บอกต่อ วิธีแก้ตะคริวให้หายภายใน 1 นาที รู้ต้นเหตุ จัดการได้ทัน
ปัญหาสุขภาพด้านกล้ามเนื้อเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในยุคปัจจุบัน เนื่องจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปของผู้คน ทำให้เกิดปัญหากล้ามเนื้อได้ง่าย การใส่ใจดูแลกล้ามเนื้อในชีวิตประจำวันจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยป้องกันปัญหาต่าง ๆ เช่น อาการตะคริว ซึ่งมักเกิดจากการใช้งานร่างกายและกล้ามเนื้ออย่างหนัก แต่ไม่ได้รับการดูแลที่ดีพอ จึงยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดตะคริว
สำหรับใครที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังมีอาการปวดกล้ามเนื้อ หรือเป็นตะคริวบ่อย บทความนี้จะพาคุณมาทำความเข้าใจกับอาการนี้ พร้อมแนะนำวิธีแก้ตะคริวให้หายภายใน 1 นาที รวมทั้งแนวทางในการดูสุขภาพเพื่อแก้ตะคริวในระยะยาว จะมีอะไรบ้าง ตามมาดูกัน
2. วิธีแก้ตะคริวให้หายภายใน 1 นาที ทำยังไงดี?
3. เอาตัวรอดยังไง เมื่อเป็นตะคริวตอนว่ายน้ำ?
4. แก้ตะคริว กินอะไรดี แมกนีเซียมแก้ตะคริวได้จริงหรือ?
1. ตะคริว คืออะไร?
ตะคริว (Muscle Cramp) คืออาการที่กล้ามเนื้อเกิดการหดตัวอย่างฉับพลัน จนกล้ามเนื้อบริเวณนั้นมีลักษณะเป็นก้อนแข็ง ซึ่งทำให้รู้สึดปวดตึงหรือเจ็บที่บริเวณนั้น ๆ และอาจเป็นซ้ำได้หลายครั้ง โดยอาการของตะคริวจะแตกต่างกันออกไป บางคนอาจเป็นเพียงไม่กี่นาทีแล้วก็หายได้เอง บางคนอาจรู้สึกเจ็บรุนแรงและเป็นเวลานาน
ซึ่งกลุ่มคนที่พบว่าเป็นตะคริวบ่อย ๆ มักจะเป็น กลุ่มวัยกลางคน, ผู้สูงอายุ, หญิงมีครรภ์, นักกีฬาที่ใช้กล้ามเนื้ออย่างหนัก หรือกลุ่มคนที่ใช้ยาบางประเภท
ปัจจัยที่อาจทำให้เป็นตะคริว
ตะคริวมักพบได้บ่อยในกลุ่มผู้ที่ใช้งานกล้ามเนื้อหนักกว่าปกติ นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยหรือพฤติกรรมอื่น ๆ ที่เพิ่มความเสี่ยงให้เกิดอาการตะคริว เช่น
- ไม่ยืดกล้ามเนื้อก่อนออกกำลังกาย
- ออกกำลังกายท่ามกลางอากาศร้อน หรือออกกำลังกายอย่างหนัก
- ภาวะเกลือแร่ในร่างกายไม่สมดุล มักเกิดเมื่อท้องเสีย, อาเจียน
- เสียเหงื่อมาก ทำให้ร่างกายสูญเสียเกลือแร่
- ดื่มน้ำน้อยกว่าปริมาณที่ร่างกายต้องการ
- พฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ไม่สมดุล ทำให้ขาดสารอาหารบางอย่าง
- นั่ง, ยืน หรือนอนในท่าเดิมเป็นเวลานาน โดยไม่ขยับตัวหรือเปลี่ยนท่าทาง
- ความเครียด ทำให้กล้ามเนื้อตึงและเสี่ยงเกิดตะคริว
- ภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ ทำให้เลือดไปหล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อไม่เพียงพอ
2. วิธีแก้ตะคริวให้หายภายใน 1 นาที ทำยังไงดี?
เชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะเคยเจอกับการเป็นตะคริวกันมาแล้วไม่มากก็น้อย และจุดที่มีอาการก็อาจเหมือนหรือแตกต่างกันออกไป แต่ส่วนที่พบว่าเป็นตะคริวได้บ่อย และพบในคนส่วนใหญ่ มักจะเกิดเป็นตะคริวที่น่องขา, นิ้วมือ, ท้อง และตะคริวที่เท้า ดังนั้น แอดจึงขอเล่าถึงอาการตามจุดเหล่านี้ พร้อมแนะนำวิธีแก้ไข ตามมาดูกันเลย
ตะคริวที่นิ้วมือ
อาการตะคริวที่นิ้วมือ หรืออาการที่รู้สึกปวดเกร็งบริเวณนิ้วมือ มักจะมีสาเหตุมาจากการใช้งานกล้ามเนื้อมือและนิ้วมือหนัก หรือการจับมือถือด้วยมือข้างเดียวเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดอาการข้อต่ออักเสบจนรู้สึกปวด หรือกล้ามเนื้อหดเกร็งเนื่องจากถูกใช้งานหนัก
วิธีแก้ตะคริวที่นิ้วมือ คือการผ่อนคลายกล้ามเนื้อมือและนิ้วมือ ด้วยการกางมือออกให้ตึงแล้วกำมือสลับกันไป-มา หรือจะหาลูกบอลยางสำหรับบีบคลายเครียดมาบีบบริหารกล้ามเนื้อมือ และอีกวิธีคือการประคบร้อน เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดและคลายกล้ามเนื้อที่หดเกร็ง
ตะคริวที่ท้อง
อาการตะคริวที่ท้อง มีสาเหตุมาจากความผิดปกติในระบบทางเดินอาหาร หรือโรคบางอย่างที่อยู่ในช่องท้อง อีกกรณีหนึ่งคือเกิดจากการออกกำลังโดยใช้กล้ามเนื้อส่วนหน้าท้องอย่างหนัก ก็อาจก่อให้เกิดตะคริวที่ท้องได้
วิธีแก้ตะคริวที่ท้อง หากเป็นอาการที่เกิดจากการออกกำลังกาย แนะนำให้ค่อย ๆ ยืดกล้ามเนื้อ ด้วยวิธีการจับมือแล้วยืดเหยียดร่างกาย ให้กล้ามเนื้อตึงแล้วค่อย ๆ ผ่อนแรงลง แล้วปล่อยมือ ทำไปเรื่อย ๆ อย่างใจเย็น สังเกตตัวเองจนกระทั่งอาการเจ็บปวดของตะคริวหายไป
หากเป็นตะคริวที่ท้องจากโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร แนะนำให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ดื่มน้ำให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ เลือกทานอาหารที่มีใยอาหาร เพื่อช่วยให้ระบบย่อยทำงานได้คล่องตัวยิ่งขึ้น หากยังไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการและรักษาได้อย่างถูกวิธี
ตะคริวที่น่องขาและเท้า
อาการตะคริวที่น่องขาและเท้า เป็นจุดที่พบได้บ่อยในคนหลาย ๆ ช่วงวัย สาเหตุเกิดจากการใช้กล้ามเนื้อหนักเกินความเหมาะสม จนกล้ามเนื้อเกิดอาการหดเกร็ง หรือกล้ามเนื้ออ่อนล้าฉับพลัน เมื่อเป็นตะคริวที่น่องขาจึงรู้สึกปวดหรือเจ็บจนยากต่อการเคลื่อนไหว
วิธีแก้ตะคริวที่น่องขาและเท้า คือ เมื่อมีอาการให้ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ โดยกระดกขาขึ้นค้างเอาไว้ ยกปลายเท้าขึ้นให้ปลายนิ้วเท้าเข้าหาตัว ค่อย ๆ นวดอย่างเบามือตรงบริเวณที่เป็นตะคริว
3. เอาตัวรอดยังไง เมื่อเป็นตะคริวตอนว่ายน้ำ?
เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ค่อนข้างเสี่ยงอันตราย กับอาการเป็นตะคริวตอนว่ายน้ำ ที่เรามักจะพบว่ามีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์แบบนี้ เนื่องจากการเป็นตะคริวทำให้การเคลื่อนไหวร่างกายนั้นทำได้ยาก และเมื่ออยู่ในน้ำ ก็ยิ่งเอาตัวรอดได้ยากเพราะไม่สามารถทรงตัวได้ สำหรับใครที่ออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำ แนะนำให้เตรียมตัวรับมือหากเกิดเหตุ ด้วยวิธีแก้ตะคริวตอนว่ายน้ำ ดังต่อไปนี้
- ตั้งสติ อย่าตกใจ พยายามทำใจให้สงบและหายใจเข้าออกช้าๆ เพื่อควบคุมสถานการณ์
- พลิกตัวนอนหงาย ลอยตัวบนผิวน้ำเพื่อพักและหายใจได้สะดวกขึ้น
- ยืดกล้ามเนื้อ เหยียดขาที่มีตะคริวและงอนิ้วเท้ากลับเข้าหาตัวเพื่อคลายกล้ามเนื้อ
- ขอความช่วยเหลือ ส่งสัญญาณให้ผู้อื่นรู้ว่าคุณต้องการความช่วยเหลือ
- ว่ายเข้าฝั่งช้า ๆ เมื่ออาการดีขึ้น ค่อย ๆ ใช้แขนช่วยว่ายเข้าฝั่งเพื่อความปลอดภัย
สิ่งสำคัญของการว่ายน้ำ และการออกกำลังกายอื่น ๆ ก็คือการเตรียมความพร้อมร่างกาย ด้วยการยืดหยุ่นกล้ามเนื้อ ทำการ Warm-Up ให้ร่างกายอบอุ่น ก่อนที่จะใช้งานกล้ามเนื้ออย่างหนัก เพื่อลดความเสี่ยงบาดเจ็บและตะคริวนั่นเอง
4. แก้ตะคริว กินอะไรดี แมกนีเซียมแก้ตะคริวได้จริงหรือ?
หากกำลังหาวิธีแก้ตะคริว กินอะไรดี ขอแนะนำให้รับประทานอาหารที่มีแมกนีเซียม เพราะแมกนีเซียมสามารถช่วยป้องกันและบรรเทาอาการตะคริวได้ เนื่องจากเป็นแร่ธาตุที่มีบทบาทสำคัญในการควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาท
หากร่างกายขาดแมกนีเซียม อาจทำให้กล้ามเนื้อหดเกร็งและเกิดตะคริวได้ง่าย การรับประทานอาหารที่มีแมกนีเซียม เช่น ผักใบเขียว ธัญพืชเต็มเมล็ด ถั่วต่างๆ และกล้วย จะช่วยลดโอกาสการเกิดตะคริวและส่งเสริมการทำงานของกล้ามเนื้อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งอาหารที่อุดมไปด้วยแมกนีเซียม ก็คือ
- พืชตระกูลถั่ว
- ธัญพืชเต็มเมล็ด
- เมล็ดฟักทอง
- เมล็ดเจีย
- ผักเคล
- ผักปวยเล้ง
- คะน้า
- บร็อกโคลี
- ตำลึง
- อะโวคาโด
- กล้วย
- นมถั่วเหลือง
- ดาร์กช็อกโกแลต
การดูแลสุขภาพร่างกายและจัดการกับอาการตะคริวอย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เรารับมือกับปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การดูแลร่างกายอย่างเหมาะสมจะช่วยป้องกันการเกิดตะคริวได้ หากเกิดอาการตะคริว ให้ทำใจผ่อนคลาย ใจเย็น ๆ แม้จะมีวิธีแก้ตะคริวให้หายภายใน 1 นาที แต่ก็ทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปจะดีกว่า เพื่อลดความเสี่ยงที่จะบาดเจ็บ และสุดท้ายนี้อย่าลืมที่จะใส่ใจดูแลร่างกายให้แข็งแรง และยืดหยุ่นกล้ามเนื้อก่อนออกกำลังกายเสมอ ไม่เพียงแต่ช่วยลดอาการตะคริว แต่ยังส่งเสริมให้เรามีสุขภาพที่ดี แข็งแรง พร้อมเผชิญทุกกิจกรรมได้อย่างมั่นใจ
