มนุษย์ออฟฟิศที่มีรายรับทางเดียวอย่างเรา ๆ พออยากมีรายได้เพิ่มก็ไม่ค่อยมีเวลาทำงานแบบอื่น การลงทุนเพื่อเพิ่มรายได้จึงเป็นอีกทางเลือกที่หลายคนสนใจ แต่การลงทุนแบบไหนที่จะตอบโจทย์กับมนุษย์ออฟฟิศที่ทำงานเต็มวัน พร้อมให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ ที่สำคัญสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย ได้ประโยชน์หลายต่อแบบนี้ตามมาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
อันดับแรกในการลงทุนก็ต้องเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวที่สุดอย่าง “กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ” หรือ Provident Fund ซึ่งเป็นกองทุนที่นายจ้างและลูกจ้างร่วมกันจัดตั้งขึ้นด้วยความสมัครใจ เพื่อให้ลูกจ้างมีเงินสำรองเมื่อออกจากงาน ทุพพลภาพ หรือเกษียณอายุ โดยเงินกองทุนจะมาจากเงินที่ลูกจ้างจ่ายเข้ากองทุนเพื่อเป็น “เงินสะสม” ซึ่งกฎหมายได้กำหนดให้สะสมได้ตั้งแต่ 2-15% ของเงินเดือน แล้วแต่เราจะเลือกว่าจะหักกี่เปอร์เซ็นต์ และนายจ้างจ่ายเข้ากองทุนเพื่อเป็น “เงินสมทบ” เข้าเป็นประจำทุกครั้งที่จ่ายเงินเดือนในอัตราตั้งแต่ 2-15% ฉะนั้นการลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ยิ่งเราสะสมมากเท่าไร ก็ยิ่งได้รับผลตอบแทนเพิ่มมากขึ้น ที่สำคัญยังสามารถนำเงินสะสมในแต่ละปีไปหักลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย โดยสามารถลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินปีละ 10,000 บาท ส่วนจำนวนเงินที่เกิน 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 15% ของรายได้ และไม่เกิน 490,000 บาท จะได้รับยกเว้น ไม่ต้องนำไปรวมกับเงินได้ที่ต้องเสียภาษี
กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual Fund หรือ RMF) จะเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการออมเงินระยะยาวไว้สำหรับใช้จ่ายยามเกษียณอายุ ซึ่งเงื่อนไขในการลงทุนจะต้องลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยต้องซื้อหน่วยลงทุนของ RMF ไม่น้อยกว่าปีละ 1 ครั้ง และลงทุนขั้นต่ำ 3% ของเงินได้ในแต่ละปี หรือ 5,000 บาท แล้วแต่ว่าจำนวนใดจะต่ำกว่า ส่วนการขายคืนหน่วยลงทุน จะขายได้ก็เมื่อเราหรือผู้ลงทุนมีอายุไม่ต่ำกว่า 55 ปี และลงทุนมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุนครั้งแรก ที่สำคัญยังสามารถลดหย่อนภาษีจากค่าซื้อหน่วยลงทุน ได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 500,000 บาท
ขาดไม่ได้เลยสำหรับมนุษย์ออฟฟิศกับการลงทุนในแบบประกันออมทรัพย์ ที่ออกแบบมาให้ผู้ถือกรมธรรม์ออมเงิน แถมยังได้ความคุ้มครองด้วย และจุดสำคัญของแบบประกันออมทรัพย์ที่ต้องถูกใจทุกคนเลยก็คือ เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำแม้ว่าเศรษฐกิจจะผันผวน เพราะการันตีเงินลงทุนไม่สูญหาย พร้อมรับผลตอบแทนที่แน่นอนในรูปแบบเงินจ่ายคืนในแต่ละปี นอกจากนี้ ยังสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี อีกด้วย ลงทุนแบบเดียวแต่คุ้มถึง 3 ต่อ ได้ทั้งออมเงิน คุ้มครองชีวิต และลดหย่อนภาษี
เห็นแนวทางการลงทุนแล้วการวางแผนและลงมือทำตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็จะยิ่งได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า และอย่าลืมมองหาแบบประกันที่ตอบโจทย์ความต้องการของตัวเอง เพราะนอกจากได้รับความคุ้มครองตามแบบประกันที่ซื้อแล้ว ยังสามารถนำไปใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย
รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก หรือโทร.1766
ที่มา : สืบค้นเมื่อวันที่ 19/10/64
🔖 iTAX (ข้อมูล ณ วันที่ 25/03/64)