โรคไข้หวัด เป็นง่ายหายยาก ไม่อยากลำบากต้องป้องกัน !
อากาศเปลี่ยนได้ทุกฤดู แต่สิ่งที่อยู่รอบตัวเราไม่เคยเปลี่ยนเลยนั่นก็คือโรคไข้หวัด ซึ่งเป็นกันได้ทั้งปี แต่อาจจะเป็นได้บ่อยในช่วงที่มีฝนตก มีลมหนาว อากาศเปลี่ยนกะทันหัน จึงพบคนป่วยเป็นไข้หวัดจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นไข้หวัดธรรมดา หวัดแดด ไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ล้วนอยู่ในสภาพแวดล้อมใกล้ตัวเรามาก ๆ เราจึงควรเตรียมรับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของอากาศให้ดี เพราะโรคไข้หวัดเป็นโรคที่พบได้บ่อยทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ในบางคนอาจติดเชื้อจนอาการหนักก็เป็นได้ วันนี้ลองเช็กมากันว่า โรคไข้หวัด อาการไข้หวัดลงคอ มีวิธีป้องกันยังไง สมุนไพรแก้ไข้หวัดช่วยได้ไหม รวมถึงไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ที่ต้องระวังมีอะไรบ้าง ไปดูกัน !
- โรคไข้หวัดคืออะไร สายพันธุ์ไหนที่ต้องระวัง
- กลุ่มเสี่ยงโรคไข้หวัดมีใครบ้าง ?
- ไข้หวัดลงคอร้ายแรงไหม ?
- สมุนไพรแก้ไข้หวัดมีอะไรบ้าง ?
โรคไข้หวัดคืออะไร สายพันธุ์ไหนที่ต้องระวัง
อากาศเปลี่ยนทีไร ไข้หวัดมาทุกที ทั้งอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล เจ็บคอ ทำให้หลาย ๆ คนต้องเริ่มดูแลสุขภาพกันมากขึ้น วันนี้ลองมาทำความรู้จักกับไข้หวัดกันให้มากขึ้น เพื่อที่เราจะด้ป้องกันและดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากไข้หวัดกัน
โรคไข้หวัด คือ โรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสบริเวณทางเดินหายใจส่วนต้น เช่น จมูก คอ ไซนัส และกล่องเสียง โดยเชื้อที่ก่อให้เกิดไข้หวัดมักเป็นเชื้อไวรัสชนิดไม่รุนแรง และสามารถหายได้ภายใน 1-2สัปดาห์
สาเหตุการเกิดไข้หวัด
โรคไข้หวัดเกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่มีอยู่มากมายหลายชนิด แต่ส่วนมากมักจะพบว่าติดเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า “ไรโนไวรัส (Rhinoviruses)” เชื้อเหล่านี้จะเข้าสู่ร่างกายได้ผ่านช่องทางจมูก ตา และปาก หรือการรับมาจากอากาศรอบ ๆ ตัวของเรา โรคไข้หวัดยังสามารถติดต่อจากผู้ป่วยได้ด้วยทั้งการใช้ของร่วมกัน หรือการสัมผัสตัวของผู้ป่วย เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่น ๆ ที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดโรคไข้หวัด เช่น เด็กที่มีอายุน้อย ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ หรือการอยู่ในสภาพอากาศที่เพิ่มความเสี่ยง เช่น ฤดูฝน หรือฤดูหนาว
แต่สำหรับไข้หวัดใหญ่ที่มักระบาดในช่วงหน้าฝนและหน้าหนาจะเป็นอาการที่ร่างกายติดเชื้อจากไวรัส influenza ที่ระบบทางเดินหายใจแบบเฉียบพลัน โดยจะมีอาการไข้สูงทันทีทันใด ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว และอ่อนเพลีย
ไข้หวัดใหญ่ แตกต่างจากไข้หวัดธรรมดาดังนี้
โดยทั่วไปลักษณะอาการค่อนข้างคล้ายไข้หวัดธรรมดา เพียงแต่อาจมีอาการหนักกว่า และยาวนานกว่า เช่น ไข้สูง และนานกว่า ปวดเมื่อยตามตัวมากกว่า อ่อนเพลียมากกว่า และมักเป็นแบบทันทีทันใด ไม่ใช่อาการค่อยเป็นค่อยไปทีละอย่างเหมือนไข้หวัดธรรมดา ไข้หวัดใหญ่อาจมีอาการนานถึง 6-10 วัน นอกจากนี้ไข้หวัดใหญ่ยังเสี่ยงจะมีภาวะแทรกซ้อนมากกว่า จึงทำให้บางครั้งผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่อาจต้องนอนโรงพยาบาล เพื่อคอยดูอาการเพื่อป้องกันอาการแทรกซ้อน
