แฟนคลับมัทฉะต้องรู้! ประโยชน์ของมัทฉะ จากผงชาเขียวสู่เครื่องดื่มยอดฮิต
เครื่องดื่มมัทฉะเป็นที่เลื่องลือว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก ช่วงนี้กระแสจึงมาแรงมาก ๆ เกือบทุกร้านคาเฟ่จะต้องมีเมนูมัทฉะอยู่ในร้าน ซึ่งมัทฉะมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ หอมหวาน มีความขมนิด ๆ ทำให้หลายคนติดใจในรสชาติ มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายด้าน และมัทฉะสามารถนำไปทำเครื่องดื่มได้หลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นมัทฉะลาเต้ มัทฉะแฟรบเป้ หรือจะนำไปทำขนมก็ได้ ส่วนประโยชน์ของมัทฉะจะมีอะไรบ้าง มัทฉะ กับ ชาเขียว ต่างกันอย่างไร หรือโทษของมัทฉะมีไหมหากกินบ่อย ๆ ตามมาดูกัน
ยาวไปเลือกอ่านตามหัวข้อได้นะ
4. โทษของมัทฉะ หากบริโภคในปริมาณที่มากเกินไป
5. มัทฉะ กับ ชาเขียว ต่างกันอย่างไร
6. โฮจิฉะ กับ มัทฉะ ต่างกันอย่างไร
7. วิธีชงชาเขียวมัทฉะลดความอ้วน
1. ประโยชน์ของมัทฉะ
มัทฉะมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เนื่องจากอุดมไปด้วยสารอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด ซึ่งมีส่วนช่วยในการบำรุงร่างกายและป้องกันโรคต่างๆ ได้ดังนี้
1. อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
มัทฉะมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง โดยเฉพาะสาร epigallocatechin gallate (EGCG) ซึ่งเป็นสารในกลุ่มคาเทชิน ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าวิตามินซีและวิตามินอี ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากการถูกทำลาย และช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง และโรคอัลไซเมอร์
2. ช่วยเพิ่มสมาธิและลดความเครียด
มัทฉะมีสาร L-theanine ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง ทำให้มีสมาธิมากขึ้น และช่วยลดความเครียดและวิตกกังวลได้ นอกจากนี้ คาเฟอีนในมัทฉะยังช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้รู้สึกตื่นตัวและกระปรี้กระเปร่า
3. ให้พลังงานอย่างยั่งยืน
มัทฉะมีคาเฟอีน แต่จะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายอย่างช้าๆ ทำให้ได้รับพลังงานที่ต่อเนื่องและยาวนาน โดยไม่ทำให้รู้สึกกระวนกระวายเหมือนการดื่มกาแฟ นอกจากนี้ L-theanine ในมัทฉะยังช่วยลดผลข้างเคียงของคาเฟอีน เช่น อาการใจสั่นและนอนไม่หลับ
4. ช่วยเผาผลาญไขมัน
มัทฉะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมันในร่างกาย ทำให้การลดน้ำหนักเป็นไปได้ง่ายขึ้น โดยมีการศึกษาพบว่าการดื่มมัทฉะสามารถเพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมันได้ถึง 17%
5. มีวิตามินและแร่ธาตุ
มัทฉะมีวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินซี วิตามินเค โพแทสเซียม และแมกนีเซียม ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพโดยรวม
6. ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
สารต้านอนุมูลอิสระในมัทฉะช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) และไตรกลีเซอไรด์ และเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลที่ดี (HDL)
7. ช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง
สาร EGCG ในมัทฉะมีฤทธิ์ต้านสารก่อมะเร็ง และมีการศึกษาพบว่าการดื่มมัทฉะอาจช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งบางชนิดได้
8. ช่วยบำรุงผิวพรรณ
สารต้านอนุมูลอิสระในมัทฉะช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายจากแสงแดดและมลภาวะ ช่วยลดริ้วรอยและทำให้ผิวพรรณดูอ่อนเยาว์
ทั้งนี้สามารถอ่านบทความเกี่ยวกับชาเขียวเพิ่มเติมได้ที่ ประโยชน์ของชาเขียว ที่รู้แล้วจะต้องจึ้ง!!!
