มาดูกัน! ประกันสุขภาพ กับ ประกันโรคร้ายแรง ต่างกันยังไง ซื้อคู่กันดีไหม?
ในยุคที่ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น พอ ๆ กับอายุของผู้ป่วยโรคร้ายแรงที่พบผู้ป่วยอายุน้อยลงเรื่อย ๆ การเลือกซื้อประกันสุขภาพหรือประกันโรคร้ายแรงจึงเป็นทางเลือกที่หลายคนเริ่มให้ความสนใจ แต่ก็ยังมีหลายคนที่รู้สึกลังเลไม่แน่ใจว่าจะเลือกตัวไหนดีกว่ากัน ระหว่างการทำประกันสุขภาพที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการรักษาทั่วไป หรือประกันโรคร้ายแรงที่จะช่วยคุ้มครองในกรณีที่เจอโรคที่รุนแรงและต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูง โดยแต่ละตัวเลือกก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ในบทความนี้เราจะมาลงรายละเอียดถึงความแตกต่างของทั้งสองแบบว่าประกันสุขภาพ กับ ประกันโรคร้ายแรง ต่างกันยังไง เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นและเลือกสิ่งที่เหมาะสมที่สุดกับความต้องการของตัวเอง
ยาวไปเลือกอ่านตามหัวข้อได้นะ
1. ประกันสุขภาพ กับ ประกันโรคร้ายแรง ต่างกันยังไง?
3. ประกันโรคร้ายแรง เหมาะกับใคร?
4. ซื้อ ประกันสุขภาพ กับ ประกันโรคร้ายแรง คู่กัน ดียังไง?
1. ประกันสุขภาพ กับ ประกันโรคร้ายแรง ต่างกันยังไง?
หลายคนอาจสงสัยว่า ระหว่างประกันสุขภาพและประกันโรคร้ายแรงนั้นแตกต่างกันอย่างไร? บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจถึงความแตกต่างของทั้งสองประเภทกัน
แตกต่างด้านความคุ้มครอง
ประกันสุขภาพ - คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล ครอบคลุมอาการเจ็บป่วยหลากหลายรูปแบบ ทั้งโรคทั่วไป, โรคร้ายแรง และกรณีอุบัติเหตุ
ประกันโรคร้ายแรง - บางแผนอาจคุ้มครองโรคเดียว เช่น โรคมะเร็ง, โรคเบาหวาน หรือบางแผนอาจคุ้มครองเฉพาะโรคที่กำหนด เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด และบางแผนจะมีค่ารักษาร้ายแรงเฉพาะโรคให้ด้วย
แตกต่างเรื่องระบบเคลม
ประกันสุขภาพ - วงเงินคุ้มครองค่าห้อง ค่ารักษาพยาบาล ค่าผ่าตัด ค่ายา ค่าทำแผล ตามที่เลือกแผนความคุ้มครอง
ประกันโรคร้ายแรง - คุ้มครองด้วยการจ่ายสินไหมทดแทนเป็นเงินก้อน เมื่อตรวจพบโรคร้ายตามผลประโยชน์ที่เลือก เป็นเงินไว้ใช้สำหรับรักษาตัว หรือนำไปใช้จ่ายอื่น ๆ ได้ตามต้องการ
แตกต่างที่ระยะเวลารอคอย
ประกันสุขภาพ - สำหรับผู้ที่ซื้อประกันสุขภาพ จะมีระยะเวลารอคอย 30 วัน ตามข้อกำหนดของกรมธรรม์ แต่จะมีบางโรคที่ระยะเวลาแสดงอาการนาน จะมีระยะเวลารอคอย 120 วัน
ประกันโรคร้ายแรง - สำหรับผู้ที่ซื้อประกันโรคร้ายแรง จะมีระยะเวลารอคอย 60 - 120 วัน ตามข้อกำหนดของแต่ละกรมธรรม์
2. ประกันสุขภาพ เหมาะกับใคร?
สำหรับคนที่ยังใหม่กับการเลือกประกันสุขภาพ แอดขอเล่าแบบเข้าใจง่ายให้ฟังกัน ว่าความคุ้มครองนี้จะเหมาะกับใครบ้าง?