โรคไข้หวัดใหญ่ มีอยู่ด้วยกัน 4 สายพันธุ์หลัก ได้แก่ เชื้อไวรัสสายพันธุ์ Aมีแบ่งย่อย 2 ตระกูล คือ H1N1 และ H3N2 และสายพันธุ์ B มีแบ่งย่อย 2 ตระกูล คือ Yamagata, Victoria ถือเป็นโรคติดต่อผ่านระบบทางเดินหายใจ ซึ่งสามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ผ่าน การไอ จาม หรือสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อไวรัส เมื่อได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะมีระยะฟักตัว 1 – 3 วัน สามารถรักษาได้ด้วยการให้ยาต้านไวรัส เพื่อลดระยะเวลาที่เป็นและลดความรุนแรง โดยให้ภายใน 48 ชั่วโมง ซึ่งไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A มีความรุนแรงและอันตรายมากที่สุด สามารถติดต่อจากสัตว์พาหะมาสู่คนและจากคนที่ติดเชื้อไปสู่คนอื่นๆ บางคนอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต
สาเหตุของโรคไข้หวัดใหญ่
คนทั่วไปอาจสัมผัสเชื้อไวรัสจากละอองฝอยในอากาศ เมื่อผู้ป่วยไอ จาม หรือพูดคุย คนทั่วไปอาจสูดรับเชื้อโรคทางลมหายใจหรือสัมผัสเชื้อที่ติดอยู่บนพื้นผิวของวัตถุ เช่น โทรศัพท์มือถือ หรือคีย์บอร์ด
ผู้ป่วยจะสามารถแพร่เชื้อได้ตั้งแต่ 1 วันก่อนแสดงอาการ และยังสามารถแพร่เชื้อได้ต่อไปอีก 5 วันหลังแสดงอาการ ผู้ป่วยที่ภูมิคุ้มกันบกพร่องจะสามารถแพร่เชื้อได้นานกว่า
ปัจจุบันเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา หากได้รับวัคซีนหรือป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่มาก่อน ร่างกายมักมีภูมิต้านทานโรคมากขึ้น หากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ตัวใหม่นั้นมีความใกล้เคียงกับเชื้อตัวเก่าที่เคยเป็น ร่างกายจะมีแอนติบอดีป้องกันหรือลดความรุนแรงของโรคได้
กลุ่มเสี่ยงโรคไข้หวัดมีใครบ้าง ?
รู้สายพันธุ์ความรุนแรงกันไปแล้ว ถึงเวลาต้องเฝ้าระวังกันบ้าง เช็กกันหน่อยว่าใครที่เป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะเป้นโรคไข้หวัดง่ายกว่าคนอื่นบ้าง จริง ๆแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน อายุเท่าไร ก็สามารถเสี่ยงเป็นไข้หวัดใหญ่ได้ทุกคน หากภูมิคุ้มกันร่างกายของเราไม่ดีพอ ซึ่งโรคไข้หวัดสามารถติดต่อกันจากการรับเชื้อไวรัสผ่านการไอ จาม พูด และลมหายใจของผู้ที่ติดเชื้อ รวมไปถึงน้ำลายจากการใช้ช้อน แก้วเดียวกัน หรือแม้กระทั่งสัมผัสข้าวของที่ผู้ป่วยสัมผัส หลังจากใช้มือป้องปากเวลาจามหรือไอด้วย แต่ก็จะมีกลุ่มคนบางกลุ่มที่มีความเสี่ยงมากกว่าคนอื่น ดังนี้
ผู้ที่มีโรคเรื้อรังประจำตัว เช่น โรคตับ โรคหัวใจ โรคไต โรคปอด หอบหืด
- คนท้อง
- คนที่มีอายุมากกว่า 65 ปี
- ผู้ป่วยโรคเอดส์
- ผู้ที่พักในสถานเลี้ยงคนชรา
ไข้หวัดลงคอร้ายแรงไหม ?
ไอไม่หาย รู้สึกหนืดคอ น้ำมูกลงคอ ใครหลายคนคงเคยมีอาการแบบนี้ ซึ่งทางการแพทย์จะเรียกว่าอาการหวัดลงคอ หมายถึง อาการคออักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อ จากเดิมที่โรคไข้หวัดนั้น ป็นการติดเชื้อไวรัสบริเวณระบบทางเดินหายใจส่วนบน ทำให้เรามีอาการไอ จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล และมีไข้ เมื่อเชื้อหวัดลามลงไปในคอจึงทำให้เกิดอาการคออักเสบและเจ็บคอได้
ความแตกต่างของอาการหวัดลงคอที่เกิดจากภูมิแพ้และที่เกิดจากเชื้อหวัด คือ เชื้อหวัดมักจะทำให้เป็นไข้และส่งผลให้น้ำมูกเหนียวมีสีเหลืองหรือสีเขียวที่เป็นสัญญาณของการติดเชื้อ ซึ่งพบได้ทั้งการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย
โดยส่วนใหญ่ โรคหวัดที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสมักไม่อันตรายและหายได้เองตามกลไกของร่างกาย ไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะหรือยาฆ่าเชื้อ ซึ่งอาการจากโรคหวัดอาจบรรเทาได้ด้วยยาแก้ไข้ ยาแก้ปวด ยาแก้ไอ และยาลดน้ำมูกขึ้นอยู่กับอาการ ซึ่งนอกจากการรักษาด้วยยาแล้ว ควรดูแลตัวเองด้วยวิธีอื่น ๆ เพื่อช่วยรักษาสมดุลของร่างกายและอาจช่วยให้อาการหวัดหายได้เร็วขึ้น เช่น
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- กินอาหารที่มีประโยชน์
- ดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม
- ปรับอุณหภูมิในที่พักอาศัยให้เหมาะสม
สมุนไพรแก้ไข้หวัด มีอะไรบ้าง ?
