Loading...

กำลังโหลดหน้าเว็บไซต์
รอสักครู่น้า Loading...

Thumbnail Cover ประกันสุขภาพ กับ ประกันโรคร้ายแรง 800x500

มาดูกัน! ประกันสุขภาพ กับ ประกันโรคร้ายแรง ต่างกันยังไง ซื้อคู่กันดีไหม?

 ในยุคที่ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น พอ ๆ กับอายุของผู้ป่วยโรคร้ายแรงที่พบผู้ป่วยอายุน้อยลงเรื่อย ๆ การเลือกซื้อประกันสุขภาพหรือประกันโรคร้ายแรงจึงเป็นทางเลือกที่หลายคนเริ่มให้ความสนใจ แต่ก็ยังมีหลายคนที่รู้สึกลังเลไม่แน่ใจว่าจะเลือกตัวไหนดีกว่ากัน ระหว่างการทำประกันสุขภาพที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการรักษาทั่วไป หรือประกันโรคร้ายแรงที่จะช่วยคุ้มครองในกรณีที่เจอโรคที่รุนแรงและต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูง โดยแต่ละตัวเลือกก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ในบทความนี้เราจะมาลงรายละเอียดถึงความแตกต่างของทั้งสองแบบว่าประกันสุขภาพ กับ ประกันโรคร้ายแรง ต่างกันยังไง เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นและเลือกสิ่งที่เหมาะสมที่สุดกับความต้องการของตัวเอง




ยาวไปเลือกอ่านตามหัวข้อได้นะ


1. ประกันสุขภาพ กับ ประกันโรคร้ายแรง ต่างกันยังไง?

2. ประกันสุขภาพ เหมาะกับใคร?

3. ประกันโรคร้ายแรง เหมาะกับใคร?

4. ซื้อ ประกันสุขภาพ กับ ประกันโรคร้ายแรง คู่กัน ดียังไง?



ประกันสุขภาพ กับ ประกันโรคร้ายแรง ต่างกันยังไง?


1. ประกันสุขภาพ กับ ประกันโรคร้ายแรง ต่างกันยังไง?

หลายคนอาจสงสัยว่า ระหว่างประกันสุขภาพและประกันโรคร้ายแรงนั้นแตกต่างกันอย่างไร? บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจถึงความแตกต่างของทั้งสองประเภทกัน




 แตกต่างด้านความคุ้มครอง

ประกันสุขภาพ - คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล ครอบคลุมอาการเจ็บป่วยหลากหลายรูปแบบ ทั้งโรคทั่วไป, โรคร้ายแรง และกรณีอุบัติเหตุ
ประกันโรคร้ายแรง - บางแผนอาจคุ้มครองโรคเดียว เช่น โรคมะเร็ง, โรคเบาหวาน หรือบางแผนอาจคุ้มครองเฉพาะโรคที่กำหนด เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด และบางแผนจะมีค่ารักษาร้ายแรงเฉพาะโรคให้ด้วย



แตกต่างเรื่องระบบเคลม

ประกันสุขภาพ - วงเงินคุ้มครองค่าห้อง ค่ารักษาพยาบาล ค่าผ่าตัด ค่ายา ค่าทำแผล ตามที่เลือกแผนความคุ้มครอง
ประกันโรคร้ายแรง - คุ้มครองด้วยการจ่ายสินไหมทดแทนเป็นเงินก้อน เมื่อตรวจพบโรคร้ายตามผลประโยชน์ที่เลือก เป็นเงินไว้ใช้สำหรับรักษาตัว หรือนำไปใช้จ่ายอื่น ๆ ได้ตามต้องการ



แตกต่างที่ระยะเวลารอคอย

ประกันสุขภาพ - สำหรับผู้ที่ซื้อประกันสุขภาพ จะมีระยะเวลารอคอย 30 วัน ตามข้อกำหนดของกรมธรรม์ แต่จะมีบางโรคที่ระยะเวลาแสดงอาการนาน จะมีระยะเวลารอคอย 120 วัน
ประกันโรคร้ายแรง - สำหรับผู้ที่ซื้อประกันโรคร้ายแรง จะมีระยะเวลารอคอย 60 - 120 วัน ตามข้อกำหนดของแต่ละกรมธรรม์



ประกันสุขภาพ เหมาะกับใคร?



2. ประกันสุขภาพ เหมาะกับใคร?

สำหรับคนที่ยังใหม่กับการเลือกประกันสุขภาพ แอดขอเล่าแบบเข้าใจง่ายให้ฟังกัน ว่าความคุ้มครองนี้จะเหมาะกับใครบ้าง?



