พัดลมไม่หมุน เกิดจากอะไร พร้อมวิธีซ่อมด้วยตัวเอง
อากาศร้อนจัดเกินต้านจนทะลุ 42 องศาเซลเซียสแบบนี้ หลายบ้านอาจใช้งานพัดลมหนัก จนทำให้พัดลมไม่หมุน มอเตอร์ร้อน, พัดลมไม่หมุน มีเสียง ฮือ ๆ หรือ พัดลมไม่หมุน แกนฝืด แต่พอซ่อมเองเปลี่ยนคาปาแล้ว พัดลมก็ยังไม่หมุน เรียกได้ว่าหลากหลายอาการที่ถาโถมมาพร้อมกัน ยิ่งพัดลมที่ใช้งานมานานแล้วและใช้งานหนักช่วงหน้าร้อนแบบนี้ พัดลมอาจมีสิทธิ์พังกันได้เลย พอเจอพัดลมพังแบบนี้มีเหงื่อซ่กกันแน่นอน แต่ไม่ต้องเครียดไป วันนี้แอดมีวิธีซ่อมพัดลมไม่หมุนด้วยตัวเองมาฝาก ไม่ยากอย่างที่คิด จะมีวิธีอะไรบ้างไปดูกันเลย
1. สาเหตุที่ทำให้ พัดลมไม่หมุน
2. วิธีซ่อมพัดลมไม่หมุน
3. วิธีเลือกซื้อพัดลมให้คุ้มค่า
1. สาเหตุที่ทำให้ พัดลมไม่หมุน
พัดลมของทุกบ้านมักจะเปิดใช้งานแทบทุกวัน ยิ่งอากาศร้อนจัดแบบนี้ยิ่งทำงานหนักเข้าไปอีก จึงไม่แปลกที่พัดลมจะเสีย เปิดอยู่ดี ๆ พัดลมไม่หมุน มีเสียง ฮือ ๆ หรือ มีอาการใบพัดไม่หมุน มอเตอร์ร้อน มาดูกันดีกว่าว่าสาเหตุที่ทำให้พัดลมไม่หมุนมีอะไร หากอาการไม่หนักเราจะได้ซ่อมเอง เพื่อเซฟงบ
แกนหมุนใบพัดสกปรก
หากเปิดพัดลมแล้วพัดลมไม่เหมุน แกนฝืด หรือ เปิดแล้วพัดลมไม่หมุน มีเสียง ฮือ ๆ ให้ลองเช็กแกนหมุนใบพัดก่อนเลยเป็นอันดับแรก ว่ามีสิ่งสกปรกสะสมหรือไม่ ทั้งฝุ่น เส้นผม หรือหากใครมีสัตว์เลี้ยงก็อาจเป็นขนของสัตว์เลี้ยงเราก็ได้
บูชหรือแกนหมุนใบพัดเสื่อมสภาพ
หลังจากตรวจดูแล้วว่าแกนหมุนใบพัดมีสิ่งสกปรกสะสมหรือไม่ พอแก้ไขล้างสิ่งสกปรกออกแล้ว พัดลมก็ยังไม่หมุน อันดับต่อมาลองตรวจดูแกนหมุนหรือบูชว่าเสื่อมสภาพหรือไม่ ซึ่งหน้าตาของบูชในพัดลมจะมีหน้าตาคล้าย ๆ กับวงแหวน เป็นส่วนประกอบสำคัญชิ้นหนึ่งทำหน้าที่ครอบ หรือรองแกนหมุนระหว่างมอเตอร์กับใบพัดของพัดลม ถ้าบูชเกิดเสื่อมสภาพ หรือแตก ก็จะทำให้ พัดลมหมุนช้าไม่มีแรง หรือถ้าอาการหนักก็อาจจะไม่หมุนไปเลยก็ได้
แคปพัดลมหรือคาปาซิเตอร์เสื่อมสภาพ
แคปพัดลม หรือ คาปาซิเตอร์ คือตัวเก็บประจุมีหน้าที่เก็บประจุไฟฟ้า และจ่ายประจุไฟฟ้าที่เก็บสะสมไว้ไปช่วยในการทำงานของมอเตอร์พัดลมในขณะที่สตาร์ทหรือรัน ซึ่งหากแคปพัดหรือคาปาเสื่อมสภาพนั่นสดงว่าพัดลมของเราใช้งานมานานแล้ว หรืออาจใช้งานหนักเปิดไม่พัก ตอนเปิดพัดลมจะมีอาการหมุนฝืด ๆ หรือเปิดพัดลมแล้วแต่ไม่หมุน ต้องใช้มือช่วยดันทำให้พัดลมหมุน
