ประกันสุขภาพ OPD เลือกยังไงให้ปัง อัปเดต ปี 2568
ค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก (OPD) สูงขึ้นทุกวัน การซื้อประกันสุขภาพให้ครอบคลุมทั้ง OPD และ IPD จึงเป็นสิ่งจำเป็น แต่จะเลือกยังไง ให้เหมาะสมกับความต้องการมากที่สุด โดยเฉพาะการเลือกแผนประกันสุขภาพที่ครอบคลุมการรักษา แม้จะมีสวัสดิการขั้นพื้นฐานคอยดูแลอยู่แล้วก็ตาม มาดูกันว่ามีปัจจัยสำคัญอะไรบ้างที่คุณควรพิจารณา เพื่อให้ได้ประกันสุขภาพ OPD ที่ไหนดีในปี 2568 และแบบไหนตอบโจทย์ให้เราคุ้มค่ามากที่สุด อัปเดตข้อมูลล่าสุดปี 2568
1. ประกันสุขภาพ OPD คืออะไร ต่างกับ IPD ยังไง
2. ประกันสุขภาพ OPD คุ้มครองอะไรบ้าง
3. ทำไมต้องมี! ประกันสุขภาพ OPD
4. เคล็ดลับเลือกประกันสุขภาพคุ้มครอง OPD ให้ปัง
1. ประกันสุขภาพคุ้มครอง OPD คืออะไร ต่างกับ IPD ยังไง อย่างไร
เมื่อพูดถึงการทำประกันสุขภาพ หลายคนอาจคุ้นเคยกับคำว่าคุ้มครองผู้ป่วย OPD และ IPD แต่ก็เกิดคำถามและความไม่แน่ใจว่า OPD กับ IPD แตกต่างกันยังไง และควรเลือกแบบไหนให้เหมาะกับความต้องการของตัวเอง การทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างประกันสุขภาพ OPD (ผู้ป่วยนอก) และ IPD (ผู้ป่วยใน) จะช่วยให้คุณสามารถเลือกแผนที่ตรงกับความต้องการ และคุ้มค่าที่สุดในการดูแลสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการรักษาเล็กน้อย หรือเจ็บป่วยที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ถ้าพร้อมแล้วเรามาดูกันว่า OPD และ IPD ทั้งสองแบบคืออะไร และต่างกันอย่างไร
OPD (ผู้ป่วยนอก) หรือ Out-Patient Department
ผลประโยชน์คุ้มครองสุขภาพผู้ป่วยนอก หรือ Out-Patient Department (OPD) เป็นประกันสุขภาพที่คุ้มครองการรักษาอาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ไข้หวัด แผลที่ไม่ต้องเข้าพักที่โรงพยาบาล ตอบโจทย์ทุกคน เพราะสามารถใช้เบิกค่ารักษาพยาบาลได้โดยไม่ต้องสำรองจ่ายไม่ว่าจะเป็นค่าปรึกษาแพทย์ ค่ายา หรือค่าอุปกรณ์ทางการแพทย์อื่น ๆ
IPD (ผู้ป่วยใน) หรือ In-Patient Department
คุ้มครองผู้ป่วยใน หรือ In-Patient Department (IPD) โดยส่วนใหญ่ประกันประเภทนี้ จะเป็นประกันสุขภาพเหมาจ่าย ซึ่งจ่ายค่ารักษาพยาบาลได้ตามจริงโดยมีวงเงินคุ้มครองค่อนข้างสูงตั้งแต่ 2 แสน – 100 ล้านบาท ทำให้ค่าเบี้ยแพง เหมาะกับคนที่มีโอกาสป่วย หรือเข้าโรงพยาบาลบ่อย ๆ เช่น เด็กเล็ก คนสูงวัย หรือผู้ที่มีความเสี่ยงด้านสุขภาพ
ซึ่งผู้เอาประกันสามารถเบิกเงินประกันสุขภาพได้ต่อเมื่อเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล มากกว่า 6 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นการปรึกษาแพทย์ ค่าห้องพัก ค่าอาหาร ค่ารถพยาบาล ค่าบริการ หรือค่าผ่าตัดฉุกเฉิน (กรณีที่มีค่าผ่าตัดจากการเกิดอุบัติเหตุ จำเป็นต้องทำเรื่องภายใน 24 ชั่วโมง)