  • ผู้ที่ต้องการการดูแลสุขภาพทั่วไป ช่วยคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลสำหรับการเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุทั่วไป
  • ผู้ที่มีอายุยังน้อย คุ้มครองโรคทั่วไปและค่าใช้จ่ายในการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้กระทบต่อรายได้
  • ผู้ที่มีการเข้ารับการรักษาบ่อย ค่ารักษาพยาบาลอาจสะสมได้มาก การมีประกันสุขภาพช่วยบรรเทาภาระทางการเงิน
  • ผู้ที่ต้องการความมั่นใจในการรักษา สามารถเลือกสถานพยาบาลหรือแพทย์ที่ต้องการได้
  • ผู้ที่ไม่มีสวัสดิการ หรือมีวงเงินสิทธิการรักษาที่ไม่เพียงพอจากสิทธิบัตรทอง ประกันสังคม สิทธิข้าราชการ หากไม่ม
  • การดูแลในส่วนนี้อยู่ ประกันสุขภาพส่วนบุคคลจะช่วยเสริมความคุ้มครอง เป็นอีกแผนรองรับความเสี่ยง



ประกันโรคร้ายแรง เหมาะกับใคร?


3. ประกันโรคร้ายแรง เหมาะกับใคร?

สำหรับใครที่ยังรู้จักประกันโรคร้ายแรงไม่มากนัก และยังไม่เข้าใจว่าความคุ้มครองรูปแบบนี้จะเหมาะกับใคร แอดจะเล่าให้ฟังแบบเข้าใจง่าย ๆ ดังต่อไปนี้เลย



  • ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคร้ายแรง - เช่น มะเร็ง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน หรือโรคที่มีความเสี่ยงสูง
  • ผู้ที่ต้องการการคุ้มครองจากโรคร้ายแรงเฉพาะ - ช่วยให้มั่นใจว่าจะได้รับการดูแลทางการเงินหากป่วยเป็นโรคร้ายแรง
  • ผู้ที่อายุมากขึ้น - เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ความเสี่ยงในการเจ็บป่วยเป็นโรคร้ายแรงก็สูงขึ้น การมีประกันโรคร้ายแรงจะช่วยเพิ่มความอุ่นใจ
  • ผู้ที่ต้องการประกันที่จ่ายเงินก้อนใหญ่ - ในกรณีที่ตรวจพบโรคร้ายแรง ประกันนี้จะจ่ายเงินเป็นจำนวนก้อนใหญ่ตามแผนความคุ้มครองที่เลือกเพื่อช่วยดูแลค่ารักษาและค่าใช้จ่ายระหว่างการฟื้นฟูอาการ
  • ผู้ที่ต้องการความมั่นคงทางการเงินในกรณีฉุกเฉิน - สามารถใช้เงินก้อนที่ได้จากการประกันเพื่อดูแลตัวเองและครอบครัวระหว่างการรักษาโรคร้ายแรง
  • ผู้ที่มีกำลังซื้อไม่สูง แต่ต้องการการคุ้มครองโรคร้ายแรง - ประกันโรคร้ายแรงมักมีเบี้ยประกันที่ต่ำกว่าประกันสุขภาพและช่วยครอบคลุมค่ารักษาโรคร้ายแรง



อ่านบทความเพิ่มเติม >> ทำความรู้จัก ประกันโรคร้ายแรง แผนสำรองที่ทุกคนควรมี



ซื้อ ประกันสุขภาพ กับ ประกันโรคร้ายแรง คู่กัน ดียังไง?


4. ซื้อ ประกันสุขภาพ กับ ประกันโรคร้ายแรง คู่กัน ดียังไง?

หากคุณเป็นอีกคนที่อยู่ในช่วงลังเล ว่าจะเลือกซื้อประกันแบบไหนดี การซื้อประกันสุขภาพคู่กับประกันโรคร้ายแรงนั้นจะคุ้มค่ากว่าจริงไหม และมีข้อดีอย่างไร แอดเอาคำตอบมาให้แล้ว




วงเงินคุ้มครองจากแผนประกันเพียงแผนเดียว อาจไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในการรักษาระยะยาว

ถ้าซื้อความคุ้มครองจากประกันโรคร้ายแรงเอาไว้เพียงแผนเดียว แม้ว่าจะได้เงินก้อนมา แต่เงินนั้นอาจไม่ได้เพียงพอเมื่อใช้จ่ายไปกับค่ารักษาโรคร้ายต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าโรคร้ายเหล่านี้มักจะมีกระบวนการรักษาหลายขั้นตอน มีค่าใช้จ่ายสูง และมีระยะเวลาในการรักษาที่นาน หากมีวงเงินคุ้มครองจากประกันสุขภาพเพิ่มเติมเข้ามาก็จะช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายและเป็นเงินไว้สำรองใช้ได้


หรือในกรณีที่ซื้อแผนความคุ้มครองจากประกันสุขภาพเพียงอย่างเดียวก็อาจไม่เพียงพอ เนื่องจากมีข้อจำกัดในเรื่องค่าห้อง, วงเงินไม่เพียงพอจ่ายค่ารักษา, คนที่ต้องจ่ายความรับผิดส่วนแรก หากมีเงินสำรองจากประกันโรคร้ายแรงอีกแผนเข้ามาช่วยซัปพอร์ต ก็จะช่วยในเรื่องสภาพคล่องทางการเงินได้





ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ นอกเหนือจากค่ารักษา

ถ้าคุณซื้อความคุ้มครองจากประกันสุขภาพเพียงแผนเดียว กรณีเจ็บป่วยด้วยโรคร้าย คุณจะได้รับการดูแลจากวงเงินคุ้มครองที่ครอบคลุมเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ค่ายาต่าง ๆ แต่เมื่อนึกถึงค่าใช้จ่ายนอกโรงพยาบาลในรูปแบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้ป่วย วงเงินจากประกันสุขภาพจะไม่ได้ครอบคลุมตรงส่วนนี้ และถ้าเงินไม่เพียงพอ อาจส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินของคุณหรือครอบครัว แต่ถ้ามีเงินก้อนที่ได้รับจากประกันโรคร้ายแรง ก็เปรียบเสมือนเงินสำรองที่พร้อมนำมาใช้จ่ายในยามฉุกเฉินได้

รวมทั้งกรณีบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ หลังจากที่ประกันสุขภาพช่วยดูแลค่ารักษาพยาบาลแล้ว อาจมีกระบวนการดูแลฟื้นฟูต่อสำหรับผู้ป่วยที่ต้องทำกายภาพ หรือกรณีผู้ป่วยพิการ/ทุพพลภาพจากอุบัติเหตุ ค่าใช้จ่ายในการดูแลส่วนนี้สามารถนำวงเงินจากประกันโรคร้ายแรงมาช่วยซัปพอร์ตได้



รับมือกับความเสี่ยงได้มากกว่า

เมื่อสมาชิกคนใดคนหนึ่งในบ้านเกิดเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง หรือประสบอุบัติเหตุ ย่อมส่งผลกระทบทางใดทางหนึ่งกับสมาชิกคนอื่น ๆ ในครอบครัว เพราะผู้ป่วยโรคร้ายแรงอาจไม่สามารถไปทำงานหรือหารายได้ได้ตามเดิม สุขภาพร่างกายจะเปลี่ยนไปมากเมื่อเทียบกับตอนที่ยังไม่ป่วย


เพราะฉะนั้น การมีเงินสำรองไว้รองรับความเสี่ยงเหล่านี้ ก็เป็นเรื่องที่ดีกว่า โดยวงเงินคุ้มครองที่จะได้รับจากประกันสุขภาพและประกันโรคร้ายแรง จะมีส่วนช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงิน ชดเชยส่วนที่ขาดไปเพื่อให้มีเงินเพียงพอต่อการดำเนินชีวิต




เบี้ยประกันลดหย่อนภาษีได้

เรียกได้ว่าเป็นสิทธิประโยชน์อีกอย่างของคนทำประกันเลยก็ว่าได้ สำหรับสิทธิในการใช้เบี้ยประกันสุขภาพลดหย่อนภาษี สามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้สูงสุด 25,000 บาท เมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตและประกันบำนาญแล้วลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท




อ่านบทความเพิ่มเติม >> รวม รายการลดหย่อนภาษี มีอะไรบ้าง เตรียมตัวก่อนเสียภาษี




การเลือกซื้อประกันสุขภาพหรือประกันโรคร้ายแรงนั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการและสถานการณ์ของแต่ละคน สำหรับคนที่สงสัยว่าประกันสุขภาพ กับ ประกันโรคร้ายแรง ต่างกันยังไง ก็น่าจะคลายข้อสงสัยกันไปแล้ว โดยทั้งสองประเภทต่างก็มีข้อดีที่ช่วยดูแลในกรณีที่เราต้องการการดูแลเมื่อประสบปัญหาสุขภาพหรือโรคร้ายต่าง ๆ



อย่างไรก็ตาม หากคุณเลือกซื้อประกันทั้งสองแบบควบคู่กัน ก็จะทำให้คุณมีความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากขึ้น สามารถรับมือกับปัญหาค่าใช้จ่ายได้ดีกว่า แนะนำ ประกันสุขภาพ และประกันโรคร้ายแรง จากเมืองไทยประกันชีวิต ให้เราเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการปกป้องตัวเองและครอบครัวของคุณ ให้คุณและคนที่คุณรักได้มั่นใจและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุก ๆ วัน




รายละเอียดเพิ่มเติม

☑️ โทร.1766 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

☑️ ติดต่อตัวแทนประกันชีวิต หรือช่องทางที่ดูแลท่าน



  • โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย




ที่มา สืบค้น ณ วันที่ 18/03/2568
🔖muangthai-agent

สนใจแบบประกัน

ข้าพเจ้าตกลงยินยอมให้ บมจ. เมืองไทยประกันชีวิต เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้นของข้าพเจ้าเพื่อติดต่อข้าพเจ้าในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ ข้าพเจ้าสนใจหรือที่บริษัทฯ เห็นว่าเป็นประโยชน์แก่ ข้าพเจ้าได้โดยข้าพเจ้าให้ถือเอาการทำเครื่องหมาย ในช่องสี่เหลี่ยมเป็นการแสดงเจตนา ยินยอมของข้าพเจ้าแทน การลงลายมือชื่อเป็นหลักฐาน ทั้งนี้ ก่อนการแสดงเจตนาดังกล่าวข้างต้น ข้าพเจ้าได้อ่านและรับทราบเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัวแล้ว

บทความน่าสนใจ