เอกสารยื่นภาษี 2567 ต้องใช้อะไรบ้าง? และก่อนยื่นต้องรู้อะไร
ยื่นภาษียังไงไม่ให้โป๊ะ ! ก่อนอื่นต้องตั้งสติกับการเตรียมเอกสารยื่นภาษีกันก่อน เพราะการยื่นภาษีแต่ละครั้งถือเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบ หากลืมรายการลดหย่อนภาษีไปแม้แต่รายการเดียว นั่นก็หมายถึงต้องจ่ายภาษีมากขึ้น ทุกคนจึงต้องเช็กรายการลดหย่อนภาษีพื้นฐานให้พร้อม ซึ่งการยื่นภาษีประจำปี 2567 สามารถยื่นออนไลน์ได้ถึงวันที่ 8 เมษายน 2568 แต่ก่อนที่จะเริ่มเข้าสู่การยื่นภาษี เราควรเตรียมเอกสารให้พร้อม เพราะเอกสารบางประเภทอาจต้องใช้เวลานานในการขอ ดังนั้นกันพลาดไว้ดีที่สุด เพราะหากเรากรอกรายละเอียดและส่งเอกสารยื่นภาษีเร็วเท่าไหร่ ก็จะยิ่งได้เงินคืนภาษีเร็วขึ้น วันนี้ลองมาเช็กดูหน่อยว่า เอกสารที่มีอยู่ในมือนั้นมีครบกันหรือยัง
ยาวไปเลือกอ่านตามหัวข้อได้นะ
1. ก่อนยื่นภาษีต้องรู้อะไรบ้าง!
2. เอกสารสำคัญที่ต้องเตรียมก่อนยื่นภาษี
3. เอกสารยื่นภาษีในกลุ่มต่าง ๆ มีอะไรบ้าง?
4. ยื่นภาษีไม่ทัน ต้องทำอย่างไร?
1. ก่อนยื่นภาษีต้องรู้อะไรบ้าง!
ยื่นภาษีทีไรถึงแม้น้ำตาจะไหลแต่ก็ต้องยื่น ! เพราะการเสียภาษีคือหน้าที่ของผู้มีเงินได้ ซึ่งในปีนี้สามารถยื่นภาษีแบบเอกสารได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 31 มีนาคม 2568 และสามารถยื่นภาษีทางออนไลน์ได้ถึงวันที่ 8 เมษายน 2568 ซึ่งการยื่นภาษีนั้น สามารถทำที่สำนักงานสรรพากรใกล้บ้าน หรือยื่นภาษีออนไลน์ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากรได้ และไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หัดยื่น หรือเทพแห่งการยื่นภาษีแล้วก็ตาม วันนี้ลองมาทบทวนกันหน่อยว่า ก่อนยื่นภาษีเราควรรู้อะไรบ้าง ?
1. การยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามี 2 แบบ
การยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี
- เป็นการยื่นภาษีสำหรับรายได้ที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปีภาษีที่ผ่านมา
- โดยปกติจะยื่นปีละ 1 ครั้ง ระหว่างวันที่ 1 มกราคม ถึง 31 มีนาคมของปีถัดไปหากยื่นผ่านระบบออนไลน์ของกรมสรรพากร (e-Filing) จะขยายเวลาได้ถึงวันที่ 8 เมษายนของปีถัดไป
- ใช้แบบฟอร์ม ภ.ง.ด. 90 สำหรับผู้ที่มีรายได้จากแหล่งต่างๆ เช่น เงินเดือน ค่าจ้าง ธุรกิจ หรือทรัพย์สิน
- ใช้แบบฟอร์ม ภ.ง.ด. 91 สำหรับผู้ที่มีรายได้จากเงินเดือนเพียงอย่างเดียว
การยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปี
- เป็นการยื่นภาษีสำหรับรายได้ที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก (มกราคม - มิถุนายน)
- ยื่นภายในเดือนกันยายนของปีภาษีนั้น ๆ
- ใช้แบบฟอร์ม ภ.ง.ด. 94
- โดยมากผู้ที่มีรายได้จาก 40(5)-40(8) เช่น ค่าเช่า, วิชาชีพอิสระ, รับเหมาก่อสร้าง, เงินได้อื่นๆ ที่มีรายได้ช่วงมกราคม – มิถนายน ตั้งแต่ 60,000 บาทขึ้นไป จะต้องยื่นภาษีครึ่งปี
2. ประเภทเงินได้
ทำความเข้าใจประเภทเงินได้ของตนเอง เช่น เงินเดือน ค่าจ้าง ค่าคอมมิชชั่น ค่าเช่า ดอกเบี้ย เงินปันผล หรือรายได้จากธุรกิจส่วนตัว
ประเภทเงินได้แต่ละประเภทมีวิธีการคำนวณและหักค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกัน
3. ค่าลดหย่อนภาษี
- ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับค่าลดหย่อนภาษีต่าง ๆ ที่มีสิทธิ์ได้รับ เช่น ค่าลดหย่อนส่วนตัว ค่าลดหย่อนคู่สมรส ค่าลดหย่อนบุตร ค่าลดหย่อนบิดามารดา ค่าลดหย่อนประกันชีวิต ประกันสุขภาพ กองทุนรวมต่างๆ (SSF, RMF, ThaiESG) และค่าลดหย่อนจากการบริจาค
- เตรียมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับค่าลดหย่อนแต่ละรายการ เช่น ใบเสร็จรับเงิน ใบรับรองการจ่ายเบี้ยประกัน หรือหนังสือรับรองการบริจาค
4. เอกสารที่ต้องเตรียม
- หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) จากนายจ้าง
- เอกสารแสดงรายได้อื่น ๆ เช่น หนังสือรับรองรายได้จากดอกเบี้ย หรือเงินปันผล
- เอกสารหลักฐานค่าลดหย่อนภาษีต่าง ๆ
5. การคำนวณภาษี
- ทำความเข้าใจวิธีการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพื่อให้ทราบถึงภาระภาษีที่ต้องชำระ หรือจำนวนเงินภาษีที่จะได้รับคืน
- สามารถใช้โปรแกรมคำนวณภาษีออนไลน์ของกรมสรรพากร เพื่อช่วยในการคำนวณภาษีได้
6. ช่องทางการยื่นภาษี
- เลือกช่องทางการยื่นภาษีที่สะดวก เช่น การยื่นภาษีออนไลน์ผ่านระบบ e-Filing ของกรมสรรพากร หรือการยื่นภาษีที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่
- การยื่นภาษีออนไลน์จะได้รับความสะดวกสบาย และมักมีระยะเวลาการยื่นที่ขยายออกไป
2. เอกสารสำคัญที่ต้องเตรียมก่อนยื่นภาษี
อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าสิ่งที่ต้องรู้ก่อนยื่นภาษีมีอะไรบ้าง ซึ่งหนึ่งในส่วนที่สำคัญคือการเตรียมเอกสารยื่นภาษี เพราะก่อนการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา การเตรียมเอกสารและข้อมูลให้ครบถ้วน เป็นเรื่องสำคัญมาก เพื่อให้การยื่นภาษีเป็นไปอย่างราบรื่นและถูกต้อง โดยเอกสารยื่นภาษีหลัก ๆ ที่ต้องเตรียมมีดังนี้
- เอกสารหลักฐานแสดงรายได้ หนังสือรับรองเงินเดือน (50 ทวิ) จากนายจ้าง ซึ่งในเอกสาร 50 ทวิจะมีรายละเอียดสำคัญ เช่น รายได้รวมที่แสดงให้เห็นว่า ในปีนั้นเรามีรายได้รวมเท่าไหร่ หรือเงินสมทบประกันสังคมทั้งหมด เป็นต้น
- เอกสารรายการลดหย่อนภาษีกลุ่มต่าง ๆ ที่รวบรวมไว้ตลอดทั้งปี เช่น ค่าเลี้ยงดูพ่อแม่ หรือบุตร เบี้ยประกันชีวิต ประกันสุขภาพ เอกสารช้อปดีมีคืน เป็นต้น
3. เอกสารยื่นภาษีในกลุ่มต่าง ๆ มีอะไรบ้าง?
