ประโยชน์ของโกโก้ ผงสีน้ำตาลยอดฮิตที่ไม่ได้มีดีแค่อร่อย
หากถามถึง ประโยชน์ของโกโก้ เชื่อว่าคงต้องใช้เวลาสักพักในการคิด เพราะโกโก้ (Cocoa) ที่เรานึกถึงส่วนใหญ่ มักมาพร้อมกับภาพของขนมหวาน รสชาติถูกปากผู้คนทั่วโลกอย่างช็อกโกแลต ทำให้หลายคนมักเข้าใจผิดว่าโกโก้นั้น ส่งผลเสียต่อร่างกาย ทั้งที่ความจริง โกโก้มีสรรพคุณ มากมายที่ดีต่อสุขภาพ วันนี้ทางเราจึงอยากพาคุณไปทำความรู้จักกับ ประโยชน์ของโกโก้ มุมมองอีกด้านที่จะช่วยให้ทุกคนไม่ต้องกังวลต่อการรับประทานเมนูแสนอร่อยอย่างโกโก้อีกต่อไป
1. โกโก้กับช็อกโกแลตต่างกันอย่างไร
2. ประโยชน์ของโกโก้ มีอะไรบ้าง
4. กินอย่างไรให้ได้ ประโยชน์ของโกโก้
1. โกโก้กับช็อกโกแลตต่างกันอย่างไร
ถือเป็นอีกหนึ่งคำถามค้างคาใจของคนที่เริ่มหันมาสนใจดูแลสุขภาพ ว่าโกโก้และช็อกโกแลตนั้นแตกต่างกันไหม กินโกโก้แล้วจะส่งผลต่อร่างกายเหมือนช็อกโกแลตหรือไม่ ความสับสนระหว่างสองสิ่งนี้ อาจเกิดจากการที่ทั้งโกโก้และช็อกโกแลต เป็นผลผลิตที่เกิดจากเมล็ดคาเคา (Cacao Bean) ที่มาจากต้นโกโก้ หรือต้นคาเคา (Theobroma cacao) ซึ่งเป็นพืชพื้นเมืองของอเมริกาใต้ แต่เพราะกระบวนการการแปรรูปจึงทำให้เมล็ดคาเคาดั้งเดิมถูกเปลี่ยนไปเป็นโกโก้ (Cocoa) และ ช็อกโกแลต (Chocolate) โดยทั้งสองมีจุดแตกต่างกันดังนี้
1. โกโก้ (Cacao)
คือการนำเมล็ดคาเคา (Cacao Bean) ไปตากแห้ง ก่อนนำไปคั่วด้วยความร้อนจนเปลือกร่อน จนได้ Cacao Nips ชิ้นเล็ก ๆ ออกมา (เปลือกของผลโกโก้ที่ยังไม่ผ่านการแปรรูป) จากนั้นจะนำ Cacao Nips ที่ได้ไปเข้ากระบวนการที่ทำให้หนืดข้นจนกลายเป็น Cocoa Liquor ซึ่งสิ่งที่เพิ่มความพิเศษของโกโก้ คือการทำให้เบสโกโก้กลายเป็น โกโก้ที่เข้มข้น รสชาติถูกใจของทุกคน การนำ Cocoa Liquor ไปบีบอัดด้วยความร้อนเพิ่ม เพื่อสกัดเอาไขโกโก้ (Cocoa Butter) ออกไปให้ได้มากที่สุด โกโก้ส่วนใหญ่จึงมีปริมาณไขมันเพียง 0 – 25% เท่านั้น ที่สำคัญ เบสโกโก้ที่ได้ สามารถนำไปตากแห้งและบดออกมาเป็น ผงโกโก้ ต่อไปได้เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบ
2. ช็อกโกแลต (Chocolate)
ขั้นตอนการทำช็อกโกแลตตั้งแต่การนำเมล็ดคาเคา มาตากแห้งและคั่วด้วยความร้อนจนได้ออกมาเป็น Cocoa Liquor นั้นใช้กรรมวิธีแบบเดียวกันกับการทำโกโก้ แต่จุดที่แตกต่างกันคือการทำช็อกโกแลตจะไม่นำเบสที่ได้ไปบีบอัดเพิ่มความร้อน เพื่อกำจัดไขโกโก้ (Cocoa Butter) ออกไป ทำให้ช็อกโกแลตยังคงไขมันโกโก้ไว้สูง นอกจากนี้กระบวนการการทำช็อกโกแลต ยังมีการเติมความหวานหรือน้ำมันเข้าไปเพื่อเพิ่มความอร่อย อาจแปรรูปได้หลากหลาย ทั้งเป็น ในรูปแบบของ Chocolate Bar หรือแปลงเป็น Chocolate Powder ก็ได้เช่นกัน
