Loading...

กำลังโหลดหน้าเว็บไซต์
รอสักครู่น้า Loading...

รู้จัก โรคอีสุกอีใส ติดได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่! เกิดแล้วดูแลอย่างไร?

รู้จัก โรคอีสุกอีใส ติดได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่! เกิดแล้วดูแลอย่างไร?

15 พฤศจิกายน 2567

5 นาที

เชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะคุ้นเคยกับ โรคอีสุกอีใส กันอยู่แล้ว ซึ่งอาการของอีสุกอีใส เป็นโรคที่แพร่กระจายเชื้อและติดต่อได้ง่าย เมื่อมีอาการแล้วจะต้องพักรักษาตัวนานอย่างน้อย 1 สัปดาห์ บางคนอาจรู้จักโรคนี้จากประสบการณ์ในวัยเด็กที่อาจเห็นเพื่อนร่วมห้องมีตุ่มอีสุกอีใสขึ้นตามตัว หรือในบางคนก็เคยเป็นโรคอีสุกอีใสกันมาแล้วตั้งแต่เด็ก แต่ในบางคนก็อาจจะยังไม่เคยมีอาการเลยจนถึงวัยผู้ใหญ่ และยังมีความกังวลเรื่องความรุนแรงของอาการ


บทความนี้จะขอพาคุณมาทำความรู้จัก และเข้าใจอาการของโรคอีสุกอีใสให้มากขึ้น เพื่อเตรียมรับมือหากตนเองหรือคนใกล้ตัวมีอาการ จะได้ดูแลอาการได้อย่างถูกวิธี ตามมาอ่านกันได้เลย



1. โรคอีสุกอีใส เกิดจากอะไร?
2. อาการเริ่มแรก อีสุกอีใส
3. วิธีรักษา อีสุกอีใส
4. วัคซีนโรคอีสุกอีใส ดีไหม ใครควรฉีด?
5. อาการแทรกซ้อนของโรคอีสุกอีใส ที่ควรระวัง


โรคอีสุกอีใส เกิดจากอะไร?


1. โรคอีสุกอีใส เกิดจากอะไร?

อาการของ โรคอีสุกอีใส (Chicken Pox) เป็นโรคติดต่อชนิดหนึ่ง โดยโรคอีสุกอีใสเกิดจากการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสวาริเซลลา (Varicella Virus) โดยติดต่อกันผ่านการหายใจเอาละอองเสมหะ, น้ำมูก, น้ำลายที่มีเชื้อไวรัสตัวนี้ เข้าสู่ร่างกาย รวมถึงการสัมผัสตุ่มอีสุกอีใสโดยตรง ก็สามารถส่งต่อโรคได้ กล่าวคือ การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้ที่มีอาการของโรคอีสุกอีใส หรือใช้ของร่วมกับผู้มีอาการ ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงติดโรคมากขึ้น หากเป็นผู้ที่อยู่ในช่วงภูมิต้านทานต่ำ ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงอาการมากขึ้นอีกด้วย


หากเอ่ยถึงอาการของโรคอีสุกอีใส หลายคนมักจะนึกถึงตุ่มอีสุกอีใสที่มีลักษณะเป็นผื่นและตุ่มน้ำขึ้นบริเวณผิวหนังทั่วร่างกาย ซึ่งเป็นอาการที่พบโดยส่วนใหญ่ แต่จริง ๆ แล้วยังมีอาการในรูปแบบอื่น ๆ ด้วย โดยจะอธิบายให้ฟังในลำดับต่อไป



2. อาการเริ่มแรก อีสุกอีใส

อาการเริ่มแรกของโรคอีสุกอีใส จะเริ่มหลังจากได้รับเชื้อไปประมาณ 1 - 3 สัปดาห์ โดยจะมีอาการปวดศีรษะ มีไข้ รู้สึกอ่อนเพลียและปวดเมื่อยตามตัว เริ่มมีอาการคันตามผิวหนังและมีผื่นแดง หลังจากนั้นผื่นจะเริ่มกลายเป็นตุ่มใส และมีอาการคัน