ในเมื่อรู้แล้วว่าเราต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง คราวนี้ลองมาดูกันว่าเอกสารแต่ละกลุ่มมีอะไรบ้าง ก่อนทำเรื่องยื่นภาษีจะได้เตรียมไว้ให้พร้อม
ค่าลดหย่อนภาษีกลุ่มภาระส่วนตัวและครอบครัว
- หนังสือรับรองการหักลดหย่อนค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา (ล.ย.03)
- หนังสือรับรองการหักลดหย่อนค่าอุปการะเลี้ยงดูคนพิการหรือคนทุพพลภาพ (ล.ย.04)
- หนังสือรับรองการเป็นผู้อุปการะเลี้ยงดูคนทุพพลภาพ (ล.ย.04-1)
- ทะเบียนสมรส
- เอกสารรับรองบุตร
- ใบรับรองแพทย์ ใบเสร็จรับรอง หรือหลักฐานอื่นที่แสดงว่าได้จ่ายค่าฝากครรภ์และค่าคลอดให้แก่สถานพยาบาล
ค่าลดหย่อนภาษีกลุ่มประกัน
- เบี้ยประกันชีวิต และประกันสุขภาพ ไม่ต้องเตรียมเอกสารแต่ต้องแจ้งความประสงค์ที่จะใช้สิทธิลดหย่อนต่อตัวแทน หรือบริษัทผู้รับประกัน
- เบี้ยประกันสุขภาพของพ่อแม่ ไม่ต้องเตรียมเอกสารเช่นกัน แต่ต้องแจ้งความประสงค์ที่จะใช้สิทธิลดหย่อนต่อตัวแทน หรือบริษัทผู้รับประกัน
ค่าลดหย่อนภาษีกลุ่มการออมและลงทุน
- หากใครที่มีกองทุนควรเตรียมเอกสารหนังสือรับรองการซื้อกองทุน SSF RMF
ค่าลดหย่อนภาษีกลุ่มกระตุ้นเศรษฐกิจ
- หากใครกู้ซื้อบ้านหรือคอนโด ให้ขอหนังสือรับรองการเสียดอกเบี้ยกู้ยืมเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยจากธนาคาร
- สำเนาบัญชีผู้ถือหุ้นที่มีชื่อของผู้ยื่นภาษีเป็นรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันที่ลงหุ้น หรือลงทุนในการจัดตั้งของบริษัทหรือห้า
- หุ้นส่วนนิติบุคคล สามารถขอเอกสารได้จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
ค่าลดหย่อนภาษีกลุ่มบริจาค
- หากมีการบริจาคผ่าน e-Donation ไม่ต้องเตรียมเอกสาร เพราะทางสรรพากรสามารถเข้าไปตรวจสอบในระบบไ
- ด้การบริจาคทั่วไปต้องมีใบอนุโมทนาบุญ หรือใบเสร็จรับเงินที่ระบุชื่อผู้ยื่นภาษีเป็นผู้บริจาค
- สำหรับการบริจาคเพื่อพรรคการเมือง ใบเสร็จ หรือหลักฐานอื่น ๆ ที่ช่วยยืนยันว่าผู้ยื่นภาษีได้บริจาคช่วยเหลือ
- พรรคการเมือง เช่น ใบโอนกรรมสิทธิ์ต่าง ๆ ที่ผู้ยื่นภาษีบริจาคให้แก่พรรคการเมือง เป็นต้น
4. ยื่นภาษีไม่ทัน ต้องทำอย่างไร?