สรุปความแตกต่างระหว่าง OPD และ IPD แบบเข้าใจง่ายคือ
- ประกันสุขภาพคุ้มครอง OPD ช่วยคุ้มครองการรักษาแบบไม่ต้องนอนโรงพยาบาล เช่น การพบแพทย์ทั่วไป กรณีเป็นหวัดไม่สบาย
- ประกันสุขภาพคุ้มครอง IPD คุ้มครองการรักษาที่ต้องนอนโรงพยาบาล หรือการรักษาที่ซับซ้อน ตั้งแต่ 6 ชั่วโมงขึ้นไป ตามคำสั่งของแพทย์
ดังนั้นการเลือกประกันทั้งสองแบบขึ้นอยู่กับความจำเป็น และความเสี่ยงทางสุขภาพของแต่ละคน แต่การมีประกันสุขภาพทั้ง OPD และ IPD จะช่วยให้คุณครอบคลุมการรักษาได้ครบถ้วนมากขึ้น
2. ประกันสุขภาพ OPD คุ้มครองอะไรบ้าง
ประกันสุขภาพ OPD ช่วยคลายความกังวลเรื่องค่ารักษา จะป่วยน้อย หรือป่วยมากก็รับมือไหว คุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลแบบไม่ต้องนอนโรงพยาบาล เช่น
- ตรวจรักษาโรคทั่วไป
- วินิจฉัยโรค
- รับยา
- ฉีดวัคซีน
- ทำกายภาพบำบัด
จุดเด่นประกันสุขภาพ OPD
- ช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย กรณีเจ็บป่วยเล็กน้อยที่ต้องพบแพทย์บ่อย
- เคลมง่าย ใช้ได้ทั้งคลินิกและโรงพยาบาลที่ร่วมรายการ
- เหมาะสำหรับเด็กและผู้ที่ป่วยบ่อย เช่น โรคภูมิแพ้ ไข้หวัด หรือโรคเรื้อรังที่ต้องติดตามอาการ
ทั้งนี้ไม่ว่าคุณจะป่วยบ่อย หรือไม่ การมีประกันสุขภาพ OPD ก็ช่วยให้คุณรับมือค่ารักษาพยาบาลได้โดยไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่ายที่ไม่แน่นอน
3. ทำไมต้องมี! ประกันสุขภาพคุ้มครอง OPD
ในยุคที่ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว การมีประกันสุขภาพคุ้มครอง OPD (Outpatient Department) กลายเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นสำหรับทุกคน เพราะช่วยเพิ่มทางเลือกให้กับการรักษาได้มากขึ้น ในการดูแลสุขภาพ โดยที่ไม่ต้องรอให้ถึงขั้นเจ็บป่วยหนักแล้วค่อยหาหมอ
ลดภาระค่าใช้จ่าย
เมื่อเจ็บป่วยไม่สบาย ประกันสุขภาพคุ้มครอง OPD จะช่วยคุ้มครองค่าใช้จ่ายตามวงเงินที่กำหนด โดยไม่ต้องนอนโรงพยาบาล
สะดวกสบายในการเข้ารับการรักษา
คุณสามารถเข้ารับการรักษาได้ทันที ไม่ต้องรอคิวนาน เมื่อเริ่มรู้สึกไม่สบาย และสามารถเข้ารับการรักษาได้ทันทีจากโรงพยาบาลเอกชนที่ให้บริการตามรายละเอียดที่ระบุในสัญญา
อย่างไรก็ตาม การเลือกซื้อประกันสุขภาพที่ครอบคลุม OPD ควรตรวจสอบเงื่อนไขความคุ้มครองให้ละเอียดและคุ้มค่า เช่น บางกรมธรรม์อาจมีกำหนดวงเงินต่อครั้งไม่เกิน 1,000 บาท หรือ 1 ครั้งต่อวัน สูงสุดไม่เกิน 30 ครั้งต่อปี ซึ่งถ้าเกินวงเงิน หรือจำนวนครั้งที่กำหนด คุณจะต้องจ่ายส่วนต่างเอง อาจทำให้ความคุ้มครองที่ได้รับไม่คุ้มค่าเท่าที่ควร
4. เคล็ดลับเลือกประกันสุขภาพคุ้มครอง OPD ให้ปัง