อาการของโรคอีสุกอีใสจะอยู่กับผู้ป่วยเป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์ อาจน้อยหรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล โดยตุ่มอีสุกอีใสจะค่อย ๆ แห้งและตกสะเก็ดเมื่อเวลาผ่านไป อาจมีรอยแผลเล็กน้อยและจะค่อย ๆ จางลง รอยแผลของโรคอีสุกอีใสในเด็กจะจางและหายเร็วกว่าคนที่เป็นโรคอีสุกอีใสตอนเป็นผู้ใหญ่


แต่ในผู้ป่วยที่มีอาการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนขณะมีอาการของโรคอีสุกอีใส ก็อาจจะทำให้บริเวณผื่นนั้นกลายเป็นหนอง และเป็นแผล ซึ่งอาจทิ้งรอยแผลเป็น หรือกลายเป็นโรคงูสวัดได้ เพราะฉะนั้น ขอแนะนำให้ผู้ป่วยหมั่นสังเกตลักษณะตุ่มอีสุกอีใสของตนเอง หากพบเห็นอาการผิดปกติ ให้รีบพบแพทย์เพื่อควบคุมอาการ


วิธีรักษา อีสุกอีใส



3. วิธีรักษา อีสุกอีใส

เมื่อพบว่ามีอาการตุ่มอีสุกอีใสขึ้นตามตัวแล้ว สิ่งที่ผู้ป่วยควรปฏิบัติ เพื่อช่วยรักษาอาการให้หายเร็วขึ้น ได้แก่


  • รักษาความสะอาดของร่างกาย และสิ่งของรอบ ๆ ตัว เพื่อลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย อันเป็นสาเหตุที่ทำให้ติดเชื้อ
  • ตัดเล็บสั้นเพื่อลดการเกาหรือข่วนแผลตุ่มอีสุกอีใส
  • ทำความสะอาดร่างกาย อาบน้ำ และล้างมือบ่อย ๆ เพื่อลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย
  • พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำให้เพียงพอ
  • ใช้ยาบรรเทาอาการคัน ตามคำแนะนำของแพทย์
  • ผู้ที่มีอาการของโรคอีสุกอีใส ให้แยกตัวออกจากผู้ที่ไม่มีอาการ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ


วัคซีนโรคอีสุกอีใส ดีไหม ใครควรฉีด?



4. วัคซีนโรคอีสุกอีใส ดีไหม ใครควรฉีด?

สำหรับคนที่ยังไม่เคยเป็นโรคอีสุกอีใส และไม่อยากเป็น สามารถฉีดวัคซีนภูมิคุ้มกันโรคอีสุกอีใสได้ โดยในประเทศไทยมีทั้งวัคซีนเดี่ยว ป้องกันเฉพาะโรคอีสุกอีใส (VZV: Varicella Zoster) และวัคซีนรวม ที่รวมภูมิคุ้มกันโรคหัด, คางทูม, หัดเยอรมัน และโรคอีสุกอีใส (Mumps Measles Rubella Varicella Vaccine) สามารถรับวัคซีนภูมิคุ้มกันโรคอีสุกอีใส ตามข้อกำหนดดังต่อไปนี้



  • เด็กอายุ 1 ปีขึ้นไป ฉีด 2 เข็ม โดยเริ่มเข็มแรกได้ตั้งแต่อายุ 1 ปีขึ้นไป (ระยะห่างเข็มแรก-เข็มที่สอง 6 เดือน)
  • เด็กอายุไม่เกิน 12 ปี หรือผู้ที่ยังไม่เคยเป็นโรค ฉีด 2 เข็ม (ระยะห่างอย่างน้อย 3 เดือน)
  • วัยรุ่นและผู้ใหญ่อายุ 13 ปีขึ้นไป ฉีด 2 เข็ม (ระยะห่างอย่างน้อย 1 เดือน)