2. มัทฉะ มีกี่แบบ
ผงชาเขียวมัทฉะสามารถแบ่งออกเป็น 3 เกรดหลัก ๆ ได้แก่
1. เกรดพรีเมียม (Premium Grade)
คุณภาพ เป็นมัทฉะที่มีคุณภาพสูงสุด ผลิตจากใบชาเขียวที่อ่อนที่สุด และเก็บเกี่ยวในช่วงแรกของฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น ใบชาเหล่านี้จะถูกเก็บเกี่ยวด้วยมืออย่างพิถีพิถัน และนำไปบดละเอียดด้วยหินบดจนได้ผงละเอียดสีเขียวสดใส
รสชาติ มีรสชาติที่นุ่มนวล กลมกล่อม หอมหวาน มีความขมน้อย และมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์
การใช้งาน เหมาะสำหรับใช้ในพิธีชงชาแบบดั้งเดิม หรือชงดื่มแบบเพียวๆ เพื่อสัมผัสรสชาติที่แท้จริงของมัทฉะ
ราคา ราคาสูงที่สุดเมื่อเทียบกับมัทฉะเกรดอื่น ๆ
2. มัทฉะเกรดประจำวัน (Daily Grade)
- คุณภาพ เป็นมัทฉะที่มีคุณภาพรองลงมาจากเกรดพิธีกรรม ผลิตจากใบชาที่เก็บเกี่ยวในช่วงที่สองของฤดูใบไม้ผลิ มีสีเขียวเข้มกว่าเล็กน้อย
- รสชาติ รสชาติเข้มข้นกว่า มีความขมเล็กน้อย แต่ยังคงความหอมหวานอยู่
- การใช้งาน เหมาะสำหรับใช้ชงดื่มในชีวิตประจำวัน หรือนำไปทำเครื่องดื่มต่าง ๆ เช่น มัทฉะลาเต้ มัทฉะแฟรบเป้
- ราคา ราคาสูงกว่าเกรดทำอาหาร แต่ถูกกว่าเกรดพิธีกรรม
3. มัทฉะเกรดอาหาร (Culinary Grade)
- คุณภาพ เป็นมัทฉะที่มีคุณภาพต่ำที่สุด ผลิตจากใบชาที่เก็บเกี่ยวในช่วงปลายของฤดูใบไม้ผลิ มีสีเขียวเข้ม รสชาติขม และมีกลิ่นหอมน้อย
- รสชาติ รสชาติขมและฝาด เหมาะสำหรับนำไปผสมในอาหารหรือขนมต่าง ๆ เพื่อให้มีกลิ่นและรสชาติของมัทฉะ
- การใช้งาน เหมาะสำหรับใช้ทำขนมและอาหารต่าง ๆ เช่น เค้กมัทฉะ ไอศกรีมมัทฉะ หรือนำไปผสมในเครื่องดื่มอื่น ๆ
- ราคา ราคาถูกที่สุด
3. การเลือกมัทฉะให้ตอบโจทย์
การเลือกมัทฉะขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล จุดประสงค์ในการใช้งาน และงบประมาณ หากต้องการดื่มมัทฉะแบบดั้งเดิม ควรเลือกมัทฉะเกรดพิธีกรรม หากต้องการทำเครื่องดื่มต่าง ๆ ควรเลือกมัทฉะเกรดประจำวัน หรือหากต้องการทำขนมและอาหารต่าง ๆ ควรเลือกมัทฉะเกรดอาหาร
4. โทษของมัทฉะ หากบริโภคในปริมาณที่มากเกินไป
แม้ว่ามัทฉะจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย แต่การบริโภคมัทฉะในปริมาณที่มากเกินไป ก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้เช่นกัน
- ผลกระทบจากคาเฟอีน: มัทฉะมีคาเฟอีน ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการกระวนกระวาย วิตกกังวล นอนไม่หลับ หัวใจเต้นเร็ว หรือปวดศีรษะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่ไม่คุ้นชินกับคาเฟอีน
- ปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร: การดื่มมัทฉะในปริมาณมากอาจทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย หรือท้องผูกได้
- การดูดซึมธาตุเหล็ก: สารประกอบในมัทฉะอาจรบกวนการดูดซึมธาตุเหล็กในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้หญิงที่มีประจำเดือน ผู้ที่ตั้งครรภ์ หรือผู้ที่มีภาวะขาดธาตุเหล็ก
- ผลกระทบต่อยาบางชนิด: มัทฉะอาจมีปฏิกิริยากับยาบางชนิด เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด หรือยาสำหรับโรคหัวใจ