เจ็บป่วยเล็กน้อยแต่ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลย หลายคนคงเคยประสบปัญหาค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละปี ดังนั้นการมีประกันสุขภาพคุ้มครอง OPD จึงเป็นเหมือนเกราะป้องกันที่ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี โดยวันนี้เรามีเคล็ดไม่ลับมาบอกถึงวิธีเลือกประกันสุขภาพ OPD ที่ไหนดี ในปี 2568 เพื่อให้คุณได้รับความคุ้มครองที่ตอบโจทย์และคุ้มค่าที่สุด!? ลุย
เลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์
ประเมินจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น ชอบกินอาหารปิ้งย่าง สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ พักผ่อนน้อย ก็ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงจากพฤติกรรม ซึ่งหากรู้ตัวว่าตัวเองมีความเสี่ยงเหล่านี้ ก็จะได้วางแผนเลือกประกันสุขภาพ ให้ตรงความต้องการได้
เบี้ยประกัน เลือกที่จ่ายไหว
พิจารณาการเลือกซื้อเบี้ยประกันสุขภาพ ไม่ควรเกิน 10-15% ของรายได้รวมทั้งปี หากซื้อในช่วงอายุน้อยราคาจะไม่แพง เพราะร่างกายยังแข็งแรง โอกาสเกิดโรคน้อยกว่าหากซื้อในช่วงที่อายุเยอะโอกาสเกิดโรคต่าง ๆ ก็มีมาก และราคาแพง
ต้องคุ้มครองแค่ไหน
ครอบคุลมค่ารักษาผู้ป่วยนอก (OPD) ค่ารักษาผู้ป่วยใน (IPD) รวมถึงครอบคลุมโรคร้าย หรือเสียชีวิตและผลประโยชน์อื่น ๆ หรือไม่ แนะนำให้เลือกความคุ้มครองสุขภาพแบบเหมาจ่ายที่ไม่จำกัดวงเงินค่ารักษาพยาบาล ซึ่งจะครอบคลุมค่ารักษา ทั้งอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย ตลอดไปจนถึงโรคร้ายเเรงนั่นเอง
เช็กวงเงิน และเงื่อนไขการเคลม
ตรวจสอบวงเงินการรักษาต่อครั้ง และต่อปีให้สอดคล้องกับความต้องการของคุณ บางกรมธรรม์อาจจำกัดวงเงินการรักษาต่อครั้งหรือจำนวนครั้งต่อปี ดังนั้นควรเลือกแผนที่ให้ความคุ้มครองเพียงพอ
เลือกประกันที่มีบริการเครือข่ายโรงพยาบาลครอบคลุม
ตรวจสอบว่าแผนประกันที่เลือกสามารถใช้บริการในโรงพยาบาลเครือข่ายได้สะดวก เพื่อให้คุณเข้าถึงการรักษาได้ง่ายและรวดเร็ว เจ็บป่วยที่ไหนก็ไม่ต้องกังวล
ตรวจสอบข้อยกเว้นและเงื่อนไข
ประกันสุขภาพบางแผนอาจมีข้อยกเว้นในการคุ้มครองโรคบางโรค หรือมีข้อยกเว้นหากมีความเสี่ยงสูง เช่น โรคที่เป็นมาก่อน โรคจิตเวช ยาเสพติด ผลจากการดื่มสุรา ฆ่าตัวตาย เล่นกีฬา หรือกิจกรรมผาดโผน เป็นต้น ซึ่งสาเหตุเหล่านี้ อาจอยู่ในเงื่อนไขได้เช่นกัน โดยแต่ละกรมธรรม์ก็จะมีความแตกต่าง ควรศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจทำประกัน
ความน่าเชื่อถือของบริษัทประกัน
เลือกบริษัทประกันที่มีความมั่นคง และบริการดี เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับการดูแลที่ดีเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน รวมถึงความสะดวกในการชำระเบี้ย หรือยื่นขอเงินชดเชยตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
