Plant-based food อาหารแนวฟีลกู้ดที่กำลังมาแรง 😎 ยิ่งช่วงใกล้เทศกาลกินเจแบบนี้แล้ว การกินแบบงดเนื้อสัตว์ต้องมา แต่ความอยากนั้นก็เข้าใจว่าห้ามกันยาก สำหรับมือใหม่เลยจะให้กินเจทันทีก็คงยังไม่ไหว แอดแนะนำว่าลองหันมาเริ่มกินอาหารประเภท Plant-based food กันก่อน เพราะในท้องตลาดเริ่มมีจำหน่ายกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่ทำเลียนแบบเนื้อสัตว์ชนิดต่าง ๆ รวมไปถึงเครื่องดื่มจากพืช หรือนมทางเลือกเพื่อสุขภาพ นอกจากจะไม่เบียดเบียนเนื้อสัตว์แล้ว ยังอาจช่วยลดน้ำหนักได้ด้วยนะ และสำหรับใครที่กำลังอยากรู้ว่า Plant-based food คืออะไร แตกต่างจากอาหารเจอย่างไร ลองมาหาคำตอบกัน รับรองว่า แป๊บเดียวเก็ทชัวร์ !
เนื้อสัตว์ที่ไม่ใช่เนื้อสัตว์ ! เพลงใหม่ต้องมาแล้วแหละ 😆 หลายคนยังสับสนระหว่าง Plant-based food กับ อาหารเจ เพราะดูไปแล้วก็ไม่มีเนื้อสัตว์เหมือนกัน แล้วแตกต่างกันตรงไหน ลองมาหาคำตอบกัน ! Plant-based food เป็นอาหารที่ทำมาจากพืชเป็นหลักประมาณ 95% ส่วนใหญ่จะทำมาจาก พืช ผัก ผลไม้ เห็ดต่าง ๆ รวมไปถึงธัญพืช และถั่ว แต่ไม่ใช่อาหารเจ ไม่เกี่ยวกับศาสนา ไม่ใช่มังสวิรัติ ที่ไม่กินนม ไม่กินไข่ ไม่ใช่ Vegan เพราะไม่มีประเด็น Animal Activist เข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นเรื่องสุขภาพและสิ่งแวดล้อมล้วน ๆ ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่ของผู้ที่ต้องการลดการบริโภคเนื้อสัตว์ โดยเน้นใช้โปรตีนจากพืชเพื่อทำเป็นอาหาร แต่งสีธรรมชาติจากพืช และใช้น้ำมันจากพืช เช่น น้ำมันมะพร้าว เน้นการได้โปรตีนจากพืช นำมาแต่งสี และกลิ่น เพื่อให้มีรสชาติ และรสสัมผัสที่มีความคล้ายกับเนื้อสัตว์มากที่สุด
Plant-based food ที่นิยมมากที่สุดในตอนนี้ ก็คือการทำเป็น “เนื้อเบอร์เกอร์” หรือจะเรียกกันว่าเบอร์เกอร์ไร้เนื้อสัตว์ รวมไปถึง เนื้อสับนักเก็ต เนื้อไก่ย่าง และมีทบอล เป็นต้น ซึ่งล้วนทำมาจากโปรตีนจากพืชทั้งหมด แต่ให้รสชาติและเนื้อสัมผัสเป็นเลิศ
สำหรับอาหารเจ จะเป็นอาหารที่ถูกประกอบขึ้นจาก แป้ง เต้าหู้ เห็ด ธัญพืชต่าง ๆ รวมไปถึงผักที่ไม่มีรสและกลิ่นฉุน ใช้น้ำมันพืชแทนน้ำมันหมู โดยในปัจจุบัน ได้มีการพัฒนาแป้งสาลีให้มีรูปร่างคล้ายเนื้อสัตว์ สำหรับมือใหม่ฝึกหัดไปอีก เริ่ดอยู่นะ ! แต่การกินเจที่ถูกต้องจะต้องมีการถือศีลร่วมด้วย โดยอาหารเจจะมีกฎเหล็กอยู่ดังนี้