- สารปนเปื้อน: มัทฉะบางชนิดอาจมีสารปนเปื้อน เช่น สารตะกั่ว หรือยาฆ่าแมลง
5. มัทฉะ กับ ชาเขียว ต่างกันอย่างไร
มัทฉะและชาเขียวมาจากต้นชาเดียวกัน แต่มีความแตกต่างกันในเรื่องของวิธีการผลิต รสชาติ และคุณประโยชน์
วิธีการผลิต
- ชาเขียว: ทำจากการนำใบชามาอบแห้งหรือคั่ว
- มัทฉะ: ทำจากการนำใบชาที่ปลูกในร่มเงามาบดเป็นผงละเอียด
รสชาติ
- ชาเขียว: มีรสชาติหลากหลาย ขึ้นอยู่กับชนิดของชาเขียว บางชนิดมีรสขม บางชนิดมีรสหวาน
- มัทฉะ: มีรสชาติเข้มข้น หวานอมขมเล็กน้อย และมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์
คุณประโยชน์
- ชาเขียว: มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ
- มัทฉะ: มีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าชาเขียว มี L-theanine ช่วยให้ผ่อนคลายและมีสมาธิ และมีคาเฟอีนช่วยให้ตื่นตัว
มัทฉะและชาเขียวมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่มีความแตกต่างกันในเรื่องของรสชาติและวิธีการผลิต ซึ่งหลายคนมักสงสัยว่าระหว่าง ชาเขียว กับ มัทฉะ อันไหนดีกว่ากัน การตัดสินว่าชาเขียวหรือมัทฉะดีกว่ากันนั้น ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลและจุดประสงค์ในการดื่มชา เพราะชาทั้งสองชนิดมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป
- ถ้าชอบรสชาติที่หลากหลาย ดื่มง่าย และราคาไม่แพง ชาเขียวเป็นตัวเลือกที่ดี
- ถ้าต้องการสารอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระสูง ต้องการความผ่อนคลายและสมาธิ
- หรือต้องการนำไปทำเครื่องดื่มและขนม มัทฉะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
6. โฮจิฉะ กับ มัทฉะ ต่างกันอย่างไร
หลายคนอาจจะยังสับสนว่า มัทฉะ กับ โฮจิฉะ ต่างกันอย่างไร ทั้งที่ชื่อก็ดูคล้าย ๆ กัน วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยเกี่ยวกับชาเขียวทั้งสองชนิดนี้ให้กระจ่าง
มัทฉะ (Matcha)
- ผลิตจาก ใบชาเขียวที่ปลูกในร่มเงา ก่อนเก็บเกี่ยวจะถูกคลุมด้วยผ้าเพื่อลดการสังเคราะห์แสง ทำให้ใบชามีสีเขียวเข้มและมีสารคลอโรฟิลล์สูง จากนั้นนำใบชาไปนึ่ง อบแห้ง และบดเป็นผงละเอียด
- รสชาติ มีรสชาติเข้มข้น หวานอมขมเล็กน้อย มีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์
- สี สีเขียวสดใส
- การใช้งาน นิยมนำมาชงเป็นเครื่องดื่ม เช่น มัทฉะลาเต้ หรือใช้เป็นส่วนผสมในขนมต่าง ๆ
โฮจิฉะ (Hojicha)
- ผลิตจาก ใบชาเขียวที่ผ่านการคั่ว ทำให้มีสีน้ำตาลอ่อน
- รสชาติ มีรสชาติอ่อนโยน หอมกลิ่นคั่ว มีความขมน้อยกว่ามัทฉะ
- สี สีน้ำตาลอ่อน
- การใช้งาน นิยมนำมาชงเป็นเครื่องดื่ม หรือใช้เป็นส่วนผสมในขนม
7. วิธีชงชาเขียวมัทฉะลดความอ้วน
การชงชาเขียวมัทฉะเพื่อลดความอ้วนมีหลายวิธี แต่ละวิธีก็มีเคล็ดลับและข้อควรระวังที่แตกต่างกันไป ซึ่งวิธีชงชาเขียวมัทฉะที่ได้รับความนิยม และมีส่วนในการลดน้ำหนัก ดังนี้
1. มัทฉะลาเต้สูตรลดน้ำหนัก
- ส่วนผสม:
1. ผงมัทฉะ 1-2 ช้อนชา
2. น้ำร้อน 60 มล.
