Loading...

กำลังโหลดหน้าเว็บไซต์
รอสักครู่น้า Loading...

โรคอ้วนคืออะไร? รู้จักสาเหตุ อาการ และวิธีป้องกันง่าย ๆ

โรคอ้วนคืออะไร? รู้จักสาเหตุ อาการ และวิธีป้องกันง่าย ๆ

ในยุคที่อาหารอร่อยและสะดวกสบายหาได้ง่าย “โรคอ้วน” จึงกลายเป็นปัญหาด้านสุขภาพระดับโลกที่น่ากังวล และในประเทศไทยเอง ก็มีแนวโน้มผู้ป่วยโรคอ้วนเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ หลายคนอาจมองว่าโรคอ้วน เป็นเพียงเรื่องของรูปร่างภายนอก แต่แท้จริงแล้ว มันคือภาวะที่ไขมันในร่างกายสะสมมากเกินไป จนส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว เราจึงจะพาทุกคนไปเจาะลึกถึง สาเหตุ อาการ การป้องกันโรคอ้วน ด้วยวิธีง่าย ๆ เพื่อให้คุณเข้าใจ และดูแลสุขภาพของตัวเองและคนที่คุณรักได้อย่างถูกต้อง


ยาวไปเลือกอ่านตามหัวข้อได้นะ


1. โรคอ้วนคืออะไร? ทำไมถึงน่ากังวล?

2. สาเหตุหลักของโรคอ้วน อะไรคือปัจจัยเสี่ยง?

3. สังเกตอาการ คุณกำลังเสี่ยงโรคอ้วนหรือไม่?

4. ป้องกันโรคอ้วน เริ่มต้นง่าย ๆ ได้ด้วยตัวคุณเอง



 โรคอ้วนคืออะไร?


1. โรคอ้วนคืออะไร? ทำไมถึงน่ากังวล?


โรคอ้วน (Obesity) คือ ภาวะที่ร่างกายมีไขมันสะสมมากเกินกว่าระดับปกติ จนอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และหลายคนอาจสงสัยว่าโรคอ้วน bmi ต้องเท่าไหร่ ซึ่งการวัดระดับความอ้วนที่นิยมใช้คือ ดัชนีมวลกาย (Body Mass Index: BMI) โดยคำนวณจากน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม หารด้วยส่วนสูงเป็นเมตรยกกำลังสอง หากค่า BMI ตั้งแต่ 25 ขึ้นไป ถือว่ามีน้ำหนักเกิน และหากมีค่า BMI ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป ถือว่าเป็นโรคอ้วน

แล้วทำไมโรคอ้วนถึงน่ากังวล? เพราะมันไม่ได้เป็นแค่เรื่องของน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ มากมาย เช่น


  • โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ภาวะดื้อต่ออินซูลินทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น
  • โรคความดันโลหิตสูง ไขมันที่สะสมในหลอดเลือดทำให้หลอดเลือดตีบแคบลง หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น
  • โรคหัวใจและหลอดเลือด ไขมันพอกพูนในหลอดเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก อาจนำไปสู่ภาวะหัวใจวายหรือหลอดเลือดสมองตีบ
  • โรคไขมันพอกตับ การสะสมของไขมันในตับมากเกินไป อาจนำไปสู่ภาวะตับอักเสบและตับแข็ง
  • โรคข้อเข่าเสื่อม น้ำหนักที่มากเกินไป จะเพิ่มแรงกดทับบนข้อเข่า ทำให้เกิดการสึกหรอ
  • โรคมะเร็งบางชนิด มีงานวิจัยที่เชื่อมโยงโรคอ้วนกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นของมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเต้านม และมะเร็งต่อมลูกหมาก
  • ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ไขมันที่สะสมบริเวณคออาจไปกดทับทางเดินหายใจขณะนอนหลับ
  • ปัญหาด้านสุขภาพจิต ความไม่มั่นใจในรูปร่างอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวล


เห็นได้ชัดว่าโรคอ้วนไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย การทำความเข้าใจถึงสาเหตุและอาการของโรค จึงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันและดูแลสุขภาพ



สาเหตุหลักของโรคอ้วน


2. สาเหตุหลักของโรคอ้วน อะไรคือปัจจัยเสี่ยง?


