มนุษย์เงินเดือนต้องรู้! ทำไมต้องมีประกันสุขภาพทั้งที่มีสวัสดิการแล้ว
มีสวัสดิการสุขภาพอยู่แล้ว มนุษย์เงินเดือนจะทำประกันชีวิตและสุขภาพไปทำไม? เพราะบริษัทก็ช่วยดูแลค่ารักษาพยาบาล และยังมีสวัสดิการขั้นพื้นฐานอื่นๆ อีกมากมาย ที่คอยให้ความคุ้มครอง ยิ่งถ้าไม่เจ็บป่วยก็ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แค่ดูแลสุขภาพให้แข็งแรงไว้เป็นพอ แต่เชื่อเถอะว่าความแน่นอนคือความไม่แน่นอน ดูแลสุขภาพดีแค่ไหนก็ยังเจ็บป่วยได้เสมอ ถึงเวลานั้นเงินเก็บที่มีเพียงพอกับค่าใช้จ่ายยามเจ็บป่วยแล้วใช่หรือไม่? มาดูกันว่า ทำไมมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ถึงควรทำประกันชีวิตและสุขภาพเอาไว้ แม้จะมีสวัสดิการขึ้นพื้นฐานคอยดูแลอยู่แล้วก็ตาม เมืองไทยประกันชีวิตมีข้อมูลมาแบ่งปันเช่นเคย
ค่ารักษาเพิ่มสูงขึ้นทุกปี แต่วงเงินสวัสดิการที่มีไม่เพิ่มตามไปด้วย
เป็นมนุษย์เงินเดือนมีสวัสดิการจากบริษัท แต่ต้องไม่ลืมว่า ทุกสวัสดิการมีวงเงินสูงสุดที่กำหนดไว้ หากเกิดกรณีฉุกเฉินหรือเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง ที่ต้องใช้ระยะเวลารักษายาวนาน วงเงินจากสวัสดิการที่มีอยู่ก็อาจไม่เพียงพอ การทำประกันชีวิตและสุขภาพ จึงเป็นการเพิ่มตัวช่วยคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลส่วนเกิน และช่วยลดความเสี่ยงจากภาระค่าใช้จ่ายยามเจ็บป่วยที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี ทั้งค่าห้อง ค่ายา ค่าแพทย์ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในโรงพยาบาล และเราไม่จำเป็นต้องเลือกใช้ความคุ้มครองเพียงอย่างได้อย่างหนึ่ง เพราะตัวเลือกที่ดีของมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา คือการใช้ทั้งสวัสดิการที่มีกับประกันชีวิตและสุขภาพไปพร้อมๆ กัน ทำให้มั่นใจได้ว่า เงินเก็บที่หามาทั้งชีวิตจะไม่หายไปกับความเจ็บป่วยและค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้น
ช่วยดูแลแต่ไม่ครอบคลุมทุกความเจ็บป่วย
สุขภาพของมนุษย์เงินเดือนเป็นเรื่องไม่แน่นอน เดี๋ยวนี้มีโรคภัยไข้เจ็บใหม่ๆ มากมาย แต่สวัสดิการที่มีคุ้มครองได้ไม่ครอบคลุม ถ้าเจ็บป่วยฉุกเฉิน หรือต้องรักษาอาการเฉพาะทางที่อยู่นอกเหนือความคุ้มครองของสวัสดิการ เงินเก็บที่สะสมไว้ก็คงจะหายไปในพริบตา ตรงกันข้าม ถ้ามีประกันชีวิตและสุขภาพเตรียมพร้อมไว้ เราก็จะได้รับสิทธิและโอกาสทางการรักษาเพิ่มมากขึ้น คลายกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่ไม่กระทบเงินเก็บ ทั้งยังสามารถเลือกเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลตามที่ตั้งใจไว้ได้ เคล็ดลับสำคัญของเหล่ามนุษย์เงินเดือนคือ การเลือกความคุ้มครองสุขภาพที่ช่วยดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายให้ครอบคลุม ทั้งรูปแบบการรักษา และการใช้ยาแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูง จะได้วางใจและอุ่นใจในทุกการรักษา
ความคุ้มครองมักจำกัดเฉพาะช่วงที่ยังทำงานอยู่เท่านั้น