ข้อควรระวังก่อนฉีดวัคซีนอีสุกอีใส


  • ผู้ที่มีประวัติโรคอีสุกอีใส, โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง, วัณโรค, โรคมะเร็ง ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนรับวัคซีน
  • หากมีอาการป่วยในช่วงก่อนฉีดวัคซีน ให้เลื่อนการรับวัคซีนไปก่อน หลังจากหายจากอาการป่วยแล้วอย่างน้อย 7 วัน จึงมารับวัคซีนอีสุกอีใส
  • ผู้ที่ทานยากดภูมิคุ้มกัน, ผู้ป่วยโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง, ผู้ป่วยที่ได้รับการถ่ายเลือด ไม่สามารถฉีดวัคซีนอีสุกอีใสได้
  • หลังจากรับวัคซีน อาจมีผลข้างเคียงเป็นอาการไข้, รู้สึกบวมแดงตรงบริเวณที่ฉีด และมีผื่นขึ้นในบางราย แนะนำให้พักผ่อนให้เพียงพอแล้วอาการจะค่อย ๆ หายและกลับมาเป็นปกติ


อาการแทรกซ้อนของโรคอีสุกอีใส



5. อาการแทรกซ้อนของโรคอีสุกอีใส ที่ควรระวัง

การเกิดโรคอีสุกอีใสในคนที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงเป็นปกติ มักจะไม่พบอาการแทรกซ้อน แต่มักจะพบอาการแทรกซ้อนในกลุ่มผู้ป่วยดังต่อไปนี้


  • อีสุกอีใสในผู้ใหญ่  มักพบหนองและแผลเป็นจากตุ่มอีสุกอีใส เนื่องจากการติดเชื้อแทรกซ้อน
  • อีสุกอีใสในผู้หญิงตั้งครรภ์ หากเป็นในช่วงตั้งครรภ์ 3 เดือนแรก อาจทำให้เด็กในครรภ์มีอาการอีสุกอีใสแต่กำเนิด (Congenital varicella syndrome) คือมีแผลเป็นตามร่างกาย, แขน-ขาลีบ, ตาเป็นต้อกระจก, ศีรษะเล็ก หรือปรากฏความพิการทางร่างกายอื่น ๆ ร่วมด้วย
  • อีสุกอีใสในหญิงใกล้คลอด หากเป็นโรคอีสุกอีใสในช่วงก่อนคลอด 5 วัน หรือหลังจากคลอด 2 วัน อาจส่งผลกระทบกับทารกในครรภ์ ทำให้เป็นอีสุกอีใสในเด็ก และมีโอกาสที่อาการจะรุนแรงได้
  • อีสุกอีใสในผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ หลังจากที่หายจากโรคอีสุกอีใสแล้ว เชื้อไวรัสจะยังซ่อนตัวอยู่ในร่างกายของผู้ที่เคยติดเชื้อ และอาจกลายเป็นโรคงูสวัดได้หากร่างกายอ่อนแอลง หรือภูมิคุ้มกันต่ำเมื่อมีอายุมากขึ้น



สรุปแล้ว การดูแลผู้ป่วยโรคอีสุกอีใสควรให้ความสำคัญกับการรักษาความสะอาดของร่างกาย ทานยาตามคำแนะนำของแพทย์ และพักผ่อนให้เพียงพอ หากมีอาการผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อความปลอดภัย หากคุณยังไม่เคยมีอาการ ก็สามารถหาข้อมูลการฉีดวัคซีน เพื่อฉีดวัคซีนป้องกันไว้ก่อนได้เลย


เพราะอาการเจ็บป่วยมักเกิดขึ้นโดยไม่ทันได้ตั้งตัว วางแผนรับมือไว้ก่อน เพื่อการใช้ชีวิตที่สบายใจ ด้วย ประกันสุขภาพ จากเมืองไทยประกันชีวิต #เพราะชีวิตทุกวัยมันเจ็บป่วย ป่วยเล็กป่วยใหญ่ ช่วงวัยไหนก็ป่วยได้ไม่ช็อตฟีล


