จากจ่ายมาก เป็นจ่ายน้อย เทคนิคลดหย่อนภาษีที่เจ้าของธุรกิจต้องรู้
ในฐานะเจ้าของธุรกิจ การวางแผนลดหย่อนภาษีเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะภาษีเป็นส่วนหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของธุรกิจทุกประเภท การวางแผนภาษีอย่างรอบคอบ จะช่วยให้คุณสามารถลดภาระภาษีที่ต้องจ่าย และนำเงินส่วนต่าง ไปลงทุนหรือพัฒนาธุรกิจของคุณได้ ซึ่งเทคนิคลดหย่อนภาษีสำหรับเจ้าของธุรกิจมีหลากหลายวิธี โดยแต่ละวิธีก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป รวมถึงแต่ละประเภทธุรกิจ ก็อาจมีการลดหย่อนภาษีคนละแบบ เช่น การเสียภาษีร้านค้า บุคคลธรรมดา หรือเป็นเจ้าของกิจการคนเดียว มีการเสียภาษีอย่างไร ดังนั้นมาดูวิธีลดหย่อนภาษีของเจ้าของธุรกิจกันว่า จ่ายภาษีแบบไหนคุ้มค่าที่สุด
ยาวไปเลือกอ่านตามหัวข้อได้นะ
2. วิธีลดหย่อนภาษีบริษัท มีอะไรบ้าง
3. ผู้ประกอบการนิติบุคคล SME ลดหย่อนภาษีอะไรได้บ้าง
4. เจ้าของกิจการคนเดียว เสียภาษี อย่างไร
1. ภาษีสำหรับธุรกิจคืออะไร
ภาษีสำหรับธุรกิจ คือเงินที่ธุรกิจต้องจ่ายให้กับรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลนำเงินภาษีไปใช้ในการพัฒนาประเทศและให้บริการสาธารณะต่าง ๆ ภาษีสำหรับธุรกิจมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากเป็นค่าใช้จ่ายที่ธุรกิจต้องแบกรับ และมีผลต่อกำไรของธุรกิจ
ประเภทของภาษีสำหรับธุรกิจ
ภาษีสำหรับธุรกิจมีหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็มีกฎหมายและอัตราภาษีที่แตกต่างกันไป ประเภทของภาษีสำหรับธุรกิจที่สำคัญมีดังนี้
- ภาษีเงินได้นิติบุคคล: เป็นภาษีที่เก็บจากกำไรสุทธิของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
- ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT): เป็นภาษีที่เก็บจากการขายสินค้าหรือให้บริการในประเทศไทย
- ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย: เป็นภาษีที่ผู้จ่ายเงินได้หักไว้เมื่อจ่ายเงินให้กับผู้รับเงินได้
- ภาษีธุรกิจเฉพาะ: เป็นภาษีที่เก็บจากธุรกิจบางประเภท เช่น ธุรกิจธนาคาร ธุรกิจประกันชีวิต ธุรกิจโรงรับจำนำ
- ภาษีสรรพสามิต: เป็นภาษีที่เก็บจากสินค้าบางประเภท เช่น สุรา ยาสูบ น้ำมัน
2. วิธีลดหย่อนภาษีบริษัท มีอะไรบ้าง
ในฐานะเจ้าของธุรกิจ การทราบถึงรายจ่ายที่สามารถช่วยประหยัดภาษีได้ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อช่วยลดภาระภาษีและเพิ่มผลกำไรให้กับธุรกิจของคุณ ซึ่งรายการรายจ่าย ที่เจ้าของกิจการควรทราบ ที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้มีดังนี้
1. ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
ค่าใช้จ่ายเหล่านี้เป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจโดยตรง ซึ่งสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ เช่น
- ค่าเช่า ค่าเช่าสำนักงาน ค่าเช่าโกดังสินค้า ค่าเช่าเครื่องจักร
- ค่าจ้างพนักงาน เงินเดือน ค่าจ้าง โบนัส ค่าสวัสดิการพนักงาน
- ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเทอร์เน็ต
- ค่าเดินทาง ค่าเดินทางของพนักงาน ค่าเดินทางเพื่อติดต่อธุรกิจ
- ค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์ ค่าเสื่อมราคาของอาคาร อุปกรณ์ เครื่องจักร
2. ค่าใช้จ่ายเพื่อการวิจัยและพัฒนา (R&D)
ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ หรือการปรับปรุงผลิตภัณฑ์หรือบริการเดิม สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ เช่น
- ค่าจ้างนักวิจัย เงินเดือน ค่าจ้าง ของนักวิจัย
- ค่าวัสดุอุปกรณ์ ค่าวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการวิจัยและพัฒนา
- ค่าทดสอบ ค่าทดสอบผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่
3. ค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมพนักงาน
ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาศักยภาพของพนักงาน เช่น ค่าอบรม ค่าสัมมนา สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้
4. เงินบริจาค
เงินบริจาคให้กับองค์กรการกุศล หรือองค์กรที่ได้รับการรับรองจากกรมสรรพากร สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้
5. ค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อสินทรัพย์
ค่าใช้จ่ายในการซื้อเครื่องจักร อุปกรณ์ หรือสินทรัพย์อื่น ๆ ที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจ สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ โดยการหักค่าเสื่อมราคา
6. สิทธิประโยชน์ทางภาษี
รัฐบาลมักจะมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนหรือการจ้างงาน ซึ่งมาตรการเหล่านี้มักจะมีสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่น่าสนใจ เจ้าของธุรกิจควรศึกษาและใช้สิทธิประโยชน์เหล่านี้ให้เป็นประโยชน์
3.ผู้ประกอบการนิติบุคคล SME ลดหย่อนภาษีอะไรได้บ้าง
ผู้ประกอบการนิติบุคคล SME ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีหลายประการ ซึ่งจะช่วยลดภาระภาษีและส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจ SME มาดูกันว่าสิทธิประโยชน์ทางภาษีของผู้ประกอบการนิติบุคคล SME มีอะไรบ้าง