มอเตอร์พัดลมเสีย
อีกส่วนที่ต้องตรวจดูเวลาพัดลมไม่หมุนคือมอเตอร์พัดลม หากเปิดพัดลมมาแล้ว พัดลมไม่หมุน มอเตอร์ร้อน มีเสียงฮือ ๆ หรือเปิดแล้วพัดลมไม่หมุน แกนฝืด อาการเหล่านี้มาครบ ก็มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่มอเตอร์พัดลมจะมีปัญหา ควรปิดพัดลมและหยุดใช้งานทันที เพราะหากยังเปิดใช้งานต่อไป พัดลมอาจไหม้และส่งกลิ่นไหม้ออกมาจากมอเตอร์ สุดท้ายควรดึงปลั๊กพัดลมออกก่อนตรวจเช็กอาการพัดลม
2. วิธีซ่อมพัดลมไม่หมุน
สำหรับคนที่ปวดหัวเมื่อพัดลมไม่หมุน อย่าพึ่งใจร้อนซื้อตัวใหม่ ลองซ่อมเองดูก่อนเพื่อเซฟงบ แต่หากไม่ไหวอาจต้องถึงมือช่างซ่อมก็ได้ ดังนั้นมาทำตามวิธีที่แอดนำมาฝากกัน
ล้างทำความสะอาดพัดลม
หากพัดลมไม่หมุนและพบว่าแกนหมุนพัดลม มีสิ่งสกปรกสะสมอยู่ เช่น ฝุ่นที่จับตัวเป็นก้อน ขนสัตว์เลี้ยงเข้าไปพัน เราก็สามารถถอดตะแกรงออมาเช็ดล้างทำความสะอาดเองได้ โดยมีวิธีดังนี้
- ถอดตะแกรงครอบพัดลมด้านหน้า และหมุนถอดตัวล็อคใบพัดออก
- นำชิ้นส่วนที่ถอดออกมาไปล้างทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่า ให้ฝุ่นที่เกาะอยู่หลุดออกไปให้หมด
- เมื่อล้างเสร็จแล้ว ทำการเช็ดด้วยผ้าแห้ง และนำไปตากให้แห้งสนิทแบบที่ไม่มีน้ำเกาะ (ควรตากในที่ร่ม)
- นำน้ำมันอเนกประสงค์ หรือตัวช่วยที่ทำให้หล่อลื่นได้ มาหยอดใส่บริเวณแกนหมุนของใบพัด จะช่วยป้องกันให้พัดลมไม่หมุนแกนฝืดได้
- นำไขควงมาขันน็อตตัวล็อคพัดลมออก และขันฝาครอบมอเตอร์ที่ด้านหลังออกเพื่อทำความสะอาด
- ใช้ผ้าแห้งเช็ดฝุ่นที่เกาะอยู่บริเวณตัวมอเตอร์
- หลังจากอุปกรณ์ทุกชิ้นแห้งสนิทแล้ว ก็ประกอบกลับคืนแบบเดิมได้เลย
เปลี่ยนบูชและแกนหมุนใหม่
หากสาเหตุของพัดลมไม่หมุน เกิดจากบูชหรือแกนหมุนใบพัดเสื่อมสภาพ ก็สามารถเปลี่ยนใหม่โดยการหาซื้อได้ที่ร้านอะไหล่พัดลม หรือสั่งซื้อผ่านทางร้านค้าออนไลน์ได้เลย หากไม่มั่นใจว่าจะซื้อถูกรุ่นหรือไม่ ให้แกะส่วนท้ายของพัดลมเพื่อถอดแคปพัดลมออกมา เพื่อนำไปเปรียบเทียบซื้อที่ร้านขายอะไหล่เครื่องใช้ไฟฟ้าได้เลย โดยวิธีการเปลี่ยนสามารถหาอ่านจากขั้นตอนตามคู่มือได้เลย หรือหากไม่มั่นใจว่าสามารถเปลี่ยนเองได้ ก็อาจจ้างช่างใกล้บ้านช่วยเปลี่ยนให้ก็ได้เช่นกัน
