อย่าพลาด! 5 วิธีวางแผนการเงินให้รอด ในยุคเศรษฐกิจไม่ดี
ในยุคที่ เศรษฐกิจไม่ดี และ ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว การวางแผนการเงินอย่างรอบคอบเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง หลายคนอาจรู้สึกกังวลกับความไม่มั่นคงทางการเงินที่เกิดขึ้น แต่การเตรียมตัวให้พร้อม และมีแผนรับมือที่เหมาะสม จะช่วยให้เราสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาที่ท้าทายนี้ไปได้อย่างมั่นใจ เช่น ในช่วงตกงาน หรืออาจเจ็บป่วยต้องใช้เงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลกะทันหัน วันนี้เรามีแนวทางและเคล็ดลับในการวางแผนการเงินช่วงเศรษฐกิจไม่ดี เพื่อให้คุณสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่ท้าทายนี้ได้อย่างชิล ๆ กับ 7 วิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยให้คุณวางแผนการเงินไปได้อย่างมั่นใจ
ยาวไปเลือกอ่านตามหัวข้อได้นะ
1. ทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายอย่างละเอียด
4. ลงทุนหลาย ๆ แหล่งอย่างมีระเบียบ
5. ทำประกันภัยเพื่อลดความเสี่ยง
1. ทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายอย่างละเอียด
การทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายอย่างละเอียด เป็นส่วนสำคัญในการวางแผนการเงินทั้งกับตัวบุคลเอง หรือจะในเรื่องของธุรกิจ เพื่อให้เห็นภาพรวมของสถานะทางการเงิน และสามารถควบคุมการใช้จ่ายได้มากขึ้น มาดูกันว่า ขั้นตอนและเคล็ดลับในการทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายอย่างละเอียดมีอะไรบ้าง
1. รวบรวมข้อมูล
- รายรับ เช่น เงินเดือน รายได้จากธุรกิจ ดอกเบี้ยหรือเงินปันผล และ รายได้อื่น ๆ
- รายจ่าย เช่น ค่าใช้จ่ายคงที่ เช่น ค่าเช่าบ้าน, ค่างวดรถ, ค่าอินเทอร์เน็ต ค่าใช้จ่ายผันแปร เช่น ค่าอาหาร, ค่าเดินทาง,
- ค่าชอปปิง ค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน เช่น ค่ารักษาพยาบาล, ค่าซ่อมรถ และ หนี้สินต่าง ๆ
2. เลือกวิธีการบันทึก
- สมุดบัญชี วิธีดั้งเดิมที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบจดบันทึกด้วยมือ
- โปรแกรม Excel หรือ Google Sheets เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการปรับแต่งและวิเคราะห์ข้อมูล
- สามารถแบ่งตารางออกเป็นช่องสำหรับวันที่, รายการ, รายรับ, รายจ่าย, และยอดคงเหลือ และกำหนดหมวดหมู่รายรับและรายจ่ายให้ชัดเจน เพื่อให้ง่ายต่อการวิเคราะห์
- แอปพลิเคชันบนมือถือ สะดวกและง่ายต่อการบันทึกข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลา
- บันทึกข้อมูลทันทีที่เกิดรายการ เพื่อป้องกันการตกหล่น
- เก็บหลักฐานการใช้จ่าย เช่น ใบเสร็จรับเงิน เพื่อใช้ในการตรวจสอบ
3. วิเคราะห์ข้อมูล
- สรุปยอดรายรับและรายจ่ายในแต่ละเดือน
- เปรียบเทียบรายรับและรายจ่าย เพื่อดูว่ามีส่วนไหนที่สามารถปรับปรุงได้
- วิเคราะห์แนวโน้มการใช้จ่าย เพื่อวางแผนการเงินในอนาคต
2. สร้างเงินสำรองฉุกเฉิน
ชีวิตเราไม่แน่นอน เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นตกงาน เจ็บป่วย หรือรถเสีย การมี "เงินสำรองฉุกเฉิน" จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อให้เราสามารถรับมือกับสถานการณ์เหล่านั้นได้โดยไม่เดือดร้อนทางการเงิน
เงินสำรองฉุกเฉินคืออะไร?
เงินสำรองฉุกเฉินคือเงินที่เราเก็บไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น ไม่ใช่เงินสำหรับใช้จ่ายทั่วไป ควรเป็นเงินที่เราสามารถนำออกมาใช้ได้ทันทีเมื่อจำเป็น
ควรมีเงินสำรองฉุกเฉินเท่าไหร่?
