ตรุษจีน 2568 ต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง เรารวบตึงมาให้แล้ว
เตรียมตัวให้พร้อมไหว้ วันตรุษจีน 2568 หรือวันปีใหม่ของชาวไทยเชื้อสายจีน ยังไงให้ชีวิตปัง ไม่ว่าจะเป็น การเตรียมของไหว้ตรุษจีนที่ขาดไม่ได้ วิธีการจัดโต๊ะไหว้ สีมงคล ตรุษจีน รวมถึงข้อห้าม หรือข้อควรปฏิบัติที่ช่วยเสริมให้ชีวิตรุ่งเรือง ถ้าหากพร้อมแล้วมาเตรียมตัวไปด้วยกัน และเช็กกันเลยว่า วันไหนเป็นวันไหว้ วันจ่าย และวันเที่ยว
- วันตรุษจีน 2568 ตรงกับวันไหน
- ของไหว้ตรุษจีน 2568 ที่ขาดไม่ได้ มีอะไรบ้าง
- เคล็ดลับ ตรุษจีน สีมงคล จัดโต๊ะไหว้ เสริมความเฮง
- อาหารติดคอ รอไม่ได้ พร้อมวิธีปฐมพยาบาล
วันตรุษจีน 2568 ตรงกับวันไหน
สำหรับ ตรุษจีน 2568 ถือเป็นเทศกาลสําคัญของทั้งคนจีนแผ่นดินใหญ่ คนไทยเชื้อสายจีน และคนจีนทั่วโลก วันนี้เรารวมข้อมูลวันตรุษจีน เพื่อเตรียมตัวสำหรับ วันจ่าย วันไหว้ วันเที่ยว ตรงกับวันไหน
วันจ่าย ตรงกับ วันจันทร์ที่ 27 มกราคม 2568
เป็นวันที่ชาวไทยเชื้อสายจีนจะต้องไปซื้ออาหารผลไม้ และเครื่องเซ่นไหว้ต่าง ๆ
วันไหว้ ตรงกับ วันอังคารที่ 28 มกราคม 2568
เป็นวันที่ทุกคนจะทำการไหว้เทพเจ้าต่าง ๆ ด้วยอาหาร ผลไม้ และเครื่องเซ่นไหว้ต่าง ๆ ที่ซื้อเตรียมไว้ก่อนหน้านี้
- ตอนเช้ามืดจะไหว้ "ป้ายเล่าเอี๊ย" เป็นการไหว้เทพเจ้าต่าง ๆ เครื่องไหว้คือ เนื้อสัตว์สามอย่าง (ซาแซ ซำเช้ง) ได้แก่ หมู เป็ด ไก่ หรือเพิ่มตับ ปลา เป็นเนื้อสัตว์ห้าอย่าง (โหงวแซ) เหล้า น้ำชา และกระดาษเงินกระดาษทอง
- ตอนสาย จะไหว้ "ป้ายแป๋บ้อ" คือการไหว้บรรพบุรุษ พ่อแม่ญาติพี่น้องที่ถึงแก่กรรมไปแล้ว เป็นการแสดงความกตัญญูตามคติจีน การไหว้ครั้งนี้จะไหว้ไม่เกินเที่ยง เครื่องไหว้จะประกอบด้วย ซาแซ อาหารคาวหวาน (ส่วนมากจะทำตามที่ผู้ที่ล่วงลับเคยชอบ) รวมทั้งการเผากระดาษเงินกระดาษทอง เสื้อผ้ากระดาษเพื่ออุทิศแก่ผู้ล่วงลับ หลังจากนั้น ญาติพี่น้องจะมารวมกันรับประทานอาหารที่ได้เซ่นไหว้ไปเป็นสิริมงคล และถือเป็นเวลาที่ครอบครัวหรือวงศ์ตระกูลจะรวมตัวกันได้มากที่สุด จะแลกเปลี่ยนอั่งเปาหลังจากรับประทานอาหารร่วมกันแล้ว
- ตอนบ่าย จะไหว้ "ป้ายฮ่อเฮียตี๋" เป็นการไหว้ผีพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว เครื่องไหว้จะเป็นพวกขนมเข่ง ขนมเทียน เผือกเชื่อมน้ำตาล กระดาษเงินกระดาษทอง พร้อมทั้งมีการจุดประทัดเพื่อไล่สิ่งชั่วร้าย และเพื่อเป็นสิริมงคล
วันเที่ยว ตรงกับ วันพุธที่ 29 มกราคม 2568