การเลือกประกันสุขภาพครอบคลุม OPD อย่างรอบคอบ จะช่วยให้คุณได้รับความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ทั้งการรักษาและการใช้ชีวิตได้อย่างคุ้มค่า
อย่าปล่อยให้ค่ารักษาพยาบาลเป็นภาระ การเลือกประกันสุขภาพ OPD ที่ไหนดี 2568 ที่ไหนคุ้มค่า ควรพิจารณาความครอบคลุมทั้งการรักษา ไม่ว่าจะเป็นค่าเบี้ยประกันที่เหมาะสม เงื่อนไขต่าง ๆ รวมถึงการเปรียบเทียบตัวเลือกจะช่วยให้คุณได้แผนประกันที่เหมาะสมที่สุด ที่สำคัญอย่าลืมตรวจสอบข้อยกเว้นและรายละเอียดการเคลม เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เริ่มต้นวางแผนเพื่อสุขภาพที่ดีของคุณตั้งแต่วันนี้ ด้วยการเลือกแผนประกันที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์และงบประมาณที่ต้องการ
ประกันสุขภาพที่พาคุณไปรักษาด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่าง ✨ความคุ้มครองสุขภาพ Elite Health Plus✨
✅เหมาจ่ายค่ารักษา 20 - 100 ล้านบาทต่อปี
✅ดูแลให้ทั้ง IPD และ OPD(1) เบี้ยวันละไม่ถึง 94 บาท(2)
✅ครอบคลุมเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัยรองรับการรักษาโรคมะเร็ง ทั้งการรักษามะเร็งแบบมุ่งเป้า (Targeted Therapy) และการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy)
✅ครอบคลุม การวินิจฉัย MRI และการฟอกไต โดยไม่ต้องแอดมิต
✅เข้ารักษาได้ทุกโรงพยาบาลทั่วประเทศ และคุ้มครองค่ารักษาทั่วโลก(3)
✅สมัครได้ถึงอายุ 90 ปี คุ้มครองถึงอายุ 99 ปี
พิเศษ! รับส่วนลดสูงสุด 15% สำหรับเบี้ยประกันปีต่ออายุ เพียงทำกิจกรรมผ่านแอปฯ MTL Fit
รับความใส่ใจเป็นพิเศษ จากแบบประกันชีวิตที่ใช่ สำหรับคุณ
☑️โทร.1766 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
☑️ติดต่อตัวแทนประกันชีวิต หรือ ศูนย์บริการลูกค้าเมืองไทยประกันชีวิตทั่วประเทศ
(1) กรณีเลือกความคุ้มครองแผน 40, 75 หรือ 100 ล้านบาท
(2) สำหรับผู้เอาประกันภัยอายุ 34 ปี แผน 20 ล้านบาท พื้นที่ความคุ้มครองประเทศไทย และชำระเบี้ยประกันภัยรายปี
(3) กรณีเลือกพื้นที่ความคุ้มครองทั่วโลก
- เงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
- สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพแบบอีลิท เฮลท์ พลัส ต้องซื้อแนบท้ายกรมธรรม์ที่มีผลบังคับอยู่
- ความคุ้มครองของสัญญาเพิ่มเติมต้องไม่เกินระยะเวลาเอาประกันภัยของกรมธรรม์ประกันชีวิตที่สัญญาเพิ่มเติมนี้แนบท้าย
- เบี้ยประกันภัยสามารถนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์เป็นไปตามที่กรมสรรพากร กำหนด
- เงื่อนไขเป็นไปตามที่ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต กำหนด
- การพิจารณารับประกันภัยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของบริษัทฯ
โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย
ที่มา : สืบค้นเมื่อวันที่ 25/02/68
🔖 aomMONEY
🔖 noon