โดยทั่วไป เราควรมีเงินสำรองฉุกเฉินอย่างน้อย 3 - 6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน เช่น ถ้าคุณมีค่าใช้จ่ายเดือนละ 15,000 บาท ควรมีเงินสำรองฉุกเฉิน 45,000 - 90,000 บาท
วิธีสร้างเงินสำรองฉุกเฉิน
- หักเงินเก็บทุกเดือน แบ่งเงินส่วนหนึ่งจากรายได้มาเก็บไว้ในบัญชีเงินสำรองฉุกเฉินทันทีที่ได้รับเงินเดือน
- ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ตัดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เช่น ค่ากาแฟแพงๆ ค่าชอปปิง หรือค่าอาหารนอกบ้าน
- หารายได้เสริม มอหาโอกาสในการหารายได้เสริม เช่น ขายของออนไลน์ หรือรับจ้างทำงานอิสระ
- ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หรือกองทุนรวมตลาดเงิน
3. ลดภาระหนี้สิน
ใคร ๆ ก็ไม่อยากเป็นหนี้ แต่บางครั้งสถานการณ์ก็พาให้เราต้องกู้ยืม ไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรเครดิต หนี้บ้าน หนี้รถ หรือหนี้อื่น ๆ แต่ถ้าเราปล่อยให้หนี้พอกพูนไปเรื่อย ๆ ก็จะกลายเป็นภาระหนักอึ้งที่ทำให้ชีวิตไม่มีความสุข วันนี้เรามีวิธีลดภาระหนี้สินแบบง่าย ๆ ที่ทำได้จริง มาแนะนำ
1. สำรวจหนี้ทั้งหมดที่มี
- จดบันทึกหนี้ทั้งหมดที่มี ไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรเครดิต หนี้บ้าน หนี้รถ หรือหนี้อื่น ๆ
- ระบุรายละเอียดของหนี้แต่ละก้อน เช่น ยอดหนี้ อัตราดอกเบี้ย และกำหนดชำระ
- จัดลำดับความสำคัญของหนี้ โดยหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงควรได้รับการจัดการก่อน
2. วางแผนชำระหนี้อย่างมีวินัย
- ตั้งเป้าหมายในการชำระหนี้ให้ชัดเจน เช่น ต้องการปลดหนี้ภายในกี่ปี
- กำหนดจำนวนเงินที่สามารถชำระหนี้ได้ในแต่ละเดือน
- ทำตารางชำระหนี้ เพื่อติดตามความคืบหน้า
3. ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้
- ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เช่น ค่าอาหารนอกบ้าน ค่าชอปปิง หรือค่าความบันเทิง
- มองหาโอกาสในการหารายได้เสริม เช่น ขายของออนไลน์ หรือรับจ้างทำงานอิสระ
4. รวมหนี้เป็นก้อนเดียว
- หากมีหนี้หลายก้อน การรวมหนี้เป็นก้อนเดียวจะช่วยให้บริหารจัดการหนี้ได้ง่ายขึ้น
- มองหาโปรแกรมรวมหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าหนี้เดิม
5. สร้างวินัยทางการเงิน
- ทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อควบคุมการใช้จ่าย
- หลีกเลี่ยงการก่อหนี้ใหม่ที่ไม่จำเป็น
- เก็บเงินสำรองฉุกเฉิน เพื่อป้องกันการก่อหนี้ในอนาคต
อ่านบทความด้านการเงินเพิ่มเติมได้ที่นี่
- ประกันออมทรัพย์ ที่ไหนดี ทั้งลดหย่อนภาษี และได้ผลตอบแทนตรงใจ
- 10 วิธีเก็บเงินสุดปัง แบบมนุษย์เงินเดือน
4. ลงทุนหลาย ๆ แหล่งอย่างมีระเบียบ
การกระจายความเสี่ยงคือหัวใจสำคัญของการวางแผนการเงินที่ดี เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ก็เหมือนกัน การลงทุนในสินทรัพย์หลาย ๆ ประเภทถือเป็นการกระจายความเสี่ยง ช่วยให้เงินของเราเติบโตได้อย่างมั่นคง แม้เศรษฐกิจจะผันผวน แต่การลงทุนแบบไร้ทิศทางก็อาจทำให้เงินหายได้เช่นกัน มาดูวิธีลงทุนหลาย ๆ แหล่งอย่างมีระเบียบ เพื่อให้เงินของคุณงอกเงยอย่างยั่งยืน
1. กำหนดเป้าหมายการลงทุนให้ชัดเจน
ก่อนเริ่มลงทุน ควรตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน เช่น ต้องการเก็บเงินเพื่อเกษียณ ต้องการซื้อบ้าน หรือต้องการสร้างรายได้เสริม
กำหนดระยะเวลาการลงทุน เช่น ลงทุนระยะสั้น (1-3 ปี) หรือลงทุนระยะยาว (5 ปีขึ้นไป)
กำหนดระดับความเสี่ยงที่รับได้ เพื่อเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่เหมาะสม
2. กระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์ที่หลากหลาย
- หุ้น ลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโต แต่มีความเสี่ยงสูง
- กองทุนรวม ลงทุนในกองทุนรวมที่กระจายการลงทุนในหุ้นหรือตราสารหนี้
- ตราสารหนี้ ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลหรือหุ้นกู้บริษัทที่มีความเสี่ยงต่ำ