1. ยกเว้นและลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล
- ยกเว้นภาษี: บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล SME ที่มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วไม่เกิน 5 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการไม่เกิน 30 ล้านบาทต่อปี จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิส่วนแรก 300,000 บาทแรก
- ลดอัตราภาษี: หากกำไรสุทธิเกิน 300,000 บาท จะได้รับการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล ดังนี้
- กำไรสุทธิ 300,001 - 3,000,000 บาท: อัตราภาษี 15%
- กำไรสุทธิเกิน 3,000,000 บาท: อัตราภาษี 20%
2. สิทธิประโยชน์ทางภาษีอื่น ๆ
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการ SME ยังสามารถได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอื่น ๆ เช่น
- หักค่าใช้จ่ายได้มากกว่าปกติ: บางรายการค่าใช้จ่าย สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้มากกว่าปกติ เช่น ค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์ ค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนา
- ลดหย่อนภาษีจากเงินสนับสนุน: หากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในบางโครงการ อาจมีสิทธิในการลดหย่อนภาษีเพิ่มเติม
เงื่อนไขสำคัญ
- คุณสมบัติของ SME: ต้องเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด เช่น ทุนจดทะเบียน รายได้ จำนวนพนักงาน
- การยื่นภาษี: ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคล และปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้อง
4. เจ้าของกิจการคนเดียว เสียภาษี อย่างไร
เจ้าของกิจการคนเดียว หรือผู้ประกอบการรายย่อย ถือเป็นบุคคลธรรมดา ที่มีรายได้จากการประกอบธุรกิจ ดังนั้น การเสียภาษีของเจ้าของกิจการคนเดียว จะเป็นการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยมีหลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณดังนี้
1. การคำนวณภาษี
- เงินได้พึงประเมิน: รายได้จากการประกอบธุรกิจถือเป็นเงินได้พึงประเมิน ซึ่งต้องนำไปรวมกับเงินได้อื่น ๆ ของเจ้าของกิจการ เช่น เงินเดือน ค่าจ้าง ดอกเบี้ย เงินปันผล
- ค่าใช้จ่าย: เจ้าของกิจการสามารถหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจได้ เช่น ค่าเช่า ค่าจ้างพนักงาน ค่าสินค้า ค่าเดินทาง ค่าเสื่อมราคา
- ค่าลดหย่อน: เจ้าของกิจการสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีส่วนบุคคลต่าง ๆ เช่น ค่าลดหย่อนส่วนตัว ค่าลดหย่อนบุตร ค่าลดหย่อนประกันชีวิต
- เงินได้สุทธิ: เงินได้สุทธิคือเงินได้พึงประเมิน หักด้วยค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน
- อัตราภาษี: เงินได้สุทธิจะถูกนำไปคำนวณภาษีตามอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแบบขั้นบันได
2. การยื่นภาษี
- แบบแสดงรายการภาษี: เจ้าของกิจการต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด. 90 หรือ ภ.ง.ด. 91)
- กำหนดเวลายื่นภาษี: ปกติแล้ว กำหนดเวลายื่นภาษีจะอยู่ในช่วงเดือนมกราคม - มีนาคม ของทุกปี
3. ข้อควรทราบ
- การจัดทำบัญชี: เจ้าของกิจการควรจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายอย่างถูกต้องและเป็นปัจจุบัน เพื่อใช้ในการคำนวณภาษีและเป็นหลักฐานในการยื่นภาษี
- การวางแผนภาษี: การวางแผนภาษีล่วงหน้า จะช่วยให้เจ้าของกิจการ สามารถประเมินภาระภาษีที่ต้องจ่าย และวางแผนการลดหย่อนภาษีได้อย่างเหมาะสม
- การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากมีข้อสงสัยหรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี เพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ
4. ตัวอย่างการคำนวณภาษี (แบบง่าย)
สมมติว่าเจ้าของกิจการมีเงินได้จากการประกอบธุรกิจ 500,000 บาท มีค่าใช้จ่าย 200,000 บาท และมีค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท
- เงินได้สุทธิ = 500,000 - 200,000 - 60,000 = 240,000 บาท
- ภาษีที่ต้องจ่าย (คำนวณตามอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา)
การลดหย่อนภาษีเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับผู้ประกอบการในการลดภาระภาษีและเพิ่มกำไรให้กับธุรกิจ การศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับเทคนิคลดหย่อนภาษีต่างๆ จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดภาษีได้มากขึ้น เตรียมวางแผนการยื่นภาษีกันไปแล้ว อย่าลืมวางแผนลดหย่อนภาษีกันด้วยนะ คุ้มสองต่อได้ทั้งความคุ้มครองสุขภาพและลดหย่อนภาษี ด้วยประกันสุขภาพเหมาจ่าย จากเมืองไทยประกันชีวิต ที่ดูแลค่ารักษา ตั้งแต่ 200,000 บาท ถึง 100,000,000 บาท และยังสามารถนำค่าเบี้ยไปลดหย่อนภาษี ได้สูงสุด 25,000 บาท อีกด้วย
รายละเอียดเพิ่มเติม
☑️ โทร.1766 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
☑️ ติดต่อตัวแทนประกันชีวิต
- โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย
ที่มา : สืบค้นเมื่อวันที่ 24/02/68
🔖 scb