โรคกระดูกพรุน รู้ทันอาการ สาเหตุ พร้อมวิธีบำรุงให้กระดูกแกร่ง
เคยสงสัยไหมว่าทำไมผู้สูงอายุบางท่านถึงมีอาการหลังค่อม หรือกระดูกหักง่ายทั้งที่ล้มเพียงเล็กน้อย? นั่นอาจเป็นสัญญาณของ "โรคกระดูกพรุน" ภัยเงียบที่ค่อย ๆ บั่นทอนความแข็งแรงของกระดูกเราโดยไม่รู้ตัว หลายคนอาจสงสัยว่า โรคกระดูกพรุน อาการ เป็นอย่างไร รักษาหายไหม? หรือแม้กระทั่งเรื่องใกล้ตัวอย่าง กระดูกเสื่อม ห้ามกินอะไรและกินอะไรดี? เราจึงไม่พลาดที่จะพาทุกคนไปหาสาเหตุที่แท้จริงว่า โรคกระดูกพรุนเกิดจากอะไร และ มีกี่ระยะ เพื่อให้คุณเข้าใจและรับมือกับภาวะนี้ได้อย่างทันท่วงที ไม่ว่าจะเป็นแนวทางการป้องกัน ไปจนถึง การรักษาโรคกระดูกพรุนในผู้สูงอายุ ที่เหมาะสม เพื่อให้คุณไม่ต้องกังวลกับภัยเงียบนี้อีกต่อไป
ยาวไปเลือกอ่านตามหัวข้อได้นะ
2. อะไรคือสาเหตุหลักของโรคกระดูกพรุน?
3. อาการของโรคกระดูกพรุน ภัยเงียบที่ต้องเช็กตัวเอง
4. วิธีป้องกันโรคกระดูกพรุน สร้างกระดูกให้แข็งแรงตั้งแต่วันนี้!
1. กระดูกทำงานอย่างไร?
หลายคนอาจคิดว่ากระดูกเป็นของแข็งที่อยู่กับที่ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ความจริงแล้ว กระดูกของเรามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา! เพราะร่างกายจะมีการสร้างกระดูกใหม่ และสลายกระดูกเก่าไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งเป็นกระบวนการที่เรียกว่า "การสร้างและสลายกระดูก (Bone Remodeling)"
ในช่วงวัยเด็กและวัยรุ่น ร่างกายจะสร้างกระดูกได้เร็วกว่าการสลาย ทำให้กระดูกมีความหนาแน่นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และจะไปถึงจุดสูงสุดประมาณช่วงอายุ 20 กว่า ๆ หลังจากนั้น กระบวนการสลายกระดูกจะเริ่มเร็วกว่าการสร้าง ทำให้มวลกระดูกค่อย ๆ ลดลงตามธรรมชาติ หากมวลกระดูกลดลงมากเกินไปจนถึงระดับที่ต่ำกว่าปกติ นั่นแหละคือภาวะกระดูกพรุน โดยโรคกระดูกพรุนสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ตามสาเหตุของการเกิดโรค ได้แก่
1. โรคกระดูกพรุนปฐมภูมิ (Primary Osteoporosis)
เป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด เกิดจากการเสื่อมของกระดูกตามธรรมชาติและอายุที่เพิ่มขึ้น โดยไม่มีสาเหตุจากโรคอื่น ๆ มาเกี่ยวข้องโดยตรง มักจะเกิดในกลุ่มคนดังนี้
- ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน (Postmenopausal Osteoporosis) เกิดจากการที่ร่างกายขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนอย่างรวดเร็วหลังหมดประจำเดือน ซึ่งฮอร์โมนนี้มีบทบาทสำคัญในการควบคุมสมดุลของการสร้างและสลายกระดูก เมื่อฮอร์โมนลดลง การสลายกระดูกจึงเกิดขึ้นเร็วและมากกว่าปกติ
- ผู้สูงอายุ (Senile Osteoporosis) เกิดขึ้นได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิงเมื่ออายุมากขึ้น (โดยเฉพาะผู้ที่อายุ 70 ปีขึ้นไป) เป็นผลมาจากกระบวนการสร้างกระดูกที่ช้าลงตามวัย และการดูดซึมแคลเซียมที่มีประสิทธิภาพลดลง
