ทาสแมวต้องรู้ วิธีดูแลตัวเองเมื่อโดนแมวข่วน หรือ แมวกัด
โดนแมวข่วน แมวกัด แล้วทำอย่างไรดี? เป็นคำถามที่หลายคนสงสัย เมื่อเจ้าเหมียวที่แสนรักเกิดอารมณ์เสียขึ้นมา อาจทำให้เราได้รับรอยข่วนเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ ซึ่งในบางคนโดนแมวข่วนนิดเดียว ไม่รู้ว่าต้องไปฉีดยาไหม รู้ตัวอีกทีก็มีอาการอักเสบ ติดเชื้อไปแล้ว หรือบางทีก็อาจร้ายแรงถึงขั้นติดเชื้อพิษสุนัขบ้าได้เพราะขาดการพาน้องแมวไปฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้า ดังนั้น การดูแลแผลที่ถูกแมวข่วนอย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันการติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ
1. ทำไมแผลที่ถูกแมวข่วน หรือ แมวกัด ถึงสำคัญ?
2. วิธีดูแลแผลที่ถูกแมวข่วน หรือ แมวกัด
3. โดนแมวข่วนหรือแมวกัดนิดเดียว ต้องไปฉีดยาไหม
4. โรคที่อาจเกิดจากการถูกแมวข่วน หรือ แมวกัด
1. ทำไมแผลที่ถูกแมวข่วน หรือ แมวกัด ถึงสำคัญ?
แม้จะเป็นรอยข่วนเล็ก ๆ น้อย ๆ จนเจ้าของน้องแมวหลายคนละเลยแผลเหล่านี้ แต่รู้หรือไม่ว่า ในปากของแมวมีแบคทีเรียจำนวนมาก ที่อาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ เชื้อโรคที่พบได้บ่อย ได้แก่ ปาสเจอร์เรลลา (Pasteurella) ซึ่งเป็นสาเหตุของการติดเชื้อที่ผิวหนังและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง
โดนแมวข่วน แมวกัด ต้องระวังเสี่ยง!
- เสี่ยงติดเชื้อ แบคทีเรียจากปากแมว สามารถเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ผ่านทางแผล ทำให้เกิดการติดเชื้อได้
- อาการรุนแรง หากปล่อยทิ้งไว้ อาจเกิดอาการบวม แดง ร้อน ปวด มีหนอง และอาจลุกลามไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้
- โรคแทรกซ้อน ในบางกรณีอาจเกิดโรคแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น โรคแมวข่วน (Cat scratch disease) หรือแม้กระทั่
- โรคพิษสุนัขบ้า (หากแมวติดเชื้อ)
2. วิธีดูแลแผลที่ถูกแมวข่วน หรือ แมวกัด
แม้ว่าแมวจะเป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารัก แต่รอยข่วนจากเจ้าเหมียวก็อาจทำให้เราเจ็บได้ และแผลที่ถูกแมวข่วน แมวกัด ก็มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้ด้วย เพราะในปากของแมวมีแบคทีเรียจำนวนมาก ดังนั้นการดูแลแผลให้ถูกวิธีจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ซึ่งวิธีดูแลแผลที่ถูกแมวข่วนหรือ แมวกัด มีดังนี้
ล้างแผลให้สะอาด
- ใช้น้ำสบู่ล้างแผลให้สะอาดและทั่วถึง
- ล้างด้วยน้ำไหลแรง ๆ เพื่อชะล้างสิ่งสกปรกออกไป
- เช็ดแผลให้แห้งด้วยผ้าสะอาด
ใช้ยาฆ่าเชื้อ
- ทายาฆ่าเชื้อ เช่น โพวิโดนไอโอดีน หรือแอลกอฮอล์บริเวณรอบๆ แผล
- หลีกเลี่ยงการทายาฆ่าเชื้อลงบนแผลเปิดโดยตรง
ปิดแผล
- ปิดแผลด้วยผ้าก๊อซสะอาดและยึดด้วยเทปพันแผล
- เปลี่ยนผ้าพันแผลทุกวัน หรือเมื่อเปื้อน
สังเกตอาการ
- สังเกตอาการบวม แดง ร้อน ปวด หรือมีหนองบริเวณแผล
- หากอาการรุนแรงขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์
อาการแบบไหนควรไปพบแพทย์
- แผลลึก มีเลือดออกมาก หรือมีสิ่งแปลกปลอมติดอยู่ในแผล
- แผลติดเชื้อ
- แมวที่ข่วนไม่มีประวัติการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
- คุณมีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเบาหวาน หรือผู้ที่ใช้ยาที่มีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน
วิธีป้องกันการถูกแมวข่วน
- เข้าใจพฤติกรรมของแมว เรียนรู้สัญญาณที่บ่งบอกว่าแมวกำลังจะข่วน
- อย่ารบกวนแมวขณะกินอาหารหรือพักผ่อน
- จับแมวอย่างนุ่มนวล ใช้มือลูบตามแนวขน
- ตัดเล็บให้แมวเป็นประจำ เพื่อลดความคมของเล็บ
3. โดนแมวข่วนหรือแมวกัดนิดเดียว ต้องไปฉีดยาไหม
ถึงแม้จะเป็นรอยข่วนเล็กน้อย แต่การดูแลแผลที่ถูกแมวข่วน แมวกัด อย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันการติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ซึ่งหากเราโดนแมวข่วน แมวกัด แม้ว่าจะนิดเดียว ก็อาจจะต้องพิจารณาว่าตัวเองควรไปฉีดยา หรือฉีดวัคซีนป้องกันหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ดังนี้
- ความลึกของแผล หากเป็นรอยข่วนที่ผิวหนังชั้นนอก อาจไม่จำเป็นต้องฉีดยา แต่หากแผลลึก มีเลือดออกมาก ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการดูแล
- ตำแหน่งของแผล หากแผลอยู่บริเวณใบหน้า หรือบริเวณที่ใกล้ข้อต่อ อาจมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากกว่า
- สภาพของแมว หากแมวที่ข่วนมีสุขภาพดี และมีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเป็นประจำ ความเสี่ยงในการติดเชื้อก็จะน้อยลง
- อาการของผู้ถูกข่วนหากมีอาการบวม แดง ร้อน ปวด หรือมีหนองบริเวณแผล ควรรีบไปพบแพทย์
ที่สำคัญ หากโดนแมวข่วน แมวกัด หลายคนอาจลังเลว่าต้องฉีดยาภายในกี่วัน โดนแมวข่วน แมวกัด ต้องรีบพบแพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อประเมินความเสี่ยงและได้รับการรักษาที่เหมาะสม การฉีดยาป้องกันโรคพิษสุนัขบ้ามีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อฉีดภายใน 24-48 ชั่วโมงหลังจากถูกกัดหรือข่วน แต่ก็ต้องขึ้นกับปัจจัยด้านบนที่กล่าวมา
4. โรคที่อาจเกิดจากการถูกแมวข่วน หรือ แมวกัด
การถูกแมวข่วน แมวกัด อาจดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่หากไม่ดูแลแผลให้ถูกวิธี หรือแมวที่ข่วนมีเชื้อโรค อาจก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้หลายชนิด ซึ่งโรคที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่
- โรคพิษสุนัขบ้า เป็นโรคที่ร้ายแรงและถึงแก่ชีวิตได้ เกิดจากเชื้อไวรัสเรบีส์ (Rabies virus) ซึ่งมักพบในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น สุนัข แมว ค้างคาว การติดเชื้อจะส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง และหากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อาจเสียชีวิตได้
- โรคแมวข่วน (Cat scratch disease) เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง อาการที่พบได้บ่อยคือ ต่อมน้ำเหลืองโต บวมแดง ร้อน ปวดบริเวณที่ถูกข่วน อาจมีไข้ อ่อนเพลีย และปวดศีรษะ
- การติดเชื้อแบคทีเรีย ในปากของแมวมีแบคทีเรียหลายชนิด ซึ่งอาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่แผลได้ เช่น เชื้อปาสเจอร์เรลลา (Pasteurella) อาการที่พบได้แก่ แผลบวม แดง ร้อน มีหนอง
- โรคบาดทะยัก โรคที่เริ่มแสดงอาหารหลังได้รับเชื้อแบคทีเรียตั้งแต่ 2-3 วันแรกและอาจกินเวลาหลายสัปดาห์ อาการที่พบได้แก่ ภาวะกรามติด กล้ามเนื้อคอและท้องแข็ง เหงื่อออก ความดันโลหิตสูง