จึงสรุปได้ว่าทั้งโกโก้และช็อกโกแลต ต่างแปรรูปมาจากเมล็ดคาเคา (Cacao Bean) เพียงแต่ต่างกันที่ โกโก้ จะถูกกำจัดไขมันหรือ Cocoa Butter ออกไปจนไม่เหลือหรือมีไม่เกิน 25% ในขณะที่ ช็อกโกแลต เป็นกรรมวิธีที่คงไว้ซึ่ง Cocoa Butter ให้ความมันและอาจมีความหวานในปริมาณที่มากกว่าโกโก้ด้วยนั่นเอง
2. ประโยชน์ของโกโก้ มีอะไรบ้าง
นอกจากกินเพื่อความอร่อย ประโยชน์ของโกโก้ นั้นยังมีอีกหลายด้าน เนื่องจากผลโกโก้ อุดมไปสารที่เป็นองค์ประกอบทางเคมีกว่า 700 ชนิด การกินโกโก้จึงช่วยลดความเสี่ยง และบรรเทาอาการของโรคบางชนิดได้ ยกตัวอย่างเช่น
1. ต่อต้านและยับยั้งเซลล์มะเร็ง
โพลีฟีนอล (Polyphenol) ในโกโก้ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตและลดการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งได้
2. ลดความดันโลหิต
ในโกโก้อุดมไปด้วยสารเคมีที่เรียกว่า ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ตัวช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดขยายตัวและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ส่งผลให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายได้ตามปกติ
3. ลดความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจวายและโรคหลอดเลือดทางสมอง
ประโยชน์ของโกโก้ นอกจากช่วยในเรื่องความดันโลหิต โกโก้มีสรรพคุณ ช่วยขยายหลอดเลือด และเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ โกโก้ยังช่วยลดไขมันไม่ดีหรือคอเลสเตอรอลชนิด LDL ซึ่งปกติแล้วไขมันชนิดนี้ จะเข้าไปสะสมอยู่ในผนังหลอดเลือด เมื่อมีการสะสมที่มากยิ่งขึ้น อาจก่อให้เกิดภาวะไขมันอุดตันในเส้นเลือด และอาจเกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดทางสมองในอนาคต
4. ควบคุมอาการโรคเบาหวานชนิดที่ 2
โรคเบาหวานชนิดที่ 2 เป็นโรคที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากร่างกายมีภาวะดื้ออินซูลิน มักพบในผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นเบาหวาน แม้ว่าการบริโภคช็อกโกแลตที่ผลิตจากเมล็ดโกโก้ จะเหมือนกันมากเกินไปจะเป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ในผงโกโก้สามารถช่วยชะลอกระบวนการย่อยอาหาร ทำให้ดูดซึมคาร์โไฮเดรตและน้ำตาลในลำไส้ได้ดียิ่งขึ้น กระตุ้นให้ร่างกายมีการดูดซึมน้ำตาลจากหลอดเลือดเข้าสู่กล้ามเนื้อ ประโยชน์ของโกโก้ ช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดมีความสมดุลมากขึ้น ทำให้ โกโก้มีสรรพคุณ ป้องกันและควบคุมโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มีภาวะดื้ออินซูลินได้นั่นเอง
5. บำรุงสมองและป้องกันภาวะสมองเสื่อม