ไม่ว่าจะเพราะสาเหตุอะไรที่ทำให้เราเสียภาษีไม่ทัน จงจำไว้ว่าให้เตรียมเอกสารยื่นภาษีที่เกี่ยวข้อง ไปยื่นที่สำนักงานสรรพากรเท่านั้น ! จะไม่สามารถยื่นภาษีผ่านออนไลน์ได้ แนะนำให้เตรียมเอกสารดังต่อไปนี้
- เตรียมแบบฟอร์ม ภ.ง.ด.91 หรือ ภ.ง.ด.90
- หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่ จ่าย (50 ทวิ)
- เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการลดหย่อนภาษี เช่น หนังสือรับรองการจ่ายเบี้ยประกันชีวิต หนังสือรับรองการจ่ายกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
- เอกสารยืนยันสิทธิ์ค่าลดหย่อนบิดามารดา (ใบ ล.ย. 03)
- เตรียมเงิน นอกจากจะต้องจ่ายภาษีส่วนที่ค้างแล้ว เราอาจจะต้องจ่ายค่าปรับซึ่งเป็นบทลงโทษที่เกิดจากการยื่นภาษีล่าช้า
บทลงโทษหากยื่นภาษีไม่ทัน
หากคุณยื่นภาษีไม่ทันกำหนดเวลา จะมีบทลงโทษดังนี้
1. ค่าปรับอาญา
- กรณีไม่ยื่นแบบฯ
- ยื่นแบบล่าช้าไม่เกิน 7 วัน ค่าปรับ 100 บาท
- ยื่นแบบล่าช้าเกิน 7 วัน ค่าปรับ 200 บาท
- โทษปรับสูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท
- กรณีจงใจละเลยไม่ยื่นแบบฯ เพื่อหลบเลี่ยงการเสียภาษี
- ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ
2. เงินเพิ่ม
- เสียเงินเพิ่มร้อยละ 1.5 ต่อเดือนของเงินภาษีที่ต้องชำระ นับตั้งแต่วันพ้นกำหนดเวลาการยื่นรายการจนถึงวันชำระภาษี (เศษของเดือนให้นับเป็น 1 เดือน)
3. เบี้ยปรับ
- กรณีเจ้าพนักงานตรวจสอบพบว่าไม่ได้ยื่นแบบฯ, ชำระภาษีขาด หรือต่ำไป
- ต้องเสียเบี้ยปรับ 1-2 เท่าของภาษีที่ต้องชำระ ตามแต่ละกรณีความผิด
4. โทษทางอาญา
- กรณีจงใจแจ้งข้อความ หรือแสดงหลักฐานเท็จ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษี
- มีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 200,000 บาท
จบกันไปแล้วสำหรับการเตรียมเอกสารยื่นภาษีต่าง ๆ ใครที่กำลังรีรอแนะนำให้รีบยื่นเลยนะ เพราะยื่นเร็วเท่าไหร่ เราก็จะได้เงินภาษีคืนเร็วขึ้นเท่านั้น เตรียมวางแผนการยื่นภาษีกันไปแล้ว อย่าลืมวางแผนลดหย่อนภาษีกันด้วยนะ คุ้มสองต่อได้ทั้งความคุ้มครองสุขภาพและลดหย่อนภาษี ด้วยประกันสุขภาพเหมาจ่าย จากเมืองไทยประกันชีวิต ที่ดูแลค่ารักษา ตั้งแต่ 200,000 บาท ถึง 100,000,000 บาท และยังสามารถนำค่าเบี้ยไปลดหย่อนภาษี ได้สูงสุด 25,000 บาท อีกด้วย
รายละเอียดเพิ่มเติม
☑️ โทร.1766 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
☑️ ติดต่อตัวแทนประกันชีวิต/ ช่องทางที่ดูแลท่าน
- เบี้ยประกันภัย สามารถ นำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ ทั้งนี้หลักเกณฑ์เป็นไปตามที่กรมสรรพากรกำหนด
- โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย
ที่มา : สืบค้นเมื่อวันที่ 10/03/68
🔖 กรมสรรพากร
🔖 thaipbs
🔖 prachachat