๆ รวมทั้งการทำกายบริหารเบาๆ เช่น บริหารข้อมือ หัวไหล่ ที่ใช้แรงปานกลางอย่างน้อยวันละ 30 นาที ก็จะช่วยเสริมสร้างสุขภาพของพ่อแม่วัยเกษียณให้แข็งแรงอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังช่วยเรียกความมั่นใจของพวกท่านให้กลับคืนมา และมีความสุขที่รู้ว่าลูกหลานยังคงรักความเคารพตนเองเช่นเดิม
หากพ่อแม่ที่มีอายุเยอะ และมีปัญหาเรื่องกระดูกและข้อ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ หรือนักกายภาพบำบัด เพื่อเลือกการออกกำลัง หรือท่ากายบริหารที่เหมาะสมกับท่าน
3. สร้างบ้านปลอดภัยพ่อแม่วัยเกษียณแฮปปี้
สิ่งสำคัญอีกหนึ่งข้อคือ สถาพแวดล้อมภายในบ้าน เพราะบ้านคือสถานที่ที่พ่อแม่ใช้เวลาอยู่ด้วยมากที่สุดในวัยเกษียณ จึงควรเตรียมพร้อมและปรับเปลี่ยนบ้านให้เหมาะสมสำหรับกับช่วงอายุที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อคอยอำนวยความสะดวกและลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุการลื่นล้มที่อาจเกิดขึ้น ควรเพิ่มแสงสว่างในภายในบ้าน จัดวางข้าวของให้เป็นระเบียบเรียบร้อย หมั่นตรวจดูพื้นห้องน้ำและพื้นบ้านให้สะอาด แห้งสนิท ไม่เปียกชื้น ซึ่งอาจจะเกิดเหตุลื่นล้มได้ หากพ่อแม่ของใครที่เกษียณอายุงานด้วยวัยที่มากแล้ว หรือมีปัญหาเรื่องการทรงตัวเป็นทุนเดิม การสร้างราวจับไว้ในห้องน้ำก็เป็นสิ่งที่ต้องเตรียมไว้อย่างจำเป็น เพื่อให้พ่อแม่ใช้ยึดเหนี่ยวคอยช่วยพยุงเวลาก้าวเดิน การปรับเปลี่ยนห้องนอนให้อยู่ชั้นล่างของบ้าน เพื่อช่วยลดการเดินขึ้นลงบันได และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุก็เป็นสิ่งที่ควรพิจารณา
เราต้องไม่ลืมว่ายิ่งอายุมาก สุขภาพและร่างกายของพ่อแม่วัยเกษียณก็จะยิ่งถดถอย โดยเฉพาะเนื้อกระดูกที่ค่อยๆ บางลง การหกล้มแค่เล็กน้อย ก็สามารถทำให้เกิดภาวะกระดูกหักที่ต้องใช้เวลารักษานานกว่าปกติ ซึ่งหากมีภาวะเลือดคั่งในสมองหรือเกิดโรคแทรกซ้อนจนติดเชื้อ ก็จะเป็นอันตรายที่ร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ดังนั้นแล้วการปรับเปลี่ยนบ้านให้พร้อมรับช่วงเวลาเกษียณของพ่อแม่ จึงถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่ลูกไม่ควรมองข้าม และควรช่วยกันดูแลอย่างจริงจัง
4. มีประกันชีวิตและสุขภาพ เพิ่มความอุ่นใจยิ่งขึ้น
ยิ่งอายุมาก ก็ยิ่งเจ็บป่วยง่ายขึ้น ให้ดูแลตัวเองดียังไงร่างกายของพ่อแม่วัยเกษียณที่เริ่มเสื่อมถอย ก็มีโอกาสเสี่ยงจะเจ็บป่วยได้เสมอ เข้าโรงพยาบาลแต่ละทีก็ใช้เวลารักษานานกว่าหนุ่มสาว เมื่อรวมกับค่ารักษาที่สูงขึ้นทุกปี เงินเก็บที่สะสมไว้ก็อาจหายไปได้ทันที เมื่อเป็นแบบนี้ ลูกๆ อย่างเราจึงควรรีบตระหนัก และมองหาผู้ช่วยลดความเสี่ยงให้รายจ่ายส่วนนี้เบาบางลง การเลือกทำประกันชีวิตและสุขภาพ ก็ถือเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยกระจายความเสี่ยงเรื่องค่ารักษาในอนาคต เพราะไม่เพียงแค่ความคุ้มครองสุขภาพ แต่ยังช่วยลดภาระเรื่องค่าห้อง ค่ารักษา ค่ายา ค่าหมอ และค่าใช้อื่นๆ ในโรงพยาบาลแทนเงินในกระเป๋าของเรา ทำให้มั่นใจได้ว่า พ่อแม่ของเราจะได้รับการดูแลที่ครอบคลุมตรงตามที่ตั้งใจไว้ในยามเจ็บป่วย การวางแผนเรื่องสุขภาพของพ่อแม่วัยเกษียณจึงถือเป็นเรื่องความสำคัญที่ลูกหลานควรให้ความใส่ใจตั้งแต่วันนี้ เพราะความแน่นอนคือความไม่แน่นอน เตรียมพร้อมไว้ยังไงก็แฮปปี้กว่า
การดูแลเอาใจใส่พ่อแม่อย่างใกล้ชิด ด้วยความรักความเข้าใจถือเป็นเรื่องสำคัญ แต่จะดียิ่งขึ้นถ้ามีผู้ช่วยดีๆ อย่างประกันชีวิตและสุขภาพที่ช่วยคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลยามเจ็บป่วย เพราะเมืองไทยประกันชีวิตเข้าใจ เราจึงขอแนะนำ ความคุ้มครองสุขภาพ ดี เฮลท์ (D Health) ผู้ช่วยมือดีที่เป็นขั้นกว่าของความอุ่นใจ สมัครได้ถึงอายุ 80 ปี และคุ้มครองยาวๆ จนถึง อายุ 99 ปี และนอกจากจะสามารถลดหย่อนภาษีได้แบบเต็มที่แล้ว พ่อแม่วัยเกษียณก็ยังจะได้รับความคุ้มครองดีๆ แบบเต็มแม็กซ์ ที่เงื่อนไขเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน ดูแลค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาๆ ตามจริงตอนแอดมิท ทั้งค่าห้องเดี่ยวมาตรฐาน ค่ายา รักษาพยาบาล ค่าผ่าตัด ห้อง ไอ.ซี.ยู. สูงสุด 5 ล้านบาท(1) นอกจากนี้ ยังคุ้มครองโรคร้ายทุกระยะโรคทั่วไป และโรคระบาด ให้คุณดูแลพ่อแม่วัยเกษียณอย่างสบายใจ เตรียมพร้อมเอาไว้ วันไหนๆ ก็แฮปปี้
(1) กรณีเลือกแผนความคุ้มครอง 5 ล้านบาท โดยเป็นวงเงินค่ารักษาพยาบาลแบบผู้ป่วยในต่อการเข้าพักรักษาตัวครั้งใดครั้งหนึ่ง
หมายเหตุ
- คุ้มครองเฉพาะผู้ป่วยในเท่านั้น
- ความคุ้มครองของสัญญาเพิ่มเติมต้องไม่เกินระยะเวลาเอาประกันภัยของกรมธรรม์ประกันชีวิตที่สัญญาเพิ่มเติมนี้แนบท้าย
- การพิจารณารับประกันภัยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของบริษัทฯ
- เบี้ยประกันภัยสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์เป็นไปตามที่กรมสรรพากร กำหนด
- โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครองและข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย