Loading...

กำลังโหลดหน้าเว็บไซต์
รอสักครู่น้า Loading...

โรคหัวใจขาดเลือด ภัยเงียบใกล้ตัว สาเหตุ อาการ และวิธีป้องกันที่ควรรู้

โรคหัวใจขาดเลือด ภัยเงียบใกล้ตัว สาเหตุ อาการ และวิธีป้องกันที่ควรรู้

หัวใจ...อวัยวะสำคัญที่เต้นอยู่ตลอดเวลา ทำหน้าที่สูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงทั่วร่างกาย หากหัวใจเกิดปัญหาขึ้น ย่อมส่งผลกระทบต่อชีวิตอย่างใหญ่หลวง หนึ่งในโรคหัวใจที่พบบ่อยและอันตรายถึงชีวิตคือ "โรคหัวใจขาดเลือด" ซึ่งเป็นโรคร้ายที่อาจมาพร้อมกับอาการที่ไม่ชัดเจน แต่กลับนำไปสู่ภาวะอันตรายถึงชีวิตได้ มาทำความเข้าใจกับโรคนี้อย่างละเอียด ตั้งแต่สาเหตุ อาการ ไปจนถึงแนวทางการป้องกัน เพื่อให้คุณสามารถดูแลหัวใจของคุณและคนที่คุณรักได้อย่างเหมาะสม


ยาวไปเลือกอ่านตามหัวข้อได้นะ


1. โรคหัวใจขาดเลือดคืออะไร? ทำไมถึงอันตราย?

2. สาเหตุหลักของโรคหัวใจขาดเลือด ใครบ้างที่มีความเสี่ยง?

3. สัญญาณเตือน:อาการของโรคหัวใจขาดเลือด

4. วิธีป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด



โรคหัวใจขาดเลือดคืออะไร?


1. โรคหัวใจขาดเลือดคืออะไร? ทำไมถึงอันตราย?


"โรคหัวใจขาดเลือด" หรือในทางการแพทย์เรียกว่า "Coronary Artery Disease (CAD)" คือ ภาวะที่ "หลอดเลือดแดงที่นำเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจเกิดการตีบแคบหรืออุดตัน" เมื่อหลอดเลือดตีบแคบลง เลือดที่ไหลเวียนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจก็จะ "ไม่เพียงพอ" โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่หัวใจต้องการเลือดมากขึ้น เช่น ตอนที่เราออกกำลังกาย หรืออยู่ในภาวะตื่นเต้น กล้ามเนื้อหัวใจที่ขาดเลือดและออกซิเจนก็จะเริ่ม "ทำงานผิดปกติ" และหากภาวะนี้เกิดขึ้นเป็นเวลานาน หรือรุนแรง กล้ามเนื้อหัวใจก็จะ "เสียหาย" อย่างถาวรได้


ทำไมโรคหัวใจขาดเลือดถึงอันตราย?


ความอันตรายของโรคหัวใจขาดเลือดนั้น อยู่ที่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนี้


  • ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (Heart Attack) หากคราบพลัคในหลอดเลือดแตกออก จะกระตุ้นให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดโคโรนารีอย่างเฉียบพลัน ทำให้เลือดไม่สามารถไหลเวียนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้เลย ส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจส่วนนั้น "ตาย" หากไม่ได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว อาจนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน หัวใจหยุดเต้น และเสียชีวิตได้
  • ภาวะหัวใจล้มเหลว (Heart Failure) การที่กล้ามเนื้อหัวใจได้รับเลือดไม่เพียงพอเป็นเวลานาน จะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแอลง ไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดอาการเหนื่อยหอบ บวม และส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก
  • หัวใจเต้นผิดจังหวะ (Arrhythmia) การที่กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด อาจทำให้เกิดความผิดปกติของระบบไฟฟ้าในหัวใจ ส่งผลให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ ซึ่งบางชนิดอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้


ด้วยเหตุผลเหล่านี้เอง โรคหัวใจขาดเลือดจึงเป็น "ภัยเงียบ" ที่เราต้องให้ความสำคัญ เพราะในระยะแรกอาจไม่มีอาการแสดง หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย ทำให้ผู้ป่วยไม่รู้ตัวและไม่ได้รับการรักษา จนกระทั่งเกิดภาวะฉุกเฉินที่อาจสายเกินแก้ การทำความเข้าใจถึงสาเหตุและอาการของโรค รวมถึงการป้องกันจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการดูแลสุขภาพหัวใจของเรา



สาเหตุหลักของโรคหัวใจขาดเลือด


2. สาเหตุหลักของโรคหัวใจขาดเลือด ใครบ้างที่มีความเสี่ยง?


สาเหตุหลักของโรคหัวใจขาดเลือด มาจากการสะสมของไขมัน คอเลสเตอรอล และสารอื่น ๆ ที่ผนังหลอดเลือด ทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่า "ภาวะหลอดเลือดแดงแข็งตัว (Atherosclerosis)" คราบพลัค (Plaque) ที่สะสมนี้จะค่อย ๆ หนาขึ้น ทำให้หลอดเลือดตีบแคบลง เลือดไหลเวียนได้ยากขึ้น และอาจแตกออกจนเกิดลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดได้ในที่สุด


ใครบ้างที่มีความเสี่ยงโรคหัวใจขาดเลือด?


ปัจจัยเสี่ยง สำคัญที่ทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็งตัว และเพิ่มโอกาสในการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด ได้แก่


  • อายุ อายุที่มากขึ้นจะเพิ่มความเสี่ยง เนื่องจากหลอดเลือดจะเริ่มเสื่อมสภาพตามวัย
  • เพศ ผู้ชายมีความเสี่ยงสูงกว่าผู้หญิง โดยเฉพาะในวัยก่อนหมดประจำเดือน
  • ประวัติครอบครัว หากมีบุคคลในครอบครัว (พ่อ แม่ พี่ น้อง) เป็นโรคหัวใจขาดเลือดในอายุน้อย จะเพิ่มความเสี่ยงมากขึ้น
  • ภาวะสุขภาพ
    • ความดันโลหิตสูง (Hypertension) แรงดันเลือดที่สูงเกินไปจะทำลายผนังหลอดเลือด
    • ไขมันในเลือดสูง (Hyperlipidemia) ระดับคอเลสเตอรอล LDL ("ไขมันเลว") และไตรกลีเซอไรด์ที่สูง จะสะสมที่ผนังหลอดเลือด
    • โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus) ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงเป็นเวลานาน จะทำลายหลอดเลือด
    • โรคอ้วน (Obesity) น้ำหนักเกินมาตรฐานจะเพิ่มภาระให้กับหัวใจ และส่งผลต่อระดับไขมันและน้ำตาลในเลือด
  • พฤติกรรมการใช้ชีวิต
    • การสูบบุหรี่ สารเคมีในบุหรี่ทำลายผนังหลอดเลือด ทำให้เกิดการอักเสบ และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือด
    • การไม่ออกกำลังกาย การขาดการออกกำลังกายทำให้หัวใจไม่แข็งแรง และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคอ้วน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง
    • ความเครียด ความเครียดเรื้อรัง อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด
    • การรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ การบริโภคอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว ไขมันทรานส์ โซเดียม และน้ำตาลสูง จะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ



อาการของโรคหัวใจขาดเลือด


3. สัญญาณเตือน อาการของโรคหัวใจขาดเลือด


อาการของโรคหัวใจขาดเลือด อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางรายอาจมีอาการชัดเจน ในขณะที่บางรายอาจมีอาการเพียงเล็กน้อย หรือไม่แสดงอาการเลยก็ได้ โดยอาการที่พบบ่อย ได้แก่


  • เจ็บแน่นหน้าอก เป็นอาการที่พบบ่อยที่สุด มักมีลักษณะเหมือนถูกกดทับ บีบรัด หรือรู้สึกหนัก ๆ บริเวณกลางหน้าอก หรืออาจร้าวไปที่แขนซ้าย ไหล่ คอ ขากรรไกร หรือหลัง
  • หายใจลำบาก อาจเกิดขึ้นพร้อมกับอาการเจ็บหน้าอก หรือเกิดขึ้นเพียงอย่างเดียว มักเป็นขณะออกแรง หรือแม้กระทั่งพักผ่อน
  • เหนื่อยง่าย รู้สึกอ่อนเพลียผิดปกติ แม้จะทำกิจกรรมเบา ๆ
  • ใจสั่น รู้สึกหัวใจเต้นเร็ว ผิดจังหวะ หรือแรงกว่าปกติ
  • คลื่นไส้ อาเจียน อาจเกิดขึ้นร่วมกับอาการเจ็บหน้าอก โดยเฉพาะในผู้หญิง
  • เหงื่อออกมาก เหงื่อออกโดยไม่มีสาเหตุ โดยเฉพาะเหงื่อเย็น
  • วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด อาจเกิดจากการที่เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ


หากคุณมีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโดยด่วน โดยเฉพาะอาการเจ็บแน่นหน้าอก เพราะอาจเป็นสัญญาณของภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ซึ่งต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน



4. วิธีป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด


การป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด สามารถทำได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต และควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ดังนี้


  1. ควบคุมระดับความดันโลหิต หากคุณมีความดันโลหิตสูง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อควบคุม ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม อาจต้องใช้ยาควบคู่กับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
  2. ควบคุมระดับไขมันในเลือด ตรวจระดับไขมันในเลือดเป็นประจำ และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ในการควบคุมระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ อาจต้องควบคุมอาหารและใช้ยาในบางกรณี
  3. ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด หากเป็นโรคเบาหวาน ควรควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด อย่างเคร่งครัดตามคำแนะนำของแพทย์
  4. ควบคุมน้ำหนัก รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน หากมีน้ำหนักเกิน ควรลดน้ำหนักด้วยการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย
  5. เลิกสูบบุหรี่ การเลิกสูบบุหรี่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ในการลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
  6. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ควรออกกำลังกายแบบแอโรบิก เช่น เดินเร็ว วิ่ง ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ หรือ 30 นาทีต่อวัน เป็นเวลา 5 วันต่อสัปดาห์
  7. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นการบริโภคผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี ปลาที่มีไขมันดี (เช่น แซลมอน ทูน่า) และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว ไขมันทรานส์ โซเดียม และน้ำตาลสูง
  8. จัดการความเครียด หาแนวทางในการจัดการความเครียดอย่างเหมาะสม เช่น การทำสมาธิ การออกกำลังกาย หรือการทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย
  9. ตรวจสุขภาพเป็นประจำ การตรวจสุขภาพเป็นประจำ จะช่วยให้สามารถตรวจพบปัจจัยเสี่ยง และสัญญาณเริ่มต้นของโรคหัวใจได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ


โรคหัวใจขาดเลือดเป็นภัยเงียบที่สามารถคร่าชีวิตได้ การทำความเข้าใจถึงสาเหตุ อาการ และวิธีการป้องกันจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้ดีต่อสุขภาพ ควบคู่กับการตรวจสุขภาพเป็นประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด และทำให้คุณมีหัวใจที่แข็งแรงไปอีกนาน
ที่สำคัญอย่าลืมเตรียมความพร้อมเรื่องสุขภาพ และค่ารักษาไว้ล่วงหน้า เพราะเราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าอนาคตโรคร้ายจะมาเยือนตอนไหน สามารถเตรียมความพร้อมเรื่องค่ารักษายามเจ็บป่วย ด้วยประกันสุขภาพเหมาจ่าย จากเมืองไทยประกันชีวิต ไว้ช่วยดูแลค่ารักษา ตั้งแต่ 2 แสน - 100 ล้านบาท จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษา


รายละเอียดเพิ่มเติม
☑️ โทร.1766 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

☑️ ติดต่อตัวแทนเมืองไทยประกันชีวิต/ ช่องทางที่ดูแลท่าน


  • โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย


ที่มา : สืบค้นเมื่อวันที่ 19/05/68

🔖 รพ. นครธน

🔖 รพ. พญาไท

🔖 รพ. บางปะกอก 9

Interested In

I agree that Muang Thai Life Assurance PCL. Collect and use my personal information above to contact me to offer products and services at I am interested or the company saw that it was beneficial to I have by me to equate the mark In the square is an indication of intent. instead of my consent Signing as evidence. I have read and acknowledged the Privacy Policy.

Interesting article