เป็นวันที่ทุกคนพากันออกไปท่องเที่ยว และแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สวยงาม ไปไหว้ขอพรญาติผู้ใหญ่ พร้อมทั้งถือเคล็ดต่าง ๆ ตามธรรมเนียม เช่น
- ห้ามทะเลาะเบาะแว้ง ห้ามร้องไห้ ห้ามพูดคำหยาบ
- ห้ามทำความสะอาดบ้าน
- ห้ามซักเสื้อผ้า
- ห้ามทำของแตก หากมีของแตกในบ้านต้องนำไปทิ้งทันที
- ห้ามใช้ของมีคม เช่น มีด กรรไกร
- ห้ามให้คนอื่นเข้าไปในห้องนอนวันตรุษจีน
- ห้ามยืมเงินหรือให้คนอื่นยืมเงิน
ของไหว้ตรุษจีน ที่ขาดไม่ได้ มีอะไรบ้าง
ในส่วนของไหว้วันตรุษจีนที่ใช้ใน เทศกาลตรุษจีน 2568 มีด้วยกันหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์ที่ใช้ในการไหว้ อาหาร ขนม และผลไม้ ซึ่งล้วนเป็นของที่มีความหมาย มีมงคล และอร่อยอีกด้วย แต่ทั้งนี้ขอแอบกระซิบผู้ที่ชื่่นชอบอาหาร และขนมในเทศกาลตรุษจีนนี้ไว้ว่า หากกินไม่ระวัง หรือกินมากเกินไปอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายได้เช่นกัน ดังนั้นเรามาดูกันว่าของไหววันตรุษจีนจะมีอะไรบ้าง
อุปกรณ์ไหว้วันตรุษจีน
- เทียนแดงขาไม้ จํานวน 1 คู่ เพื่อบูชาเทพเจ้า และบรรพบุรุษ
- ธูป 5 ดอก สําหรับไหว้เทพเจ้า, 3 ดอก สำหรับบรรพบุรุษที่เสียชีวิตนานแล้ว และ 1 ดอก สำหรับบรรพบุรุษที่เพิ่งเสียชีวิต
- ประทัด ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย และสิ่งอัปมงคลให้ออกไป
- กระดาษเงินกระดาษทอง หรือ “อ่วงแซจิ่ว” เป็นกระดาษสีเหลืองเขียนด้วยตัวอักษรจีนสีแดง เป็นใบเบิกทางไปสู่สวรรค์ ดังนั้น ต้องเผาเป็นอันดับแรก
- แบงก์กงเต็ก
- กิมเตี๊ยว แท่งทองที่ใช้ไหว้บรรพบุรุษ
อาหารไหว้ตรุษจีน
- สามารถแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ “ซาแซ” และ “โหงวแซ”
- ซาแซ คือการไหว้ 3 อย่าง ประกอบด้วย หมู ไก่ และเป็ด
- โหงวแซ คือการไหว้ 5 อย่าง ประกอบด้วย หมู ไก่ เป็ด ปลา และตับ
- เครื่องดื่ม น้ำชาหรือเหล้า จํานวน 5 จอก หรือ 5 ถ้วย
ขนมไหว้ตรุษจีน
- ต้องจัดจํานวนให้ตามของของคาวที่ไหว้ ซาแซ จะจัดขนมไหว้ 3 อย่าง และโหงวแซ จะจัดขนมไหว้ 5 อย่าง
- ขนมเข่ง และ ขนมเทียน หมายถึง ชีวิตราบรื่น
- ซาลาเปา หมายถึง การห่อโชคห่อลาภ
- ขนมไข่ หมายถึง การเจริญเติบโต
- ขนมสาลี่ และ ขนมถ้วยฟู หมายถึง ความเจริญรุ่งเรื่อ
- จันอับ หรือ ขนมแห้ง 5 อย่าง ได้แก่ ถั่วเคลือบ ถั่วตัด งาตัด ข้าวพอง และฟักเชื่อม หมายถึง ความหวานที่เพิ่มพูน ความเจริญงอกงาม มีความสุขตลอดปี
ผลไม้ไหว้ตรุษจีน
- ส่วนใหญ่จะเตรียม 5 อย่าง ที่มีความหมายมงคล
- ส้ม หมายถึง โชคลาภ