ปัญหาเรื่องมอเตอร์เสีย
เมื่อล้างเอาสิ่งสกปรกออกจากแกนหมุนพัดลมแล้ว เปลี่ยนบูชก็แล้ว พัดลมยังไม่หมุน มอเตอร์ร้อน หรือมีเสียงฮือ ๆ อาการไม่ดีขึ้นเลย ให้สันนิษฐานไว้เลยว่ามอเตอร์เสีย ซึ่งแอดไม่แนะนำให้ซื้อมอเตอร์พัดลมมาเปลี่ยนใหม่ เพราะราคามอเตอร์ รวมถึงค่าแรงการจ้างช่างเปลี่ยนมอเตอร์ กับการซื้อพัดลมตัวใหม่ ราคาไม่ค่อยแตกต่างกันมาก ดังนั้น หากมอเตอร์พัดลมเสีย การซื้อพัดลมใหม่เป็นทางเลือกที่คุ้มค่ามากกว่าเสียค่าเปลี่ยนมอเตอร์ใหม่
3. วิธีเลือกซื้อพัดลมให้คุ้มค่า
สำหรับคนที่วางแผนจะถอยพัดลมตัวใหม่ ก่อนจะซื้อต้องเลือกซื้อพัดลมที่ให้ความคุ้มค่า ทั้งช่วยประหยัดไฟ และใช้งานได้ยาวนานขึ้น มาดูกันว่าควรเลือกซื้อพัดลมแบบไหน
วิธีซื้อพัดลมให้คุ้มค่า
- อย่างแรกเลยคือควรเลือกซื้อพัดลมที่มีเครื่องหมาย มอก. เพราะเป็นเครื่องหมายที่ได้รับรองและผ่านมาตรฐานความปลอดภัย
- พัดลมที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ซึ่งฉลากนี้นั้นบ่งบอกถึงระดับการใช้ไฟของพัดลม และข้อมูลเบื้องต้นของพัดลม เช่น ประสิทธิภาพ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว และช่วยลดค่าใช้จ่ายในการใช้ไฟฟ้าของเราลงได้
- เลือกประเภทของพัดลมให้เหมาะกับการใช้งาน เช่น ถ้าใช้ 1-2 คน ควรใช้พัดลมตั้งโต๊ะ ซึ่งพัดลมตั้งโต๊ะทั้งประหยัดไฟอีกด้วย
วิธีใช้พัดลมให้ประหยัดไฟ
- หลังใช้งานเสร็จแล้ว ควรปิดพัดลม เพื่อให้มอเตอร์ได้มีการพักและไม่เสื่อมสภาพเร็วเกินไป และไม่ควรเสียบปลั๊กทิ้งไว้ โดยเฉพาะพัดลมที่มีระบบรีโมทคอนโทรล เพราะจะมีไฟฟ้าไหลเข้าตลอดเวลา
- ควรใช้ความแรงและความเร็วของลมให้เหมาะสม เพราะนิ่งเปิดพัดลมแรงมากเท่าไหร่ ยิ่งใช้ไฟฟ้ามากขึ้นด้วย
- หมั่นทำความสะอาดพัดลมบ่อย ๆ เช่น ใบพัด และตะแกรงครอบใบพัด ฝาครอบมอเตอร์ เพื่อเป็นการถนอมพัดลมให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้น
เพราะพัดลมเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีอยู่แทบทุกบ้าน หากพัดลมไม่หมุน มอเตอร์ร้อนแล้วควรรีบตรวจเช็ก หากอาการไม่รุนแรงจนเครื่องพัง ก็สามารถซ่อมได้ด้วยตัวเอง ตามวิธีที่แอดนำมาแชร์ ที่สำคัญอากาศร้อนแบบนี้อย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพ พร้อมวางแผนเสริมความมั่นใจด้วยประกันสุขภาพจากเมืองไทยประกันชีวิต #เพราะชีวิตทุกวัยมันเจ็บป่วย ป่วยเล็กป่วยใหญ่ ช่วงวัยไหนก็ป่วยได้ไม่ช็อตฟีล