สวัสดิการของบริษัท และสวัสดิการขึ้นพื้นฐานต่างๆ มีไว้เพื่อดูแลมนุษย์เงินเดือนที่ยังทำงาน แต่หากลาออกหรือเกษียณอายุแล้ว สวัสดิการทั้งหมดที่มีก็จบลงไปพร้อมกัน แต่ในเมื่อชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป และความเจ็บป่วยก็สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ ยิ่งในอนาคตที่ร่างกายเริ่มเสื่อมถอย ไม่แข็งแรงเหมือนเก่าด้วยแล้ว เจ็บป่วยแต่ละทีก็มีค่าใช้จ่ายสูงจนน่าตกใจ การมีประกันชีวิตและสุขภาพไว้ช่วยดูแลตั้งแต่เนิ่นๆ จึงถือเป็นการวางแผนรับมือค่ารักษาพยาบาลในอนาคตไว้อีกทาง โดยเฉพาะความเจ็บป่วยเรื้อรังจากโรคร้ายแรง ที่อาจมีค่าใช้ในโรงพยาบาลมากมายตามมา ทั้งยังช่วยเพิ่มโอกาสการรักษาโดยไม่กระทบเงินเก็บยามเกษียณที่เตรียมไว้ คอยดูแลคุ้มครองให้อุ่นใจ และไม่ทิ้งให้เราต้องรับภาระจากค่าใช้จ่ายยามเจ็บป่วยเพียงลำพัง
คุ้มค่า 2 ต่อ เพราะดูแลทั้งสุขภาพพร้อมลดหย่อนภาษี
การทำประกันชีวิตและสุขภาพไม่ใช่แค่ช่วยคุ้มครองแค่เรื่องค่าใช้จ่ายยามเจ็บป่วย แต่ค่าเบี้ยประกันที่เราจ่ายไป สามารถนำมาใช้ลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน โดยปี 2565 นี้ (นำไปยื่นภาษีในช่วงต้นปี 2566) กรมสรรพากรกำหนดให้มนุษย์เงินเดือนอย่างเรา สามารถขอลดหย่อนภาษีในส่วนของประกันสุขภาพสำหรับตนเองได้สูงสุด 25,000 บาท และเมื่อรวมกับประกันชีวิตทั่วไปต้องไม่เกิน 1 แสนบาท เรียกว่าได้ดูแลให้ความคุ้มครองสุขภาพที่มั่นใจ พร้อมรับสิทธิลดหย่อนภาษีที่คุ้มค่า
เนื่องจากมนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่มีหน้าที่รับผิดชอบและมักโหมงานหนักจนไม่ทันระวังเรื่องสุขภาพ การทำประกันชีวิตและสุขภาพจึงควรรีบวางแผนเอาไว้เนิ่นๆ เพื่อการรับมือกับปัญหาสุขภาพตั้งแต่วันที่ยังมีโอกาส เพราะหากเจ็บป่วยขึ้นมาก็จะไม่สามารถทำประกันได้อีกต่อไป
เพิ่มความคุ้มครองสุขภาพให้ครอบคลุมยิ่งขึ้นด้วย ดี เฮลท์ พลัส (D Health Plus) ความคุ้มครองสุขภาพที่อัปเกรดความพรีเมียม Top up จากประกันสุขภาพที่คุณมี จ่ายเบี้ยเพียงปีละ 4,000 บาท หรือวันละ 38 บาท* เหมาจ่ายตามจริงในวงเงินเดียว สูงสุด 5 ล้านบาท* คุ้มครองทั้ง ค่าห้องเดี่ยวมาตรฐาน ค่าห้องไอ.ซี.ยู ค่าหมอ ค่ายา ค่าตรวจ ค่าผ่าตัด ครอบคลุมการรักษาฟื้นฟูต่อเนื่องแบบ OPD และเพิ่มความคุ้มครอง การคลอดบุตร ตรวจสุขภาพ ทำฟัน ดูแลสายตา ได้ตามต้องการ สมัครได้ถึงอายุ 11 - 90 ปี คุ้มครองสุขภาพยาวๆ ถึงอายุ 99 ปี
*สำหรับผู้เอาประกันภัยเพศชายอายุ 35 ปี เลือกแผนความคุ้มครอง 5 ล้านบาท มีความรับผิดส่วนแรก 100,000 บาทต่อการเข้าพักรักษาตัวครั้งใดครั้งหนึ่ง (แผน Top Up ความคุ้มครอง) และชำระเบี้ยประกันภัยรายปี
- สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพแบบ ดี เฮลท์ พลัส ต้องซื้อแนบท้ายกรมธรรม์ที่มีผลบังคับอยู่
- ความคุ้มครองของสัญญาเพิ่มเติมต้องไม่เกินระยะเวลาเอาประกันภัยของกรมธรรม์ประกันชีวิตที่สัญญาเพิ่มเติมนี้แนบท้าย
- เบี้ยประกันภัยสามารถนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์เป็นไปตามที่กรมสรรพากร กำหนด
- การพิจารณารับประกันภัยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของบริษัทฯ เงื่อนไขเป็นไปตามที่ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิตและธนาคารกำหนด
- เงื่อนไขเป็นไปตามมาตรฐานและความจำเป็นทางการแพทย์ โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย
ที่มา : mtl (ข้อมูล ณ วันที่ 05/11/63)