ปล่อยจอยค่ารักษาเพราะมีประกันสุขภาพดูแลให้แบบเหมา ๆ ตั้งแต่ 2 แสน - 100 ล้านบาท


Elite Health Plus คุ้มครองค่ารักษา 20-100 ล้านบาทต่อปี ครอบคลุมเทคโนโลยีการรักษา ดูแลให้ทั้ง IPD และ OPD(1) เบี้ยวันละไม่ถึง 157 บาท(2)
D Health Plus
คุ้มครองค่ารักษา 5 ล้านบาท(3) นอนห้องเดี่ยวมาตรฐานทุก รพ. เบี้ยวันละไม่ถึง 38 บาท(4)
เหมาจ่าย Extra
แอดมิตเข้า รพ. ดูแลค่ารักษาเหมาจ่าย 5 แสนบาท(5) เบี้ยวันละไม่ถึง 42 บาท(6)


รายละเอียดเพิ่มเติม

☑️ โทร.1766 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
☑️ ติดต่อตัวแทนประกันชีวิต


(1) กรณีเลือกความคุ้มครองแผน 40, 75 หรือ 100 ล้านบาท

(2) สำหรับผู้เอาประกันภัยอายุ 50 ปี แผน 20 ล้านบาท พื้นที่ความคุ้มครองประเทศไทย และชำระเบี้ยประกันภัยรายปี

(3) กรณีเลือกความคุ้มครองแผน 5 ล้านบาท โดยเป็นวงเงินต่อการรักษาครั้งใดครั้งหนึ่ง

(4) สำหรับผู้เอาประกันภัยเพศหญิง อายุ 34 ปี เลือกแผนความคุ้มครอง 5 ล้านบาท มีความรับผิดส่วนแรก 30,000 บาท ต่อการเข้าพักรักษาตัวครั้งใดครั้งหนึ่ง (แผน Top Up ความคุ้มครอง) และชำระเบี้ยประกันภัยรายปี

(5) กรณีเลือกความคุ้มครองแผน 3 โดยเป็นวงเงินต่อการรักษาแบบผู้ป่วยในครั้งใดครั้งหนึ่ง


  • เงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
  • สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพต้องซื้อแนบท้ายกรมธรรม์ที่มีผลบังคับอยู่
  • ความคุ้มครองของสัญญาเพิ่มเติมต้องไม่เกินระยะเวลาเอาประกันภัยของกรมธรรม์ประกันชีวิตที่สัญญาเพิ่มเติมนี้แนบท้าย
  • เบี้ยประกันภัยสามารถนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์เป็นไปตามที่กรมสรรพากร กำหนด
  • เงื่อนไขเป็นไปตามที่ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต กำหนด
  • การพิจารณารับประกันภัยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของบริษัทฯ
  • โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย



ที่มา สืบค้น ณ วันที่  07/11/67

🔖โรงพยาบาลพญาไท
🔖โรงพยาบาลสมิติเวช
🔖โรงพยาบาลวิภาวดี

สนใจแบบประกัน

ข้าพเจ้าตกลงยินยอมให้ บมจ. เมืองไทยประกันชีวิต เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้นของข้าพเจ้าเพื่อติดต่อข้าพเจ้าในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ ข้าพเจ้าสนใจหรือที่บริษัทฯ เห็นว่าเป็นประโยชน์แก่ ข้าพเจ้าได้โดยข้าพเจ้าให้ถือเอาการทำเครื่องหมาย ในช่องสี่เหลี่ยมเป็นการแสดงเจตนา ยินยอมของข้าพเจ้าแทน การลงลายมือชื่อเป็นหลักฐาน ทั้งนี้ ก่อนการแสดงเจตนาดังกล่าวข้างต้น ข้าพเจ้าได้อ่านและรับทราบเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัวแล้ว