- กล้วย หมายถึง กวักโชคกวักลาภเข้ามา, ลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง
- องุ่น หมายถึง ความเจริญงอกงาม
- สับปะรด หมายถึง เรียกโชคลาภเข้าตัว
- สาลี่ หมายถึง ความราบรื่น และสิ่งที่ดีงามมาถึง
- แอปเปิล หมายถึง ความสงบสุข สันติสุข
เคล็ดลับ ตรุษจีน สีมงคล จัดโต๊ะไหว้ เสริมความเฮง
เมื่อตระเตรียมอุปกรณ์สำหรับไหว้ รวมถึงอาหารคาว และของหวานกันเรียบร้อยแล้ว การจัดวางโต๊ะไหว้ และสีมงคล ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อเสริมความปัง ความเฮง ๆ ในเทศกาลวันตรุษจีน
วิธีจัดโต๊ะไหว้ตรุษจีน
การจัดโต๊ะถือเป็นการเอาฤกษ์เอาชัยรับปีใหม่จีนอย่างถูกต้อง และถูกหลักธรรมเนียมปฏิบัติ โดยวิธีการจัดโต๊ะไหว้จะมีอยู่ 9 ตำแหน่งด้วยกัน ซึ่งเชื่อกันว่าหากครอบครัวใดมีการเตรียมของไหว้ และจัดโต๊ะไหว้อย่างถูกหลักจะเสริมความเฮงให้กับชีวิต
- ตั้งโต๊ะไหว้ไว้หน้าเทวรูป หรือแท่นบูชา
- วางกระถางธูปไว้ตรงหน้าเทวรูป หรือแท่นบูชา ถือเป็นสิ่งสำคัญ
- ประดับด้านข้างกระถางธูปทั้ง 2 ข้างด้วยเชิงเทียน หรือแจกันดอกไม้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความเจริญงอกงาม
- แถวต่อมาให้วางถ้วยข้าวจำนวน 3 หรือ 5 ถ้วย และตักข้าวให้พูนถ้วย เพราะหมายถึงความอุดมสมบูรณ์
- แถวต่อมาจากแถววางข้าว ให้วางถ้วยน้ำชา หรือถ้วยเหล้า
- สำหรับแถวถัดมาจากถ้วยน้ำชา ให้วางถ้วยน้ำดื่ม และควรมีจำนวนเท่ากับถ้วยน้ำชา หรือถ้วยเหล้าที่วาง
- ต่อมาให้วางของคาว กับข้าว หรือซาแซ-โหงวแซ เช่นไก่ เป็ด ปลา หมู ปลาหมึก ตับ ปลาหมึกแห้ง ซาลาเปา (ถ้าไหว้บรรพบุรุษด้วยควรเพิ่มกับข้าวที่มีน้ำซุปเป็นส่วนประกอบ)
- ถัดไปคือของหวาน หรือผลไม้ ส่วนขนมไหว้มีทั้งขนมเข่ง ขนมถ้วยฟู สาลี่ ขนมไข่ ขนมเทียน เป็นต้น ซึ่งจำนวนที่จัดมักเท่ากับจำนวนของคาวที่ไหว้
- สิ่งที่วางเป็นอันดับสุดท้ายคือกระดาษเงิน กระดาษทอง
สีมงคลวันตรุษจีน 2568
การสวมเสื้อสีสันสดใสก็เป็นอีกหนึ่งที่ช่วยเสริมความเฮง ๆ ปัง ๆ ในเทศกาลตรุษจีน ซึ่งจะมีสีอะไรบ้างที่ควรใส่ สำหรับ ตรุษจีน สีมงคล ที่ควรใส่มาดูไปพร้อม ๆ กัน
- สีแดง : สีแดงเป็นสีของธาตุไฟ สื่อถึงความรุ่งโรจน์ ร่ำรวยเงินทอง และความสุข
- สีชมพู : สื่อถึงความหมายที่ดี เช่น สื่อถึงความอ่อนโยน ความเบิกบาน ความอบอุ่น รวมไปถึงความงดงาม
- สีเหลือง : สีเหลืองเป็นสีของธาตุดิน สื่อถึงความอุดมสมบูรณ์ ความมั่นคง ความเจริญรุ่งเรือง ความหวัง
- สีม่วง : สื่อถึงความมงคล ได้แก่ สีม่วง เนื่องจากสื่อถึงอำนาจบารมี ความมั่นคง ความหนักแน่น