3. นมสดพร่องมันเนย หรือนมทางเลือกอื่นๆ (เช่น นมอัลมอนด์ นมโอ๊ต) 180 มล.
4. หญ้าหวาน หรือสารให้ความหวานอื่น ๆ เล็กน้อย (ถ้าต้องการ)
- วิธีทำ:
1. อุ่นชามมัทฉะด้วยน้ำร้อน แล้วเทน้ำทิ้ง
2. ร่อนผงมัทฉะลงในชามมัทฉะ เพื่อไม่ให้ผงมัทฉะจับตัวเป็นก้อน
3. เทน้ำร้อนลงในชามมัทฉะ แล้วใช้แปรงไม้ไผ่ (chashaku) ตีผงมัทฉะให้ละลายจนเกิดฟอง
4. อุ่นนมสดพร่องมันเนย หรือนมทางเลือกอื่น ๆ ให้ร้อน
5. เทนมที่อุ่นแล้วลงในแก้ว แล้วเทมัทฉะที่ตีไว้ตามลงไป
6. เติมหญ้าหวาน หรือสารให้ความหวานอื่น ๆ เล็กน้อย (ถ้าต้องการ)
7. คนให้เข้ากัน พร้อมดื่ม
2. มัทฉะเพียว ๆ
- ส่วนผสม:
1. ผงมัทฉะ 1-2 ช้อนชา
2. น้ำร้อน 60 มล.
- วิธีทำ:
1. อุ่นชามมัทฉะด้วยน้ำร้อน แล้วเทน้ำทิ้ง
2. ร่อนผงมัทฉะลงในชามมัทฉะ เพื่อไม่ให้ผงมัทฉะจับตัวเป็นก้อน
3. เทน้ำร้อนลงในชามมัทฉะ แล้วใช้แปรงไม้ไผ่ (chashaku) ตีผงมัทฉะให้ละลายจนเกิดฟอง
ยกดื่มได้ทันที
มัทฉะเป็นเครื่องดื่มที่อร่อยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แถมยังสามารถนำไปทำได้หลากหลายเมนู ทำให้มัทฉะเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน แต่อย่าลืมดูแลสุขภาพตัวเองในด้านอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน ทั้งออกกำลังกาย กินอาหารให้มีประโยชน์ ตรวจสุขภาพประจำปีไม่ให้ขาด ที่สำคัญ อย่าลืมวางแผนเรื่องสุขภาพไว้ก่อน เพราะไม่รู้ว่าเราจะป่วยตอนไหน เพราะหากเจ็บป่วยขึ้นมาค่ารักษาอาจบานปลาย ก็สามารถซื้อประกันสุขภาพเหมาจ่าย จากเมืองไทยประกันชีวิต ที่ดูแลค่ารักษา ตั้งแต่ 2 แสน - 100 ล้านบาท เจ็บป่วยก็เบาใจกับค่ารักษา
รายละเอียดเพิ่มเติม
☑️ โทร.1766 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
☑️ ติดต่อตัวแทนประกันชีวิต
- โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย
ที่มา : สืบค้นเมื่อวันที่ 17/02/68
🔖 sanook
🔖 trueid