2. โรคกระดูกพรุนทุติยภูมิ (Secondary Osteoporosis)
เป็นโรคกระดูกพรุนที่เกิดจากปัจจัยภายนอก หรือมีสาเหตุมาจากโรคอื่น ๆ ที่ทำให้มวลกระดูกลดลงเร็วกว่าปกติ เช่น
- โรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคไทรอยด์เป็นพิษ, โรคเบาหวาน, โรคคุชชิง (Cushing's syndrome), โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์, โรคเกี่ยวกับไตหรือตับเรื้อรัง, โรคระบบทางเดินอาหารที่ทำให้ดูดซึมสารอาหารได้ไม่ดี (เช่น โรค Celiac)
- การใช้ยาบางชนิดเป็นเวลานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาสเตียรอยด์ (Corticosteroids), ยารักษาโรคลมชัก, ยาเคมีบำบัดบางชนิด, หรือยาที่ใช้รักษาโรคมะเร็งต่อมลูกหมากและมะเร็งเต้านมบางประเภท
- ภาวะขาดสารอาหารรุนแรง โดยเฉพาะแคลเซียมและวิตามินดี
- พฤติกรรมเสี่ยง เช่น การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป, การสูบบุหรี่จัด
2. อะไรคือสาเหตุหลักของโรคกระดูกพรุน?
สาเหตุหลักของโรคกระดูกพรุนคือ ความไม่สมดุลระหว่างกระบวนการสร้างกระดูกและการสลายกระดูก โดยที่ การสลายกระดูกเกิดขึ้นเร็วกว่าหรือมากกว่าการสร้างกระดูกใหม่ อย่างต่อเนื่อง ทำให้มวลกระดูกและความหนาแน่นของกระดูกลดลง จนกระดูกเปราะบางและแตกหักได้ง่าย
โดยกระดูกของเรามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา หรือที่เรียกว่า "การสร้างและสลายกระดูก (Bone Remodeling)" ซึ่งเกี่ยวข้องกับเซลล์สองชนิดหลัก
- เซลล์สลายกระดูก (Osteoclasts) ทำหน้าที่สลายกระดูกเก่าหรือกระดูกส่วนที่สึกหรอออกไป
- เซลล์สร้างกระดูก (Osteoblasts) ทำหน้าที่สร้างเนื้อกระดูกใหม่ขึ้นมาทดแทน
ในภาวะปกติ ทั้งสองกระบวนการนี้จะสมดุลกัน แต่เมื่อเกิดโรคกระดูกพรุน ความสมดุลนี้จะเสียไป ทำให้มีการสลายกระดูกออกไปมากกว่าการสร้างกระดูกใหม่ ซึ่งสาเหตุหลักของการเกิดโรคกระดูกพรุนนั้นมีหลายปัจจัย ทั้งที่เราควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ ดังนี้
1. ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ (ความเสี่ยงที่คุณต้องระวัง)
- อายุ นี่คือปัจจัยที่สำคัญที่สุด เมื่อคนเราอายุมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังอายุ 30 ปีขึ้นไป การสร้างกระดูกจะช้าลงกว่าการสลาย ทำให้มวลกระดูกลดลงเรื่อย ๆ
- เพศ ผู้หญิงมีความเสี่ยงเป็นโรคกระดูกพรุนมากกว่าผู้ชายถึง 4 เท่า! โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวัยหมดประจำเดือน (วัยทอง) เพราะระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ลดลงอย่างรวดเร็ว มีผลต่อการสลายกระดูกอย่างมาก
- พันธุกรรม หากคนในครอบครัว โดยเฉพาะพ่อแม่ มีประวัติเป็นโรคกระดูกพรุน คุณก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
- เชื้อชาติ ชาวเอเชียและคนผิวขาวมีความเสี่ยงสูงกว่าคนเชื้อชาติอื่น ๆ