ใครที่เป็นคนขี้หนาว ขี้แพ้( อากาศ ) ปรับตัวไม่ทัน ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะไข้หวัดอาจถามหาเอาได้ง่าย ๆ ดังนั้นต้องดูแลตัวเองกันหน่อย ด้วยการออกกำลังรวมถึงหาสมุนไพรใกล้ตัวมาปรุงทำอาหาร เพื่อเสริมภูมิต้านทานให้ร่างกายไม่ป่วยง่ายกัน ดังนี้
กระเทียม
- ช่วยอาหารเจ็บคอ มีฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย และช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย
หอมแดง
- ช่วยในการหายใจสะดวกและโล่งขึ้น
มะนาว
- ผลไม้สุดเปรี้ยวที่เต็มไปด้วยวิตามินซีช่วย ลดอาการไอ ลดเสมหะ
ขิง
- ช่วยแก้ไอและขับเสมหะ
ตะไคร้
- ช่วยบรรเทาอาการไข้ แก้ปวดหัว แก้อักเสบ และแก้อาการปวดท้อง
หัวหอมใหญ่
- ช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ดีและช่วยขับเสมหะ
พริก
- ช่วยขับเหงื่อและขจัดสารพิษออกจากร่างกาย
มะขามป้อม
- ช่วยบรรเทาอาการหวัด ไอ เจ็บคอ ปากคอแห้ง
จะเห็นได้ว่าโรคไข้หวัดที่อยู่ใกล้ตัวเราทุกฤดู แม้จะเป็นโรคเดิม ๆ ที่อยู่กับเรามาตลอด แต่ก็มีไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นมาอยู่เรื่อย ๆ ทำให้เราต้องหันมาดูแลตัวเองให้มากขึ้น เพราะอาการของโรคเมื่อกลายพันธุ์ก็มีความรุนแรงมากขึ้นเช่นกัน ดังนั้นเราควรป้องกันตัวเองไม่ให้ป่วยด้วยการรักษาสุขภาพและอนามัยให้ดี ล้างมือบ่อย ๆ ทั้งก่อนกินอาหาร หรือหลังหยิบจับสิ่งของที่มีคนสัมผัสมาก ๆ และไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายเราได้
รวมถึงเลือกทำประกันสุขภาพเหมาจ่ายจากเมืองไทยประกันชีวิตมั่นใจกว่า ดูแลค่ารักษาทั้งโรคเล็ก โรคแรง ด้วยวงเงินที่เลือกได้ตั้งแต่ 200,000 บาท ถึง 100,000,000 บาท เข้ารักษาได้ทุกโรงพยาบาลทั่วประเทศ คุ้มครองทั้ง โรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคทั่วไป ครอบคลุมเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัย รวมถึงอายุรับประกันสูงสุด 90 ปี ดูแลต่อเนื่องยาว ๆ สูงสุดถึงอายุ 99 ปี
รายละเอียดเพิ่มเติม
☑️ โทร.1766 ตลอด 24 ชั่วโมง
☑️ ติดต่อตัวแทนประกันชีวิต หรือ สาขา ธนาคารกสิกรไทย
- สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพต้องซื้อแนบท้ายกรมธรรม์ที่มีผลบังคับอยู่
- ความคุ้มครองของสัญญาเพิ่มเติมต้องไม่เกินระยะเวลาเอาประกันภัยของกรมธรรม์ประกันชีวิตที่สัญญาเพิ่มเติมนี้แนบท้าย
- เบี้ยประกันภัยสามารถนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์เป็นไปตามที่กรมสรรพากร กำหนด
- การพิจารณารับประกันภัยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของบริษัทฯ
- เงื่อนไขเป็นไปตามที่ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต และธนาคารกำหนด
- เงื่อนไขเป็นไปตามมาตรฐาน และความจำเป็นทางการแพทย์
- โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย
ที่มา : สืบค้นเมื่อวันที่ 22/11/66
🔖โรงพยาบาลเปาโล (ข้อมูล ณ วันที่ 13/07/65)
🔖ศูนย์บริการสุขภาพแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
🔖 โรงพยาบาลพญาไท (ข้อมูล ณ วันที่ 01/04/63)
🔖 โรงพยาบาลรามคำแหง (ข้อมูล ณ วันที่ 12/03/65)
🔖 POBPAD