บำรุงสุขภาพสมองได้ง่าย ๆ เพียงดื่มโกโก้เป็นประจำ เพราะในโกโก้มีสารโพลีฟีนอล (Polyphenol) และฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) สามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรค เกี่ยวกับความเสื่อมของระบบประสาท เช่นอัลไซเมอร์ พาร์กินสัน หรือภาวะสมองเสื่อมได้ เพราะสารทั้งสองอย่างจะเข้าไปเพิ่มประสิทธิการทำงานของสมอง และเพิ่มการไหลเวียนของเลือด นอกจากนี้ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ยังมีผลต่อการผลิตไนตริกออกไซด์ ซึ่งช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อของหลอดเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้นอีกด้วย
6. ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรงขึ้น
ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเป็นระบบที่คอยต่อต้านและกำจัดสิ่งแปลกปลอมหรือเชื้อโรคที่เข้ามาสู่ร่างกาย การกินโกโก้บ่อย ๆ อาจช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ดียิ่งขึ้น เพราะในโกโก้จะประกอบไปด้วยซีลีเนียม เหล็ก และสังกะสี สำหรับคนที่ต้องการฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกัน การเลือกกินโกโก้เป็นประจำก็อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะสามารถทำได้ง่ายและยังได้ทานของอร่อยอีกด้วย
7. เพิ่มประสิทธิภาพของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ
ประโยชน์ของโก้โก้ ช่วยให้ระบบการทำงานของประสาทและกล้ามเนื้อมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น เนื่องจากแมกนีเซียมที่อยู่ในผงโกโก้ จะช่วยควบคุมการหดตัวของหลอดเลือด ลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ ช่วยปกป้องและซ่อมแซมเซลล์ประสาทได้ จึงทำให้ระบบประสาทและกล้ามเนื้อของเราแข็งแรงขึ้น นอกจากนี้ แมกนีเซียมยังช่วยลดอาการปวดไมเกรน ลดอาการปวดประจำเดือน ลดความเหนื่อยล้า ป้องกันการเป็นตะคริว ลดความดัน ลดเบาหวาน และป้องกันโรคต่าง ๆ ได้ด้วย
8. ป้องกันและบรรเทาอาการของโรคหอบหืด
สำหรับผู้ที่เป็นหอบหืด โกโก้มีสรรพคุณ ที่จะช่วยป้องกันและบรรเทาอาการของโรคได้ เพราะในโกโก้มีสารธีโอโบรมีน (Theobromine) และธีโอฟิลลีน (Theophylline) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยให้ปอดขยายออกทำให้หายใจผ่อนคลายและลดการอักเสบ นอกจากนี้ธีโอฟิลลีน (Theophylline) ยังใช้ในการรักษาและป้องกันอาการหายใจผิดปกติ และหายใจลำบากที่เกิดจากโรคปอดเรื้อรัง ทั้งนี้การรักษาโรคหอบหืดจำเป็นต้องปรึกษากับแพทย์โดยตรง การกินโกโก้เป็นเพียงการป้องกันและบรรเทาอาการเท่านั้น
9. ช่วยให้อารมณ์ดี ลดภาวะซึมเศร้า