- สีเขียวอมน้ำเงิน : สีของธาตุไม้ สื่อถึงความสดชื่น ความเจริญเติบโตก้าวหน้า การเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่ที่ดีกว่า
- สีทอง : สีทองเป็นสีที่สื่อถึงความสมบูรณ์ ความหวัง เป็นสัญลักษณ์แห่งความร่ำรวย
ส่วนสีต้องห้ามที่ควรหลีกเลี่ยงในวันตรุษจีน คือ สีดำ สีขาว เนื่องจากเป็นสีที่สื่อถึงความตาย ลางร้าย รวมถึงการไว้ทุกข์
อาหารติดคอ รอไม่ได้ พร้อมวิธีปฐมพยาบาล
สำหรับเทศกาลตรุษจีน ถือเป็นอีกช่วงเวลาที่ครอบครัวได้มีโอกาสมาพบหน้ากันทั้งเด็ก และผู้สูงอายุ ได้นั่งกินอาหารร่วมกัน แต่หากกินไม่ระมัดระวังอาจเกิดการสำลักอาหารจนไปอุดกั้นหลอดลมส่งผลให้หายใจไม่ออก ซึ่งหากไม่ได้รับการปฐมพยาบาลได้อย่างทันท่วงที อาจอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้นเรามาลองดูวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นกันก่อนได้เลย
วิธีสังเกตุอาการ
หากมีอาการเหมือนอาหารติดคอ ให้ลองสังเกตอาการดูว่ายังสามารถไอหรือพูดได้อยู่ไหม
- ของติดคอชนิดไม่รุนแรง : หายใจได้ ไอได้ หรือพูดได้ อาหารอาจไปอุดกั้นทางเดินหายใจบางส่วน
- ของติดคอชนิดรุนแรง : มีอาการหายใจไม่ออก พูด หรือร้องไม่มีเสียง มีอาการหน้าเขียว ปลายมือเท้าเขียว ต้องรีบทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
วิธีปฐมพยาบาลเมื่ออาหารติดคอ
- เด็กโต และผู้ใหญ่ : ใช้วิธีรัดกระตุกหน้าท้อง
- เด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี : ตบหลัง 5 ครั้ง แล้วกดหน้าอก 5 ครั้ง (คำเตือน! ห้ามใช้วิธีรัดกระตุกที่หน้าท้องของเด็กทารกโดยเด็ดขาด)
กรณีผู้ป่วยหมดสติหรือไม่รู้สึกตัว
- ให้จับผู้ป่วยนอนหงาย กดหน้าอกนวดหัวใจ ช่วยหายใจ เปิดปากนำสิ่งแปลกปลอมออกมา
หากไม่แน่ใจวิธีปฐมพยาบาลให้รีบแจ้งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด หรือโทร 1669
วันตรุษจีน 2568 เป็นเทศกาลสำคัญที่หลายคนรอคอย และได้พบหน้ากับครอบครัวกันอย่างพร้อมเพรียง พร้อมทำกิจกรรมไหว้บรรพบุรุษร่วมกัน เพื่อเสริมสร้างความเป็นสิริมงคลให้กับการใช้ชีวิตในปี 2568 เฮง เฮง รวย รวย สุขภาพแข็งแรงตลอดทั้งปี แต่อย่าลืมเสริมความมั่นใจให้กับสุขภาพด้วยประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย จากเมืองไทยประกันชีวิต
ที่มา : สืบค้นเมื่อวันที่ 26/01/67
🔖 thairath (ข้อมูล ณ วันที่ 24/01/67)
🔖 tnnthailand (ข้อมูล ณ วันที่ 14/01/67)
🔖prachachat (ข้อมูล ณ วันที่ 22/01/67)