- อสังหาริมทรัพย์ ลงทุนในบ้านหรือคอนโดเพื่อสร้างรายได้จากค่าเช่า
- ทองคำ ลงทุนในทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ
3. จัดสรรเงินลงทุนอย่างเหมาะสม
- กำหนดสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์แต่ละประเภทตามเป้าหมายและความเสี่ยงที่รับได้
- ปรับสัดส่วนการลงทุนตามสถานการณ์เศรษฐกิจและเป้าหมายที่เปลี่ยนแปลงไป
4. ติดตามและประเมินผลการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
- ติดตามผลการลงทุนอย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อดูว่าผลตอบแทนเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่
- ประเมินผลการลงทุนอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อปรับแผนการลงทุนให้เหมาะสม
- ติดตามข่าวสารและข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
- เข้าร่วมสัมมนาหรืออบรมเกี่ยวกับการลงทุน เพื่อเพิ่มความรู้และความเข้าใจ
5 . ทำประกันภัยเพื่อลดความเสี่ยง
ชีวิตคนเราไม่แน่นอน มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ เจ็บป่วย หรือทรัพย์สินเสียหาย หากไม่มีการวางแผนรับมือที่ดี เหตุการณ์เหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อการเงินของเราอย่างหนักหน่วง การทำประกันภัยจึงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญในการลดความเสี่ยงทางการเงิน และสร้างความมั่นคงให้กับชีวิต
ทำไมต้องทำประกันภัย?
- ลดภาระค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น อุบัติเหตุหรือเจ็บป่วย ประกันภัยจะช่วยจ่ายค่ารักษ
- พยาบาลหรือค่าเสียหายต่าง ๆ ทำให้ไม่ต้องควักเงินก้อนโตออกมาจ่ายเอง
- สร้างความมั่นคงทางการเงิน ประกันภัยช่วยให้เรามั่นใจได้ว่า หากเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้น เราและครอบครัวจะไม่ต้องเผชิญกับปัญหาทางการเงิน
- วางแผนอนาคตได้อย่างมั่นใจ การมีประกันภัยช่วยให้เราวางแผนอนาคตได้อย่างมั่นใจมากขึ้น ไม่ต้องกังวลว่าเหตุการณ์ไม่คาดฝันจะทำให้แผนที่วางไว้ล้มเหลว
ประกันภัยประเภทไหนที่ควรทำ?
- ประกันชีวิต คุ้มครองชีวิตผู้เอาประกันภัย หากเสียชีวิตจะจ่ายเงินชดเชยให้แก่ผู้รับประโยชน์ เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาระทางการเงิน เช่น มีลูกที่ต้องดูแล หรือมีหนี้สิน
- ประกันสุขภาพ คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุ ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล
เคล็ดลับการเลือกซื้อประกันภัย
- สำรวจความต้องการของตัวเอง พิจารณาว่าต้องการความคุ้มครองด้านใดบ้าง และวงเงินคุ้มครองเท่าไหร่
- เปรียบเทียบเบี้ยประกันและเงื่อนไขความคุ้มครอง เปรียบเทียบจากหลายบริษัท เพื่อให้ได้ประกันภัยที่คุ้มค่าที่สุด
- อ่านรายละเอียดกรมธรรม์ให้ละเอียด ทำความเข้าใจเงื่อนไขความคุ้มครอง ข้อยกเว้น และระยะเวลาคุ้มครอง
- เลือกบริษัทประกันภัยที่น่าเชื่อถือ เลือกบริษัทที่มีชื่อเสียงและมั่นคงทางการเงิน
การทำประกันภัย เป็นการวางแผนทางการเงินที่สำคัญ เพื่อลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ช่วยให้เราและครอบครัวมีความมั่นคงทางการเงิน แม้เศรษฐกิจจะผันผวน การวางแผนทางการเงินให้รัดกุมก็ช่วยให้เราใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ รวมถึงการเลือกแผนประกันชีวิตที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่า คนที่คุณรักจะได้รับการดูแลทางการเงินเมื่อคุณไม่อยู่แล้ว ทั้งเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตที่คุ้มค่า และเป็นการสร้างหลักประกันให้กับชีวิตและครอบครัวของคุณ
รายละเอียดเพิ่มเติม
☑️ โทร.1766 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
☑️ ติดต่อตัวแทนประกันชีวิต/ ช่องทางที่ดูแลท่าน
- โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย
ที่มา : สืบค้นเมื่อวันที่ 10/04/68
🔖 promise
🔖 chayo
🔖 SCB