เพราะร่างกายของคุณไม่มีอะไหล่เปลี่ยน สุขภาพของคุณ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรปล่อยผ่าน หาตัวช่วยดูแลแบบสบาย ๆ ด้วย ประกันสุขภาพ จากเมืองไทยประกันชีวิต #เพราะชีวิตทุกวัยมันเจ็บป่วย ป่วยเล็กป่วยใหญ่ ช่วงวัยไหนก็ป่วยได้ไม่ช็อตฟีล
ปล่อยจอยค่ารักษาเพราะมีประกันสุขภาพดูแลให้แบบเหมา ๆ ตั้งแต่ 2 แสน - 100 ล้านบาท
✅ Elite Health Plus คุ้มครองค่ารักษา 20-100 ล้านบาทต่อปี ครอบคลุมเทคโนโลยีการรักษา ดูแลให้ทั้ง IPD และ OPD(1) เบี้ยวันละไม่ถึง 157 บาท(2)
✅ D Health Plus คุ้มครองค่ารักษา 5 ล้านบาท(3) นอนห้องเดี่ยวมาตรฐานทุก รพ. เบี้ยวันละไม่ถึง 38 บาท(4)
✅ เหมาจ่าย Extra แอดมิตเข้า รพ. ดูแลค่ารักษาเหมาจ่าย 5 แสนบาท(5) เบี้ยวันละไม่ถึง 42 บาท(6)
รายละเอียดเพิ่มเติม
☑️ โทร.1766 ตลอด 24 ชั่วโมง
☑️ ติดต่อตัวแทนประกันชีวิต
(1) กรณีเลือกความคุ้มครองแผน 40, 75 หรือ 100 ล้านบาท
(2) สำหรับผู้เอาประกันภัยอายุ 50 ปี แผน 20 ล้านบาท พื้นที่ความคุ้มครองประเทศไทย และชำระเบี้ยประกันภัยรายปี
(3) กรณีเลือกความคุ้มครองแผน 5 ล้านบาท โดยเป็นวงเงินต่อการรักษาครั้งใดครั้งหนึ่ง
(4) สำหรับผู้เอาประกันภัยเพศหญิง อายุ 34 ปี เลือกแผนความคุ้มครอง 5 ล้านบาท มีความรับผิดส่วนแรก 30,000 บาท ต่อการเข้าพักรักษาตัวครั้งใดครั้งหนึ่ง (แผน Top Up ความคุ้มครอง) และชำระเบี้ยประกันภัยรายปี
(5) สำหรับแผนความคุ้มครอง 3 โดยเป็นวงเงินต่อการรักษาแบบผู้ป่วยในครั้งใดครั้งหนึ่ง
- เงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
- สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพต้องซื้อแนบท้ายกรมธรรม์ที่มีผลบังคับอยู่
- ความคุ้มครองของสัญญาเพิ่มเติมต้องไม่เกินระยะเวลาเอาประกันภัยของกรมธรรม์ประกันชีวิตที่สัญญาเพิ่มเติมนี้แนบท้าย
- เบี้ยประกันภัยสามารถนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์เป็นไปตามที่กรมสรรพากร กำหนด
- เงื่อนไขเป็นไปตามที่ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต กำหนด
- การพิจารณารับประกันภัยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของบริษัทฯ
- โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย
ที่มา สืบค้น ณ วันที่ 31/10/67
🔖 รพ.พญาไท
🔖 RAMA Channel
🔖 รพ.เปาโล
🔖 รพ. Medpark
🔖 รพ.สมิติเวช
🔖 รพ. เพชรเวช