โรคอ้วนเป็นภาวะที่ซับซ้อน ซึ่งมีสาเหตุมาจากปัจจัยหลายประการ ทั้งที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมส่วนบุคคล และปัจจัยอื่น ๆ ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมโดยตรง ปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้สามารถแบ่งออกได้ดังนี้


1. พฤติกรรมการกินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ


  • การบริโภคอาหารที่มีแคลอรี่สูงเกินไป การกินอาหารที่มีไขมัน น้ำตาล และคาร์โบไฮเดรตสูง (เช่น อาหารทอด อาหารแปรรูป ขนมหวาน เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล) โดยไม่เผาผลาญออกไปให้หมด จะทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น
  • การกินอาหารในปริมาณมาก การกินอาหารเกินกว่าที่ร่างกายต้องการเป็นประจำ
  • การกินอาหารไม่เป็นเวลา การไม่กินอาหารเช้า หรือการปล่อยให้ท้องว่างเป็นเวลานาน แล้วกินมื้อใหญ่ อาจส่งผลต่อการเผาผลาญและเพิ่มการสะสมไขมัน
  • การเลือกชนิดของอาหาร การกินอาหารที่มีใยอาหารต่ำ (ผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี) ทำให้รู้สึกอิ่มยากและอาจนำไปสู่การกินมากเกินไป


2. การมีกิจกรรมทางกายต่ำ


  • การใช้ชีวิตอยู่ประจำ (Sedentary lifestyle) การนั่งหรือนอนเป็นเวลานาน เช่น ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ ดูโทรทัศน์ หรือเล่นเกม โดยไม่มีการเคลื่อนไหวร่างกายที่เพียงพอ
  • การออกกำลังกายน้อย การไม่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรี่ได้น้อยลง


3. ปัจจัยทางพันธุกรรม


  • พันธุกรรม บางคนมีแนวโน้มที่จะมีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนมากกว่าคนอื่น เนื่องจากยีนที่เกี่ยวข้องกับการเผาผลาญอาหารและการสะสมไขมัน อย่างไรก็ตาม พันธุกรรมเป็นเพียงปัจจัยเสี่ยง ไม่ได้เป็นตัวกำหนดเสมอไป


4. ปัญหาสุขภาพและยาบางชนิด


  • โรคบางชนิด เช่น ภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ (hypothyroidism), กลุ่มอาการคุชชิ่ง (Cushing's syndrome) และภาวะถุงน้ำรังไข่ (polycystic ovary syndrome: PCOS) อาจทำให้เกิดน้ำหนักเพิ่มขึ้น
  • ยาบางชนิด ยาบางประเภท เช่น สเตียรอยด์, ยาต้านเศร้า, ยารักษาโรคเบาหวานบางชนิด และยาคุมกำเนิดบางชนิด อาจมีผลข้างเคียงทำให้น้ำหนักเพิ่ม


5. ปัจจัยด้านไลฟ์สไตล์


  • ความเครียด บางคนตอบสนองต่อความเครียดด้วยการกินมากขึ้น โดยเฉพาะอาหารที่มีแคลอรี่สูง
  • การนอนหลับไม่เพียงพอ การอดนอนอาจรบกวนฮอร์โมนที่ควบคุมความอยากอาหาร ทำให้หิวมากขึ้นและอยากอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ
  • การสูบบุหรี่ การเลิกบุหรี่อาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นชั่วคราว แต่การสูบบุหรี่โดยรวมเป็นอันตรายต่อสุขภาพมากกว่า
  • อายุ เมื่ออายุมากขึ้น การเผาผลาญพลังงานของร่างกายจะลดลง ทำให้การควบคุมน้ำหนักยากขึ้น


6. ปัจจัยทางสังคมและเศรษฐกิจ


  • การตลาดและการโฆษณา การโฆษณาอาหารที่มีแคลอรี่สูง และราคาถูกจำนวนมาก อาจส่งผลต่อพฤติกรรมการกินของคนในสังคม
  • สภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย การอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ขาดแคลนร้านขายอาหารเพื่อสุขภาพ และพื้นที่ออกกำลังกาย อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วน


จะเห็นได้ว่า โรคอ้วนมีสาเหตุที่ซับซ้อนและมีปัจจัยเสี่ยงมากมาย การเข้าใจถึงปัจจัยเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกัน และรักษาโรคอ้วนได้อย่างมีประสิทธิภาพ



สังเกตอาการ เสี่ยงโรคอ้วน


3. สังเกตอาการ คุณกำลังเสี่ยงโรคอ้วนหรือไม่?


อาการของโรคอ้วนที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือ น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และ รอบเอวที่ขยายใหญ่ขึ้น (สำหรับผู้ชาย รอบเอวมากกว่า 90 เซนติเมตร หรือ 35.5 นิ้ว และสำหรับผู้หญิง รอบเอวมากกว่า 80 เซนติเมตร หรือ 31.5 นิ้ว ถือว่ามีความเสี่ยงต่อโรคอ้วนลงพุง) นอกจากนี้ ยังมีอาการอื่น ๆ ที่อาจบ่งบอกถึงภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน เช่น


  • เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก แม้ทำกิจกรรมที่ไม่หนักหน่วง
  • เหงื่อออกมาก แม้ในสภาพอากาศที่ไม่ร้อน
  • ปวดหลัง ปวดข้อ โดยเฉพาะบริเวณเข่าและข้อเท้า
  • นอนกรน อาจเป็นสัญญาณของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
  • ผิวหนังบริเวณคอ รักแร้ หรือขาหนีบมีรอยพับดำคล้ำ (Acanthosis nigricans) อาจเป็นสัญญาณของภาวะดื้อต่ออินซูลิน
  • ความมั่นใจในตนเองลดลง รู้สึกไม่พอใจกับรูปร่างของตนเอง

หากคุณมีอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและประเมินความเสี่ยงต่อสุขภาพ


4. ป้องกันโรคอ้วน เริ่มต้นง่าย ๆ ได้ด้วยตัวคุณเอง


การป้องกันโรคอ้วนสามารถทำได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตในระยะยาว นี่คือแนวทางง่าย ๆ ที่คุณสามารถเริ่มต้นได้ทันที


1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน


  • เน้นอาหารที่มีประโยชน์ เพิ่มการบริโภคผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี โปรตีนไม่ติดมัน และไขมันดี เช่น ปลา ถั่ว อะโวคาโด
  • ลดอาหารที่มีไขมัน น้ำตาล และโซเดียมสูง หลีกเลี่ยงอาหารทอด อาหารแปรรูป ขนมหวาน เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล และอาหารที่มีรสเค็มจัด
  • ควบคุมปริมาณอาหารในแต่ละมื้อ กินในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป
  • กินอาหารให้เป็นเวลา ไม่ปล่อยให้หิวจัดจนเกินไป และหลีกเลี่ยงการกินมื้อดึก
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำช่วยให้รู้สึกอิ่มและดีต่อสุขภาพโดยรวม


2. เพิ่มการเคลื่อนไหวทางร่างกาย


  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ตั้งเป้าหมายในการออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ สำหรับการออกกำลังกายระดับปานกลาง หรือ 75 นาทีต่อสัปดาห์ สำหรับการออกกำลังกายระดับหนัก หรือผสมผสานกัน
  • หากิจกรรมที่ชอบและทำได้อย่างสม่ำเสมอ เช่น เดินเร็ว วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เต้นแอโรบิก หรือเล่นกีฬา
  • เพิ่มการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน เดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์ เดินหรือปั่นจักรยานในระยะทางใกล้ ๆ ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายระหว่างทำงาน


3. จัดการความเครียด


  • หากิจกรรมผ่อนคลายเช่น การทำสมาธิ การฟังเพลง การอ่านหนังสือ หรือการทำกิจกรรมที่ชอบ
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะการนอนหลับที่ไม่เพียงพอ อาจส่งผลต่อฮอร์โมนที่ควบคุมความอยากอาหาร
  • พูดคุยกับเพื่อน ครอบครัว หรือผู้เชี่ยวชาญ หากรู้สึกเครียดหรือไม่สบายใจ


4. ปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อม


  • จัดเก็บอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพให้พ้นสายตา เพื่อลดแรงจูงใจในการบริโภค
  • มีอาหารเพื่อสุขภาพติดบ้านไว้เสมอ เพื่อเป็นทางเลือกเมื่อรู้สึกหิว
  • หากิจกรรมที่ส่งเสริมการออกกำลังกาย เช่น เข้าร่วมชมรมออกกำลังกาย หรือชวนเพื่อนมาออกกำลังกายด้วยกัน


5. ปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการ


  • หากคุณมีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการ เพื่อขอคำแนะนำเฉพาะบุคคลในการควบคุมน้ำหนัก และปรับเปลี่ยนพฤติกรรม


สามารถอ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่


โรคอ้วนเป็นภาวะที่ซับซ้อนและส่งผลกระทบต่อสุขภาพในหลายด้าน การทำความเข้าใจถึงสาเหตุ อาการ และการป้องกันจึงเป็นสิ่งสำคัญ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการจัดการความเครียด เป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันและควบคุมโรคอ้วน เริ่มต้นเปลี่ยนแปลงวันนี้ เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาวของคุณและคนที่คุณรัก
และอย่าลืมเตรียมความพร้อมเรื่องสุขภาพ และค่ารักษาไว้ล่วงหน้า เพราะเราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าอนาคตโรคร้ายจะมาเยือนตอนไหน สามารถเตรียมความพร้อมเรื่องค่ารักษายามเจ็บป่วย ด้วยประกันสุขภาพเหมาจ่าย จากเมืองไทยประกันชีวิต ไว้ช่วยดูแลค่ารักษา ตั้งแต่ 2 แสน - 100 ล้านบาท จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษา


รายละเอียดเพิ่มเติม

☑️ โทร.1766 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

☑️ ติดต่อตัวแทนเมืองไทยประกันชีวิต/ ช่องทางที่ดูแลท่าน


  • โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย


ที่มา : สืบค้นเมื่อวันที่ 13/05/68

🔖 รพ. ศิครินทร์

🔖 รพ. จุฬารัตน์ 3

🔖 รพ. เพชรเวช


Interested In

I agree that Muang Thai Life Assurance PCL. Collect and use my personal information above to contact me to offer products and services at I am interested or the company saw that it was beneficial to I have by me to equate the mark In the square is an indication of intent. instead of my consent Signing as evidence. I have read and acknowledged the Privacy Policy.

Interesting article