ประโยชน์ของโกโก้ นอกจากจะดีสุขภาพกายของเราแล้ว ยังส่งผลต่อสุขภาพจิตของเราอีกด้วย เพราะในโกโก้มีสารฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ที่ช่วยเปลี่ยนทริปโตเฟน (Tryptophan) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนจำเป็นที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ต้องได้รับจากการรับประทานอาหาร ให้เป็นเซโรโทนิน (Serotonin) หรือสารแห่งความสุข ที่มีความสำคัญในการพัฒนาระบบสื่อประสาท สามารถส่งผลต่ออารมณ์ หากร่างกายมีระดับเซโรโทนินที่สมดุล จะทำให้สามารถควบคุมอารมณ์ให้ดีขึ้น ลดความเครียด ลดไมเกรน และลดอาการซึมเศร้า ทำให้เมื่อเวลากินโกโก้หรือช็อกโกแลตแล้วหลายคนจะรู้สึกว่าอารมณ์ดีขึ้น
3. โกโก้ช่วยลดน้ำหนัก ได้ไหม
การกิน โกโก้ช่วยลดน้ำหนัก ได้ไหม? คำตอบคือ ได้แน่นอน 100% สำหรับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนักแล้ว การเลือกกินอาหารและเครื่องดื่มเป็นที่สิ่งสำคัญ ซึ่งการกินโกโก้ก็สามารถช่วยลดน้ำหนัก จึงนับเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักแต่ยังอยากทานของอร่อย เพราะโกโก้มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ ส่งผลให้ร่างกายดึงพลังงานสะสมหรือไขมันส่วนเกินมาใช้งานได้มากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้อิ่มท้องนานขึ้น และรู้สึกอยากอาหารน้อยลง
4. กินอย่างไรให้ได้ ประโยชน์ของโกโก้
ปริมาณโกโก้ที่แน่นอนที่ควรรวมไว้ในอาหารเพื่อให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพนั้นไม่ชัดเจน โดยหน่วยงานความปลอดภัยด้านอาหารของยุโรปแนะนำให้รับประทานผงโกโก้ หรือดาร์กช็อกโกแลต ดังนี้
- เลือกดาร์กช็อกโกแลตที่มีคุณภาพดีและมีโกโก้อย่างน้อย 70%
- ควรใช้ผงโกโก้ที่ไม่ผ่านการอัลคาไลซ์
- ดาร์กช็อกโกแลตมีโกโก้และฟลาโวนอลมากกว่าช็อกโกแลตนม
- ช็อกโกแลตขาวและช็อกโกแลตนมไม่มีประโยชน์เท่ากับดาร์ก ช็อกโกแลต
- ควรเลือกโกโก้ที่เป็นโกโก้แท้ 100% และไม่ควรใส่ส่วนผสมอย่างนม หรือน้ำตาล เพิ่มมากเกินไป
- สำหรับสุขภาพของหัวใจ ให้เลือกผงโกโก้ฟลาวานอลสูง 0.1 ออนซ์ (2.5 กรัม) หรือ ช็อกโกแลตฟลาวานอลสูง 0.4 ออนซ์ (10 กรัม) เพิ่มในอาหารทุกวัน
กินโกโก้ตอนไหนดี มีประโยชน์ที่สุด
กินโกโก้ตอนไหนดี ? หากเป็นเครื่องดื่ม ควรเลือกดื่มในตอนเช้าหรือช่วงเที่ยงก่อนทานอาหาร 15-20 นาที เพื่อให้อิ่มไวและเป็นสารอาหารหล่อเลี้ยงในกระเพาะอาหารนานยิ่งขึ้น สำหรับคนที่ดื่ม โกโก้ช่วยลดน้ำหนัก แนะนำให้ดื่มโกโก้แทนการกินอาหารเย็น ช่วยทำให้อิ่มท้อง ไม่หิวตอนดึก
กินโกโก้เยอะ ส่งผลเสียต่อร่างกายไหม
การกินโกโก้เยอะ แน่นอนว่าส่งผลเสียต่อร่างกายและสุขภาพของเราแน่นอน เพราะโกโก้มีสารธีโอโบรมีนสูง ที่มีฤทธิ์คล้ายคาเฟอีน หากรับประทานมากอาจส่งผลให้ใจสั่น หรือนอนไม่หลับได้