ปล่อยจอยค่ารักษาเพราะมีประกันสุขภาพดูแลให้แบบเหมา ๆ ตั้งแต่ 2 แสน - 100 ล้านบาท
✅ Elite Health Plus คุ้มครองค่ารักษา 20-100 ล้านบาทต่อปี ครอบคลุมเทคโนโลยีการรักษา ดูแลให้ทั้ง IPD และ OPD(1) เบี้ยวันละไม่ถึง 157 บาท(2)
✅ D Health Plus คุ้มครองค่ารักษา 5 ล้านบาท(3) นอนห้องเดี่ยวมาตรฐานทุก รพ. เบี้ยวันละไม่ถึง 38 บาท(4)
✅ เหมาจ่าย Extra แอดมิตเข้า รพ. ดูแลค่ารักษาเหมาจ่าย 5 แสนบาท(5) เบี้ยวันละไม่ถึง 42 บาท(6)
พิเศษ! รับส่วนลดสูงสุด 15% สำหรับเบี้ยประกันปีต่ออายุ เพียงทำกิจกรรมผ่านแอปฯ MTL Fit
รายละเอียดเพิ่มเติม
☑️ โทร.1766 ตลอด 24 ชั่วโมง
☑️ ติดต่อตัวแทนประกันชีวิต
(1) กรณีเลือกความคุ้มครองแผน 40, 75 หรือ 100 ล้านบาท
(2) สำหรับผู้เอาประกันภัยอายุ 50 ปี แผน 20 ล้านบาท พื้นที่ความคุ้มครองประเทศไทย และชำระเบี้ยประกันภัยรายปี
(3) กรณีเลือกความคุ้มครองแผน 5 ล้านบาท โดยเป็นวงเงินต่อการรักษาครั้งใดครั้งหนึ่ง
(4) สำหรับผู้เอาประกันภัยเพศหญิง อายุ 34 ปี เลือกแผนความคุ้มครอง 5 ล้านบาท มีความรับผิดส่วนแรก 30,000 บาท ต่อการเข้าพักรักษาตัวครั้งใดครั้งหนึ่ง (แผน Top Up ความคุ้มครอง) และชำระเบี้ยประกันภัยรายปี
(5) สำหรับแผนความคุ้มครอง 3 โดยเป็นวงเงินต่อการรักษาแบบผู้ป่วยในครั้งใดครั้งหนึ่ง
(6) สำหรับผู้เอาประกันภัยเพศหญิง 34 ปี เลือกแผนความคุ้มครอง 3 และชำระเบี้ยประกันรายปี
- เงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
- สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพต้องซื้อแนบท้ายกรมธรรม์ที่มีผลบังคับอยู่
- ความคุ้มครองของสัญญาเพิ่มเติมต้องไม่เกินระยะเวลาเอาประกันภัยของกรมธรรม์ประกันชีวิตที่สัญญาเพิ่มเติมนี้แนบท้าย
- เบี้ยประกันภัยสามารถนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์เป็นไปตามที่กรมสรรพากร กำหนด
- เงื่อนไขเป็นไปตามที่ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต กำหนด
- การพิจารณารับประกันภัยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของบริษัทฯ
- โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย
ที่มา : สืบค้นเมื่อวันที่ 02/04/67