Loading...

กำลังโหลดหน้าเว็บไซต์
รอสักครู่น้า Loading...

Article 800x500

ไวรัสตับอักเสบ อันตรายกว่าที่คิด รู้ทันป้องกันได้

ไวรัสตับอักเสบ เป็นโรคยอดฮิตที่หลายคนเคยได้ยินบ่อย และยังก่อให้เกิดภาวะตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็ง รวมถึงมะเร็งตับอีกด้วย ซึ่งไวรัสตับอักเสบยังแบ่งเป็นหลายชนิด คือ ไวรัสตับอักเสบชนิด A B C D และ E โดยเฉพาะไวรัสตับอักเสบบี ก็เป็นหนึ่งในโรคที่คนป่วยเยอะเช่นกัน ซึ่งแต่ละชนิดก็มีความต่างกัน ทั้งสาเหตุการติดเชื้อ อาการ หรือผลของอาการในระยะยาว มาดูกันว่า ไวรัสตับอักเสบ เกิดจากอะไร มีอาการอย่างไร ห้ามกินอะไรบ้าง หรือไวรัสตับอักเสบ เอ กับ บี ต่างกันอย่างไร ตามมาดูกันเลย


1. ไวรัสตับอักเสบ เกิดจากอะไร 

2. ไวรัสตับอักเสบ มีกี่ชนิด

3. ไวรัสตับอักเสบ อาการ

4. ไวรัสตับอักเสบ A กับ B ต่างกันอย่างไร

5. ไวรัสตับอักเสบ ป้องกันอย่างไร


ไวรัสตับอักเสบ เกิดจากอะไร


1. ไวรัสตับอักเสบ เกิดจากอะไร


ไวรัสตับอักเสบ เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ซึ่งเป็นภาวะที่มีการอักเสบ จนเกิดจากการทำลายเนื้อเยื่อ ทำให้การทำหน้าที่ต่าง ๆ ของตับผิดปกติ จนป่วยเป็นตับอักเสบในที่สุด แต่หากเป็นโรคตับอักเสบเรื้อรัง อาจมีภาวะแทรกซ้อนตามมา คือ โรคตับแข็ง และมะเร็งตับ และนอกจากการติดเชื้อแล้วยังมีสาเหตุอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน


  • ดื่มแอลกอฮอล์ อาจเป็นเหตุให้ตับเกิดความเสียหายหรืออักเสบได้ เนื่องจากแอลกอฮอล์จะทำลายเซลล์ตับ ทำให้เกิดตับแข็ง
  • การใช้ยาและได้รับสารพิษบางชนิด โดยการใช้ยาเกินปริมาณและเกินระยะเวลาที่กำหนด อาจสร้างความเสียหายต่อตับได้ เช่น ยาพาราเซตามอล ไอบูโพรเฟ่น ยารักษาวัณโรค รวมถึงยาฮอร์โมน วิตามินบำรุง หรือสมุนไพรต่าง ๆ
  • ภาวะไขมันพอกตับ ซึ่งมักเกิดได้ในคนที่มีภาวะเสี่ยงเป็นไขมันพอกตับ ได้แก่ โรคอ้วน โดยเฉพาะผู้ที่อ้วนลงพุง ผู้ตรวจพบโรคเบาหวาน ภาวะไขมันในเลือดสูงและความดันโลหิตสูง โรคที่เกี่ยวข้องกับระบบเผาผลาญ การกินอาหารพลังงานสูงเป็นประจำ
  • สาเหตุอื่น ๆ เช่น การติดเชื้อจากโรคไข้เลือดออก ไข้รากสาด ไข้ป่า การอุดกันทางเดินน้ำดี จากภูมิแพ้ตนเอง เป็นต้น


ไวรัสตับอักเสบ มีกี่ชนิด


2. ไวรัสตับอักเสบ มีกี่ชนิด


หลายคนคงเคยได้ยินว่าไวรัสตับอักเสบ A B ซึ่งเป็นชื่อที่คุ้นหู แต่ไวรัสตับอักเสบนั้นมีด้วยกันหลายชนิด และแต่ละชนิดมีความแตกต่างกัน ดังนี้


ไวรัสตับอักเสบชนิด A

เป็นชนิดที่พบได้บ่อย สามารถติดต่อผ่านการกินอาหาร หรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรค ซึ่งจะมีอาการไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร อาเจียน ดีซ่าน


ไวรัสตับอักเสบชนิด B

ก็เป็นชนิดที่พบได้บ่อยเหมือนชนิด เอ โดยจะมีการติดต่อคล้ายกับการติดเชื้อ HIV โดยติดต่อทางเลือด ทางเข็ม ทางเพศสัมพันธ์ และจากแม่สู่ลูก คนที่ได้รับเชื้อมีโอกาสเกิดภาวะตับอักเสบรุนแรง ตับอักเสบเรื้อรัง และร้ายแรงจนพัฒนาไปเป็นโรคตับแข็ง และมะเร็งตับ