- รูปร่างเล็กและผอม ผู้ที่มีรูปร่างเล็กและมีมวลกระดูกตั้งต้นน้อยกว่าคนทั่วไป ก็มีความเสี่ยงสูงกว่า
- โรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคไทรอยด์เป็นพิษ, โรคเบาหวาน, โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์, โรคระบบทางเดินอาหารที่ดูดซึมสารอาหารได้ไม่ดี
- การใช้ยาบางชนิดเป็นเวลานาน เช่น ยาสเตียรอยด์, ยารักษาโรคลมชัก, ยาต้านมะเร็งบางชนิด
2. ปัจจัยที่ควบคุมได้ (พฤติกรรมที่เราเปลี่ยนได้)
- ขาดแคลเซียมและวิตามินดี แคลเซียมคือหัวใจสำคัญของกระดูก ส่วนวิตามินดีช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดี
- การไม่ออกกำลังกาย โดยเฉพาะการออกกำลังกายแบบมีแรงกระแทกหรือลงน้ำหนัก (Weight-bearing exercises) เช่น การเดิน วิ่ง การเต้นแอโรบิก ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างกระดูก
- การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป แอลกอฮอล์ส่งผลต่อการสร้างกระดูกและอาจรบกวนการดูดซึมแคลเซียม
- การสูบบุหรี่ บุหรี่ทำให้การสร้างกระดูกลดลง และยังทำให้ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในผู้หญิงลดลงด้วย
- การดื่มเครื่องดื่มคาเฟอีนมากเกินไป เช่น กาแฟ อาจทำให้ร่างกายขับแคลเซียมออกไปมากกว่าปกติ
- น้ำหนักน้อยเกินไป การมีน้ำหนักตัวน้อยเกินไป อาจบ่งบอกถึงภาวะขาดสารอาหาร ซึ่งส่งผลเสียต่อความหนาแน่นของกระดูกได้
3. อาการของโรคกระดูกพรุน ภัยเงียบที่ต้องเช็กตัวเอง
อย่างที่กล่าวไปในตอนต้นว่าโรคกระดูกพรุนมักเป็น "ภัยเงียบ" ในระยะแรก ๆ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะไม่มีอาการใด ๆ เลย จนกระทั่งมวลกระดูกลดลงไปมาก และเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้น ซึ่งอาการที่พบได้บ่อย ได้แก่
- กระดูกหักง่าย นี่คืออาการที่พบได้บ่อยที่สุดและเป็นจุดสังเกตสำคัญ มักเกิดที่กระดูกสะโพก กระดูกสันหลัง หรือข้อมือ แม้จะเกิดอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อย เช่น ล้มก้นกระแทก ไอหรือจามแรง ๆ ยกของหนัก
- ความสูงลดลง เมื่อกระดูกสันหลังเกิดการยุบตัว (Compression fracture) หลาย ๆ ข้อ ผู้ป่วยอาจจะตัวเตี้ยลงอย่างเห็นได้ชัด
- หลังค่อม การยุบตัวของกระดูกสันหลัง ทำให้หลังโก่ง งอ และมีลักษณะหลังค่อม
- ปวดหลังเรื้อรัง อาจมีอาการปวดหลังโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือปวดหลังรุนแรงเมื่อเกิดการยุบตัวของกระดูกสันหลัง
- ฟันหลุดร่วงง่าย เนื่องจากมวลกระดูกขากรรไกรลดลง
หากคุณเริ่มมีอาการเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเป็นผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน หรือมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโดยเร็วที่สุด
4. วิธีป้องกันโรคกระดูกพรุน สร้างกระดูกให้แข็งแรงตั้งแต่วันนี้!