อย่างไรก็ตาม การบริโภคโกโก้ก็ควรอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม เพราะโกโก้ก็มีปริมาณไขมันและน้ำตาลอยู่ด้วย หากเลือกดื่มโกโก้ ควรเลือกแบบไม่ใส่น้ำตาล หรือใส่น้ำตาลน้อยที่สุด และควรเลือกดาร์กช็อกโกแลตที่มีปริมาณโกโก้สูง ๆ ซึ่งการกินอาหารหรือเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการดูแลสุขภาพ แต่ในอนาคตไม่มีใครรู้ว่าจะเจ็บป่วยเมื่อไร เราก็สามารถวางแผนเสริมความมั่นใจด้วย ประกันสุขภาพ จากเมืองไทยประกันชีวิต #เพราะชีวิตทุกวัยมันเจ็บป่วย ป่วยเล็กป่วยใหญ่ ช่วงวัยไหนก็ป่วยได้ไม่ช็อตฟีล
ปล่อยจอยค่ารักษาเพราะมีประกันสุขภาพดูแลให้แบบเหมา ๆ ตั้งแต่ 2 แสน - 100 ล้านบาท
✅ Elite Health Plus คุ้มครองค่ารักษา 20-100 ล้านบาทต่อปี ครอบคลุมเทคโนโลยีการรักษา ดูแลให้ทั้ง IPD และ OPD(1) เบี้ยวันละไม่ถึง 157 บาท(2)
✅ D Health Plus คุ้มครองค่ารักษา 5 ล้านบาท(3) นอนห้องเดี่ยวมาตรฐานทุก รพ. เบี้ยวันละไม่ถึง 38 บาท(4)
✅ เหมาจ่าย Extra แอดมิตเข้า รพ. ดูแลค่ารักษาเหมาจ่าย 5 แสนบาท(5) เบี้ยวันละไม่ถึง 42 บาท(6)
รายละเอียดเพิ่มเติม
☑️ โทร.1766 ตลอด 24 ชั่วโมง
☑️ ติดต่อตัวแทนประกันชีวิต
(1) กรณีเลือกความคุ้มครองแผน 40, 75 หรือ 100 ล้านบาท
(2) สำหรับผู้เอาประกันภัยอายุ 50 ปี แผน 20 ล้านบาท พื้นที่ความคุ้มครองประเทศไทย และชำระเบี้ยประกันภัยรายปี
(3) กรณีเลือกความคุ้มครองแผน 5 ล้านบาท โดยเป็นวงเงินต่อการรักษาครั้งใดครั้งหนึ่ง
(4) สำหรับผู้เอาประกันภัยเพศหญิง อายุ 34 ปี เลือกแผนความคุ้มครอง 5 ล้านบาท มีความรับผิดส่วนแรก 30,000 บาท ต่อการเข้าพักรักษาตัวครั้งใดครั้งหนึ่ง (แผน Top Up ความคุ้มครอง) และชำระเบี้ยประกันภัยรายปี
(5) สำหรับแผนความคุ้มครอง 3 โดยเป็นวงเงินต่อการรักษาแบบผู้ป่วยในครั้งใดครั้งหนึ่ง
(6) สำหรับผู้เอาประกันภัยเพศหญิง 34 ปี เลือกแผนความคุ้มครอง 3 และชำระเบี้ยประกันรายปี
- เงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
- สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพต้องซื้อแนบท้ายกรมธรรม์ที่มีผลบังคับอยู่
- ความคุ้มครองของสัญญาเพิ่มเติมต้องไม่เกินระยะเวลาเอาประกันภัยของกรมธรรม์ประกันชีวิตที่สัญญาเพิ่มเติมนี้แนบท้าย
- เบี้ยประกันภัยสามารถนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์เป็นไปตามที่กรมสรรพากร กำหนด
- เงื่อนไขเป็นไปตามที่ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต กำหนด
- การพิจารณารับประกันภัยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของบริษัทฯ
- โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย
ที่มา : สืบค้นเมื่อวันที่ 15/09/67
🔖 medthai