สำหรับคนที่กำลังอยากเริ่มหันมากินอาหารแนว Plant-based food อาจจะสงสัยว่าถ้าไม่มีเนื้อสัตว์เลย แล้วจะได้สารอาหารครบไหม ? ซึ่งบอกเลยว่ายังได้รับสารอาหารเพียงพอ เพราะเราไม่ได้ทำการอดอาหาร แค่ปรับเปลี่ยนสิ่งที่กินเข้าไปแค่นั้นเอง
อย่างที่บอกว่าการกิน Plant-based food คือจะเน้นกินพืชผัก ผลไม้ และธัญพืชเป็นหลัก ข้อดีของการกินแบบนี้คือเราไม่ต้องกังวลเรื่องแคลอรีเลย กินมากแค่ไหนก็ไม่อ้วน แค่ต้องกินให้พอดี ส่วนข้อดีข้ออื่น ๆ ของการกิน Plant-based food แบ่งออกได้ดังนี้
การกิน Plant-based food สามารถช่วยลดความเสี่ยงได้ทั้งโรคหัวใจ เบาหวาน คอเลสเตอรอล อีกทั้งยังช่วยในเรื่องการเผาผลาญไม่ให้อ้วนลงพุง ซึ่งนอกเหนือจากประโยชน์ด้านสุขภาพแล้ว หนึ่งในประโยชน์ของ Plant-based food ที่หลาย ๆ คนมองข้ามผ่านคือประโยชน์ทางด้านสิ่งแวดล้อมเนื่องจากกระบวนการปศุสัตว์เป็นหนึ่งในสาเหตุใหญ่ ๆ ที่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก Plant-based food จึงเป็นอาหารทางเลือกที่ตอบโจทย์ได้ทั้งคนรักสุขภาพ และคนรักสิ่งแวดล้อมในคราวเดียวกัน สำหรับใครที่อยากเริ่มทานอาหาร Plant-based food ก็สามารถเริ่มได้เลย อาจจะเริ่มจากอาทิตย์ละ 1 วัน แล้วเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่ต้องอย่าลืมเรื่องการล้างทำความสะอาดของพืชผักเพื่อป้องกันสารตกค้างต่าง ๆ ก่อนที่จะนำมาใช้ประกอบอาหารด้วยนะ
และในตอนนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ยังคงมีอย่างต่อเนื่องดังนั้นการฝากสุขภาพของคุณให้กับคนที่พร้อมพัฒนาเพื่อคุณด้วยแผนประกันสุขภาพและบริการที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตในอนาคต วางแผนให้ทุก Step พร้อมใช้ชีวิตในยุค Next Normal จากเมืองไทยประกันชีวิตที่ให้มากกว่าความคุ้มครองเลือกได้ตามความต้องการตั้งแต่ 200,000 บาท ถึง 100,000,000 บาท ครอบคลุมเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัย รวมถึงอายุรับประกันสูงสุด 80 ปี ดูแลต่อเนื่องยาว ๆ สูงสุดถึง 99 ปี
Step ahead, Step ไปกับเมืองไทยประกันชีวิต ฝากสุขภาพคุณให้กับคนที่พร้อมพัฒนาเพื่อคุณ
รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก หรือโทร.1766
หมายเหตุ
ที่มา : สืบค้นเมื่อวันที่ 13/09/64
🔖 linetoday (ข้อมูล ณ วันที่ 10/06/64)
🔖 brandinside (ข้อมูล ณ วันที่ 25/07/62)
🔖 trueid (ข้อมูล ณ วันที่ 04/08/64)
🔖 nestleprofessional , nestleprofessional (ข้อมูล ณ วันที่ 24/05/64)
🔖 wongnai (ข้อมูล ณ วันที่ 03/09/63)
🔖 shopat24 (ข้อมูล ณ วันที่ 15/03/64)
🔖 gourmetandcuisine (ข้อมูล ณ วันที่ 24/10/60)