การป้องกันโรคกระดูกพรุนเป็นสิ่งสำคัญ ที่สามารถทำได้ตั้งแต่อายุยังน้อย และต่อเนื่องไปจนถึงวัยสูงอายุโดยเฉพาะเรื่องอาหารการกินและการใช้ชีวิต เพราะกระดูกจะแข็งแรงได้ต้องอาศัยสารอาหารที่ครบถ้วนและกิจกรรมที่กระตุ้นการสร้างกระดูก
1. กินอาหารบำรุงกระดูก
- แคลเซียม คือพระเอกสำคัญ! ผู้ใหญ่ต้องการแคลเซียมประมาณ 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน และผู้สูงอายุหรือผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนต้องการ 1,200 มิลลิกรัมต่อวัน แหล่งอาหารที่อุดมด้วยแคลเซียม ได้แก่ นม ผลิตภัณฑ์นม (โยเกิร์ต ชีส), ปลาเล็กปลาน้อย, เต้าหู้, ผักใบเขียวเข้ม (คะน้า บรอกโคลี), งาดำ, ถั่วต่าง ๆ
- วิตามินดี ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น วิตามินดีส่วนใหญ่มาจากแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้า (ประมาณ 10-15 นาที/วัน) หรือจากอาหารบางชนิด เช่น ปลาที่มีไขมันสูง (แซลมอน ทูน่า), ไข่แดง, นมและอาหารเสริมที่มีการเติมวิตามินดี
2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- การออกกำลังกายแบบลงน้ำหนัก (Weight-bearing exercises) เช่น การเดินเร็ว, วิ่งเหยาะ ๆ, เต้นแอโรบิก, ขึ้นลงบันได, โยคะ การออกกำลังกายเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นการสร้างกระดูกและเพิ่มความหนาแน่น
- การออกกำลังกายเสริมสร้างกล้ามเนื้อ (Strength training) เช่น การยกเวท ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ซึ่งจะช่วยพยุงกระดูกและลดความเสี่ยงในการล้ม
3. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง
- งดสูบบุหรี่
- ลดการดื่มแอลกอฮอล์
- ลดการดื่มเครื่องดื่มคาเฟอีนในปริมาณมาก
- รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ไม่ผอมเกินไป
4. ป้องกันการหกล้ม
- จัดบ้านให้เป็นระเบียบ ไม่มีสิ่งกีดขวาง
- ติดตั้งราวจับในห้องน้ำหรือบริเวณที่จำเป็น
- สวมรองเท้าที่กระชับ ไม่ลื่น
- ดูแลสายตาให้ดี
- ระมัดระวังการใช้ยาที่อาจทำให้ง่วงซึม
โรคกระดูกพรุนเป็นภาวะที่เราต้องให้ความสำคัญ แม้จะเป็นภัยเงียบที่ไม่มีอาการในระยะแรก แต่หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ดูแลรักษา ก็อาจนำไปสู่ภาวะกระดูกหัก ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพชีวิต ความเจ็บปวด การเคลื่อนไหวที่จำกัด และค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูง และสิ่งสำคัญที่สุดคือ การเตรียมความพร้อมเรื่องสุขภาพ และค่ารักษาไว้ล่วงหน้า เพราะเราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าอนาคตโรคร้ายจะมาเยือนตอนไหน สามารถเตรียมความพร้อมเรื่องค่ารักษายามเจ็บป่วย ด้วยประกันสุขภาพเหมาจ่าย จากเมืองไทยประกันชีวิต ไว้ช่วยดูแลค่ารักษา ตั้งแต่ 2 แสน - 100 ล้านบาท จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษา
รายละเอียดเพิ่มเติม
☑️ โทร.1766 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
☑️ ติดต่อตัวแทนเมืองไทยประกันชีวิต/ ช่องทางที่ดูแลท่าน
- โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย
ที่มา : สืบค้นเมื่อวันที่ 22/05/68
🔖 รพ. กรุงเทพอินเตอร์เนชั่นแนล