ไวรัสตับอักเสบชนิด C

สำหรับไวรัสตับอักเสบชนิดซี จะเป็นเป็นภาวะการอักเสบของตับเรื้อรัง ทำให้เกิดพังผืดในตับ จนกลายเป็นตับแข็ง และมะเร็งตับ โดยติดต่อจากการติดเชื้อทางเลือด เข็มฉีดยา ทางเพศสัมพันธ์ และส่วนมากจะไม่แสดงอาการ ทำให้คนที่ติดเชื้อรู้ตัวช้า


ไวรัสตับอักเสบชนิด D

ถือว่าเป็นไชนิดที่พบได้น้อย แต่เป็นไวรัสที่ต้องอยู่ร่วมกับไวรัสตับอักเสบ B ซึ่งหากใครที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิด D แล้วจะมีอาการลุกลามรวดเร็ว และรุนแรงมากกว่าผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดอื่น 10 เท่า ซึ่ง 80% ของผู้ที่มีอาการจะเสียชีวิตในเวลาไม่นาน ถือว่าเป็นชนิดที่คนติดน้อยแต่เมื่อติดเชื้อแล้วอันตรายถึงชีวิตเลยทีเดียว


ไวรัสตับอักเสบชนิด E

เป็นชนิดที่เกิดจากการกินอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อ โดยติดต่อจากสัตว์ที่มีเชื้อ การถ่ายเลือดกับผู้ติดเชื้อ และติดต่อจากแม่สู่ลูกเมื่อติดแล้วจะมีอาการเหมือนไวรัสตับอักเสบชนิดอื่น เช่น ปวดท้อง ตัวเหลือง ตาเหลือง ดีซ่าน คลื่นไส้อาเจียน และยังทำให้เกิดตับอักเสบแบบเรื้อรัง และตับแข็งได้อีกด้วย


3. ไวรัสตับอักเสบ อาการ


แม้ว่าอาการหลังติดเชื้อไวรัสแต่ละชนิดจะกล่าวถึงไปแล้วข้างต้น แต่อาการหลังติดเชื้อไวรัสตับอักเสบโดยรวมแล้ว จะมีความแตกต่างกัน ดังนี้


อาการตับอักเสบเฉียบพลันจากการติดเชื้อไวรัส

  • อ่อนเพลีย
  • จุกแน่นใต้ชายโครงขวา
  • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดตามข้อ
  • คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร
  • ท้องเสีย ปัสสาวะสีเข้ม
  • ตัวเหลือง ตาเหลือง


ตับอักเสบเรื้อรัง อาการที่แตกต่างไป

  • อ่อนเพลีย
  • คลื่นไส้อาเจียน ในช่วงที่มีภาวะตับอักเสบ
  • อาการเมื่อปล่อยไว้จนลุกลาม ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ท้องบวม เท้าบวม อาเจียนเป็นเลือด ตัวเหลืองตาเหลือง


4. ไวรัสตับอักเสบ A กับ B ต่างกันอย่างไร


สำหรับไวรัสตับอักเสบ A กับ B เป็นชนิดที่พบได้บ่อย แต่ก็จะมีความแตกต่างให้สังเกตได้ด้วยตัวเอง ดังนี้


ไวรัสตับอักเสบ A พบได้บ่อย

การติดต่อ : ติดต่อทางอาหาร หรือน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรค

อาการ : ไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร อาเจียน ดีซ่าน

แม้ว่าส่วนใหญ่อาการจะสามารถดีขึ้นได้เอง แต่ก็มีบางรายที่มีอาการรุนแรงและอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้


ไวรัสตับอักเสบ B พบได้บ่อย

การติดต่อ : ติดต่อทางเลือด เพศสัมพันธ์ จากมารดาสู่บุตร

อาการ : ตับอักเสบรุนแรง อาจพัฒนาไปเป็นโรคตับ มะเร็งตับ

โดยไวรัสตับอักเสบบี นอกจากจะทำให้เกิดทั้งภาวะตับอักเสบเฉียบพลัน แล้วยังสามารถเกิดภาวะตับอักเสบเรื้อรังได้อีกด้วย ทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคตับแข็งและมะเร็งตับ


5. ไวรัสตับอักเสบ ป้องกันอย่างไร


เพราะส่วนมาก การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเกิดจากการติดต่อ จึงควรป้องกันตัวเอง ให้ห่างไกลไวรัสตับอักเสบ ดังนี้


  • หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำที่ไม่สะอาด หรือ อาหารที่ปรุงไม่สุก ช่วยป้องกันไวรัสตับอักเสบ A, E ที่ติดเชื้อผ่านการกินได้
  • ไม่ใช้เข็ม มีดโกน แปรงสีฟัน ร่วมกับผู้อื่น
  • ใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ช่วยป้องกันไวรัสตับอักเสบ B, C ที่ติดเชื้อผ่านการสัมผัสเลือด หรือ สารคัดหลั่งได้
  • หากเป็นไปได้ ควรหลีกเลี่ยงการเจาะ หรือการสักผิวหนัง
  • การฉีดวัคซีน โดยการฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบ ซึ่งจะมีวัคซีนของไวรัสตับอักเสบบางชนิด ควรสอบถามทางโรงพยาบาลที่จะรับบริการก่อน ว่ามีวัคซีนไหนบ้าง


จะเห็นได้ว่าการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ สามารถติดเชื้อกันได้ง่ายมาก ควรดุแลและป้องกันตัวเอง และอย่าลืมตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี พร้อมวางแผนเสริมความมั่นใจด้วยประกันสุขภาพจากเมืองไทยประกันชีวิต #เพราะชีวิตทุกวัยมันเจ็บป่วย ป่วยเล็กป่วยใหญ่ ช่วงวัยไหนก็ป่วยได้ไม่ช็อตฟีล

ปล่อยจอยค่ารักษาเพราะมีประกันสุขภาพดูแลให้แบบเหมา ๆ ตั้งแต่ 2 แสน - 100 ล้านบาท


✅ Elite Health Plus คุ้มครองค่ารักษา 20-100 ล้านบาทต่อปี ครอบคลุมเทคโนโลยีการรักษา ดูแลให้ทั้ง IPD และ OPD(1) เบี้ยวันละไม่ถึง 157 บาท(2)

✅ D Health Plus คุ้มครองค่ารักษา 5 ล้านบาท(3) นอนห้องเดี่ยวมาตรฐานทุก รพ. เบี้ยวันละไม่ถึง 38 บาท(4)

✅ เหมาจ่าย Extra แอดมิตเข้า รพ. ดูแลค่ารักษาเหมาจ่าย 5 แสนบาท(5) เบี้ยวันละไม่ถึง 42 บาท(6)


รายละเอียดเพิ่มเติม

☑️ โทร.1766 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

☑️ ติดต่อตัวแทนประกันชีวิต


(1) กรณีเลือกความคุ้มครองแผน 40, 75 หรือ 100 ล้านบาท

(2) สำหรับผู้เอาประกันภัยอายุ 50 ปี แผน 20 ล้านบาท พื้นที่ความคุ้มครองประเทศไทย และชำระเบี้ยประกันภัยรายปี

(3) กรณีเลือกความคุ้มครองแผน 5 ล้านบาท โดยเป็นวงเงินต่อการรักษาครั้งใดครั้งหนึ่ง

(4) สำหรับผู้เอาประกันภัยเพศหญิง อายุ 34 ปี เลือกแผนความคุ้มครอง 5 ล้านบาท มีความรับผิดส่วนแรก 30,000 บาท ต่อการเข้าพักรักษาตัวครั้งใดครั้งหนึ่ง (แผน Top Up ความคุ้มครอง) และชำระเบี้ยประกันภัยรายปี

(5) สำหรับแผนความคุ้มครอง 3 โดยเป็นวงเงินต่อการรักษาแบบผู้ป่วยในครั้งใดครั้งหนึ่ง

(6) สำหรับผู้เอาประกันภัยเพศหญิง 34 ปี เลือกแผนความคุ้มครอง 3 และชำระเบี้ยประกันรายปี


  • เงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
  • สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพต้องซื้อแนบท้ายกรมธรรม์ที่มีผลบังคับอยู่
  • ความคุ้มครองของสัญญาเพิ่มเติมต้องไม่เกินระยะเวลาเอาประกันภัยของกรมธรรม์ประกันชีวิตที่สัญญาเพิ่มเติมนี้แนบท้าย
  • เบี้ยประกันภัยสามารถนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์เป็นไปตามที่กรมสรรพากร กำหนด
  • เงื่อนไขเป็นไปตามที่ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต กำหนด
  • การพิจารณารับประกันภัยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของบริษัทฯ
  • โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย


✅ ติดตามข่าวสารจาก MTL add LINE คลิกเลย

ที่มา : สืบค้นเมื่อวันที่ 17/07/67

🔖รพ. ศิครินทร์

🔖รพ. เปาโล

🔖รพ. นครธน

🔖รพ. วิภาวดี


Interested In

I agree that Muang Thai Life Assurance PCL. Collect and use my personal information above to contact me to offer products and services at I am interested or the company saw that it was beneficial to I have by me to equate the mark In the square is an indication of intent. instead of my consent Signing as evidence. I have read and acknowledged the Privacy Policy.

Interesting Articles