อาการที่บ่งบอกว่าแผลติดเชื้อ
- แผลบวม แดง ร้อน ปวด
- มีหนองไหลออกจากแผล
- ต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้เคียงบวม
- มีไข้ หนาวสั่น
- รู้สึกอ่อนเพลีย
การป้องกันโรคก่อนโดนแมวข่วน แมวกัด
- พาแมวไปฉีดวัคซีน ควรพาแมวไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเป็นประจำ
- ดูแลความสะอาดของแมว ควรอาบน้ำให้แมวเป็นประจำ และตัดเล็บให้สั้น
- ระมัดระวังในการเล่นกับแมว ไม่ควรแหย่หรือรบกวนแมวขณะที่เขากำลังกินอาหาร หรือพักผ่อน
- หากถูกแมวจรจัดข่วน ควรรีบไปพบแพทย์
ถึงแม้จะเป็นรอยข่วนเล็กน้อย แต่การดูแลแผลที่ถูกแมวข่วน แมวกัด อย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันการติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เพราะหากเจ็บป่วยมาอาจต้องปวดหัวกับค่ารักษา ซึ่งการมีประกันสุขภาพ สักแผน เพื่อเป็นตัวช่วยค่ารักษายามเจ็บป่วย ก็ช่วยให้เบาใจมากขึ้น สามาถเลือกซื้อประกันสุขภาพเหมาจ่าย จากเมืองไทยประกันชีวิต ซึ่งมีแผนที่ตอบโจทย์ได้ครอบคลุม #เพราะชีวิตทุกวัยมันเจ็บป่วย ป่วยเล็กป่วยใหญ่ ช่วงวัยไหนก็ป่วยได้ไม่ช็อตฟีล
ปล่อยจอยค่ารักษาเพราะมีประกันสุขภาพดูแลให้แบบเหมา ๆ ตั้งแต่ 2 แสน - 100 ล้านบาท
✅ Elite Health Plus คุ้มครองค่ารักษา 20-100 ล้านบาทต่อปี ครอบคลุมเทคโนโลยีการรักษา ดูแลให้ทั้ง IPD และ OPD(1) เบี้ยวันละไม่ถึง 157 บาท(2)
✅ D Health Plus คุ้มครองค่ารักษา 5 ล้านบาท(3) นอนห้องเดี่ยวมาตรฐานทุก รพ. เบี้ยวันละไม่ถึง 38 บาท(4)
✅ เหมาจ่าย Extra แอดมิตเข้า รพ. ดูแลค่ารักษาเหมาจ่าย 5 แสนบาท(5) เบี้ยวันละไม่ถึง 42 บาท(6)
รายละเอียดเพิ่มเติม
☑️ โทร.1766 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
☑️ ติดต่อตัวแทนประกันชีวิต
(1) กรณีเลือกความคุ้มครองแผน 40, 75 หรือ 100 ล้านบาท
(2) สำหรับผู้เอาประกันภัยอายุ 50 ปี แผน 20 ล้านบาท พื้นที่ความคุ้มครองประเทศไทย และชำระเบี้ยประกันภัยรายปี
(3) กรณีเลือกความคุ้มครองแผน 5 ล้านบาท โดยเป็นวงเงินต่อการรักษาครั้งใดครั้งหนึ่ง
(4) สำหรับผู้เอาประกันภัยเพศหญิง อายุ 34 ปี เลือกแผนความคุ้มครอง 5 ล้านบาท มีความรับผิดส่วนแรก 30,000 บาท ต่อการเข้าพักรักษาตัวครั้งใดครั้งหนึ่ง (แผน Top Up ความคุ้มครอง) และชำระเบี้ยประกันภัยรายปี
(5) กรณีเลือกความคุ้มครองแผน 3 โดยเป็นวงเงินต่อการรักษาแบบผู้ป่วยในครั้งใดครั้งหนึ่ง
(6) สำหรับผู้เอาประกันภัยเพศหญิง อายุ 34 ปี เลือกแผนความคุ้มครอง 3 และชำระเบี้ยประกันรายปี
- เงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
- สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพต้องซื้อแนบท้ายกรมธรรม์ที่มีผลบังคับอยู่
- ความคุ้มครองของสัญญาเพิ่มเติมต้องไม่เกินระยะเวลาเอาประกันภัยของกรมธรรม์ประกันชีวิตที่สัญญาเพิ่มเติมนี้แนบท้าย
- เบี้ยประกันภัยสามารถนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์เป็นไปตามที่กรมสรรพากร กำหนด
- เงื่อนไขเป็นไปตามที่ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต กำหนด
- การพิจารณารับประกันภัยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของบริษัทฯ
- โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย
ที่มา : สืบค้นเมื่อวันที่ 02/12/67