- ผู้ที่ต้องการการดูแลสุขภาพทั่วไป ช่วยคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลสำหรับการเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุทั่วไป
- ผู้ที่มีอายุยังน้อย คุ้มครองโรคทั่วไปและค่าใช้จ่ายในการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้กระทบต่อรายได้
- ผู้ที่มีการเข้ารับการรักษาบ่อย ค่ารักษาพยาบาลอาจสะสมได้มาก การมีประกันสุขภาพช่วยบรรเทาภาระทางการเงิน
- ผู้ที่ต้องการความมั่นใจในการรักษา สามารถเลือกสถานพยาบาลหรือแพทย์ที่ต้องการได้
- ผู้ที่ไม่มีสวัสดิการ หรือมีวงเงินสิทธิการรักษาที่ไม่เพียงพอจากสิทธิบัตรทอง ประกันสังคม สิทธิข้าราชการ หากไม่ม
- การดูแลในส่วนนี้อยู่ ประกันสุขภาพส่วนบุคคลจะช่วยเสริมความคุ้มครอง เป็นอีกแผนรองรับความเสี่ยง
3. ประกันโรคร้ายแรง เหมาะกับใคร?
สำหรับใครที่ยังรู้จักประกันโรคร้ายแรงไม่มากนัก และยังไม่เข้าใจว่าความคุ้มครองรูปแบบนี้จะเหมาะกับใคร แอดจะเล่าให้ฟังแบบเข้าใจง่าย ๆ ดังต่อไปนี้เลย
- ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคร้ายแรง - เช่น มะเร็ง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน หรือโรคที่มีความเสี่ยงสูง
- ผู้ที่ต้องการการคุ้มครองจากโรคร้ายแรงเฉพาะ - ช่วยให้มั่นใจว่าจะได้รับการดูแลทางการเงินหากป่วยเป็นโรคร้ายแรง
- ผู้ที่อายุมากขึ้น - เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ความเสี่ยงในการเจ็บป่วยเป็นโรคร้ายแรงก็สูงขึ้น การมีประกันโรคร้ายแรงจะช่วยเพิ่มความอุ่นใจ
- ผู้ที่ต้องการประกันที่จ่ายเงินก้อนใหญ่ - ในกรณีที่ตรวจพบโรคร้ายแรง ประกันนี้จะจ่ายเงินเป็นจำนวนก้อนใหญ่ตามแผนความคุ้มครองที่เลือกเพื่อช่วยดูแลค่ารักษาและค่าใช้จ่ายระหว่างการฟื้นฟูอาการ
- ผู้ที่ต้องการความมั่นคงทางการเงินในกรณีฉุกเฉิน - สามารถใช้เงินก้อนที่ได้จากการประกันเพื่อดูแลตัวเองและครอบครัวระหว่างการรักษาโรคร้ายแรง
- ผู้ที่มีกำลังซื้อไม่สูง แต่ต้องการการคุ้มครองโรคร้ายแรง - ประกันโรคร้ายแรงมักมีเบี้ยประกันที่ต่ำกว่าประกันสุขภาพและช่วยครอบคลุมค่ารักษาโรคร้ายแรง
อ่านบทความเพิ่มเติม >> ทำความรู้จัก ประกันโรคร้ายแรง แผนสำรองที่ทุกคนควรมี
4. ซื้อ ประกันสุขภาพ กับ ประกันโรคร้ายแรง คู่กัน ดียังไง?
หากคุณเป็นอีกคนที่อยู่ในช่วงลังเล ว่าจะเลือกซื้อประกันแบบไหนดี การซื้อประกันสุขภาพคู่กับประกันโรคร้ายแรงนั้นจะคุ้มค่ากว่าจริงไหม และมีข้อดีอย่างไร แอดเอาคำตอบมาให้แล้ว
วงเงินคุ้มครองจากแผนประกันเพียงแผนเดียว อาจไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในการรักษาระยะยาว
ถ้าซื้อความคุ้มครองจากประกันโรคร้ายแรงเอาไว้เพียงแผนเดียว แม้ว่าจะได้เงินก้อนมา แต่เงินนั้นอาจไม่ได้เพียงพอเมื่อใช้จ่ายไปกับค่ารักษาโรคร้ายต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าโรคร้ายเหล่านี้มักจะมีกระบวนการรักษาหลายขั้นตอน มีค่าใช้จ่ายสูง และมีระยะเวลาในการรักษาที่นาน หากมีวงเงินคุ้มครองจากประกันสุขภาพเพิ่มเติมเข้ามาก็จะช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายและเป็นเงินไว้สำรองใช้ได้
หรือในกรณีที่ซื้อแผนความคุ้มครองจากประกันสุขภาพเพียงอย่างเดียวก็อาจไม่เพียงพอ เนื่องจากมีข้อจำกัดในเรื่องค่าห้อง, วงเงินไม่เพียงพอจ่ายค่ารักษา, คนที่ต้องจ่ายความรับผิดส่วนแรก หากมีเงินสำรองจากประกันโรคร้ายแรงอีกแผนเข้ามาช่วยซัปพอร์ต ก็จะช่วยในเรื่องสภาพคล่องทางการเงินได้
ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ นอกเหนือจากค่ารักษา
ถ้าคุณซื้อความคุ้มครองจากประกันสุขภาพเพียงแผนเดียว กรณีเจ็บป่วยด้วยโรคร้าย คุณจะได้รับการดูแลจากวงเงินคุ้มครองที่ครอบคลุมเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ค่ายาต่าง ๆ แต่เมื่อนึกถึงค่าใช้จ่ายนอกโรงพยาบาลในรูปแบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้ป่วย วงเงินจากประกันสุขภาพจะไม่ได้ครอบคลุมตรงส่วนนี้ และถ้าเงินไม่เพียงพอ อาจส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินของคุณหรือครอบครัว แต่ถ้ามีเงินก้อนที่ได้รับจากประกันโรคร้ายแรง ก็เปรียบเสมือนเงินสำรองที่พร้อมนำมาใช้จ่ายในยามฉุกเฉินได้
รวมทั้งกรณีบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ หลังจากที่ประกันสุขภาพช่วยดูแลค่ารักษาพยาบาลแล้ว อาจมีกระบวนการดูแลฟื้นฟูต่อสำหรับผู้ป่วยที่ต้องทำกายภาพ หรือกรณีผู้ป่วยพิการ/ทุพพลภาพจากอุบัติเหตุ ค่าใช้จ่ายในการดูแลส่วนนี้สามารถนำวงเงินจากประกันโรคร้ายแรงมาช่วยซัปพอร์ตได้
รับมือกับความเสี่ยงได้มากกว่า
เมื่อสมาชิกคนใดคนหนึ่งในบ้านเกิดเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง หรือประสบอุบัติเหตุ ย่อมส่งผลกระทบทางใดทางหนึ่งกับสมาชิกคนอื่น ๆ ในครอบครัว เพราะผู้ป่วยโรคร้ายแรงอาจไม่สามารถไปทำงานหรือหารายได้ได้ตามเดิม สุขภาพร่างกายจะเปลี่ยนไปมากเมื่อเทียบกับตอนที่ยังไม่ป่วย
เพราะฉะนั้น การมีเงินสำรองไว้รองรับความเสี่ยงเหล่านี้ ก็เป็นเรื่องที่ดีกว่า โดยวงเงินคุ้มครองที่จะได้รับจากประกันสุขภาพและประกันโรคร้ายแรง จะมีส่วนช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงิน ชดเชยส่วนที่ขาดไปเพื่อให้มีเงินเพียงพอต่อการดำเนินชีวิต
เบี้ยประกันลดหย่อนภาษีได้
เรียกได้ว่าเป็นสิทธิประโยชน์อีกอย่างของคนทำประกันเลยก็ว่าได้ สำหรับสิทธิในการใช้เบี้ยประกันสุขภาพลดหย่อนภาษี สามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้สูงสุด 25,000 บาท เมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตและประกันบำนาญแล้วลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
อ่านบทความเพิ่มเติม >> รวม รายการลดหย่อนภาษี มีอะไรบ้าง เตรียมตัวก่อนเสียภาษี
การเลือกซื้อประกันสุขภาพหรือประกันโรคร้ายแรงนั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการและสถานการณ์ของแต่ละคน สำหรับคนที่สงสัยว่าประกันสุขภาพ กับ ประกันโรคร้ายแรง ต่างกันยังไง ก็น่าจะคลายข้อสงสัยกันไปแล้ว โดยทั้งสองประเภทต่างก็มีข้อดีที่ช่วยดูแลในกรณีที่เราต้องการการดูแลเมื่อประสบปัญหาสุขภาพหรือโรคร้ายต่าง ๆ
อย่างไรก็ตาม หากคุณเลือกซื้อประกันทั้งสองแบบควบคู่กัน ก็จะทำให้คุณมีความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากขึ้น สามารถรับมือกับปัญหาค่าใช้จ่ายได้ดีกว่า แนะนำ ประกันสุขภาพ และประกันโรคร้ายแรง จากเมืองไทยประกันชีวิต ให้เราเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการปกป้องตัวเองและครอบครัวของคุณ ให้คุณและคนที่คุณรักได้มั่นใจและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุก ๆ วัน
รายละเอียดเพิ่มเติม
☑️ โทร.1766 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
☑️ ติดต่อตัวแทนประกันชีวิต หรือช่องทางที่ดูแลท่าน
- โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย
ที่มา สืบค้น ณ วันที่ 18/03/2568
🔖muangthai-agent