Loading...

กำลังโหลดหน้าเว็บไซต์
รอสักครู่น้า Loading...

ถ่ายเหลวแบบนี้ไม่ปกติ! เช็กสัญญาณอหิวาตกโรค ก่อนเสี่ยง

ถ่ายเหลวแบบนี้ไม่ปกติ! เช็กสัญญาณอหิวาตกโรค ก่อนเสี่ยง

อหิวาตกโรค (Cholera) คือโรคติดเชื้อที่หลายคนอาจมองข้าม แต่อันตรายถึงชีวิต โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อนจัด หรือ หลังน้ำท่วม ซึ่งเป็นช่วงที่เชื้อโรคแพร่กระจายได้ง่าย วันนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับโรคร้ายชนิดนี้ ทั้งสาเหตุ อาการ และวิธีป้องกัน เพื่อให้คุณ ปลอดภัยจากโรคอันตรายที่เราสามารถรับมือได้หากรู้เท่าทัน


ยาวไปเลือกอ่านตามหัวข้อได้นะ




อหิวาตกโรค คืออะไร ทำไมถึงเสี่ยงเสียชีวิต


อหิวาตกโรค คืออะไร ทำไมถึงเสี่ยงเสียชีวิต


อหิวาตกโรค (Cholera) คือโรคติดเชื้อที่มีต้นเหตุจากแบคทีเรียชื่อ วิบริโอ โคเลอรี (Vibrio cholerae) มักแพร่กระจายผ่านการบริโภคน้ำ หรือ อาหารที่ปนเปื้อนเชื้อ เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกาย จะก่อให้เกิดอาการท้องเสียรุนแรง ลักษณะถ่ายเหลวเป็นน้ำ ร่วมกับอาการอาเจียนอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ร่างกายสูญเสียน้ำ และเกลือแร่อย่างรวดเร็ว หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจเกิดภาวะขาดน้ำรุนแรงถึงขั้นช็อก และอาจเสียชีวิตได้ในเวลาอันสั้น


โรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกกลุ่มอายุ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีระบบสุขาภิบาลไม่ดี การแพร่ระบาดของโรคมักเกี่ยวข้องกับการดูแลสุขอนามัยที่ไม่รัดกุม เช่น การไม่ล้างมือให้สะอาด การปรุง หรือ รับประทานอาหารโดยไม่คำนึงถึงความสะอาด ไปจนถึงการดื่มน้ำที่ไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างเหมาะสม


นอกจากนี้ อหิวาตกโรคยังสามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วในชุมชนที่มีความแออัด หรือ ในพื้นที่ประสบภัยพิบัติที่ขาดแคลนน้ำสะอาด และบริการด้านสาธารณสุข เช่น ค่ายผู้ลี้ภัย หรือ เขตที่ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งเอื้อต่อการแพร่เชื้อผ่านสิ่งแวดล้อม


ถึงแม้ว่าในบางกรณีผู้ติดเชื้อจะไม่มีอาการ หรือ มีอาการเพียงเล็กน้อย แต่ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือ ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง มักมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้ในเวลาไม่นาน หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที


ด้วยเหตุนี้ การรู้เท่าทันอหิวาตกโรคจึงเป็นเรื่องสำคัญ ในการดูแลสุขภาพ และสุขอนามัย ทั้งในแง่ของการป้องกันตัวเอง และลดการแพร่ระบาดของโรคในวงกว้าง โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน หรือ การเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยง หรือ อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วย



สาเหตุของอหิวาตกโรค


สาเหตุของอหิวาตกโรค


อหิวาตกโรคเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า วิบริโอ โคเลอรี (Vibrio cholerae) ซึ่งมักพบในแหล่งน้ำ อาหารบางชนิดที่ปนเปื้อนสิ่งปฏิกูล หรือ อุจจาระที่ปนเปื้อนเชื้ออยู่ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีระบบสุขาภิบาลไม่ดี หรือ มีการจัดการของเสียไม่ถูกสุขลักษณะ เช่น การขับถ่ายในที่โล่ง การทิ้งขยะ หรือ สิ่งปฏิกูลลงแหล่งน้ำ ทำให้เชื้อแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งการติดเชื้อสามารถเกิดขึ้นได้จากการบริโภคอาหารหรือ เครื่องดื่มที่ไม่สะอาด


  • น้ำดื่มที่ไม่สะอาด
  • อาหารที่ไม่ได้ปรุงสุกใหม่
  • อาหารทะเล โดยเฉพาะอาหารทะเลจำพวกหอยที่อาจมีการปนเปื้อนจากแหล่งน้ำ หากนำมารับประทานแบบดิบ หรือ กึ่งสุกกึ่งดิบ ก็อาจทำให้ร่างกายได้รับเชื้อได้
  • ผัก และผลไม้สดที่ไม่ได้ปอกเปลือก เนื่องจากผักผลไม้เหล่านี้อาจมีกระบวนการปลูกโดยใช้ปุ๋ยคอก ทำให้สามารถเกิดการปนเปื้อนของเชื้อได้
  • สัมผัสกับอุจจาระที่ปนเปื้อนเชื้อ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ระบบสุขาภิบาลแย่ เช่น มีการขับถ่ายกลางแจ้ง และแหล่งน้ำที่ปนเปื้อน สาเหตุเหล่านี้เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดโรคอหิวาตกโรคได้


การรู้จักแหล่งที่มาของเชื้อ และวิธีการแพร่กระจายจึงเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันตนเอง และคนรอบข้างจากโรคอันตรายชนิดนี้



อาการของอหิวาตกโรค


อาการของอหิวาตกโรค


อหิวาตกโรคสามารถเป็นได้ตั้งแต่การไม่แสดงอาการเลย ไปจนถึงอาการที่รุนแรงถึงชีวิต โดยส่วนใหญ่ผู้ติดเชื้อจะเริ่มแสดงอาการภายใน 12 ชั่วโมง ถึง 5 วัน หลังจากรับประทานอาหาร หรือ น้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ Vibrio cholerae เข้าไป


  • อาการที่พบได้บ่อย
    • ท้องร่วงรุนแรง ลักษณะอุจจาระเป็นน้ำใสคล้ายน้ำซาวข้าว บางครั้งมีเกล็ดสีขาวซึ่งเป็นเยื่อบุลำไส้ปนอยู่ และอาจมีกลิ่นเหม็นคาว
    • คลื่นไส้ และอาเจียน โดยมักเกิดในระยะแรกของโรค และเป็นอีกช่องทางที่ร่างกายสูญเสียน้ำ และเกลือแร่
    • ถ่ายเหลวบ่อยครั้ง ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำอย่างรวดเร็ว
    • อาการขาดน้ำ เช่น ปากแห้ง ผิวแห้ง ตาโหล กระหายน้ำ ปัสสาวะน้อยลง ความดันโลหิตต่ำ หัวใจเต้นเร็ว หรือ เต้นผิดจังหวะ อารมณ์แปรปรวน หรือ รู้สึกอ่อนเพลียอย่างมาก


  • ในกรณีที่อาการรุนแรง ผู้ป่วยอาจมีภาวะ
    • ร่างกายเกิดภาวะไม่สมดุลของอิเล็กโทรไลต์ (Electrolyte imbalance) ซึ่งอาจทำให้เกิดตะคริว ชัก หรือ หัวใจเต้นผิดจังหวะ
    • ภาวะช็อก (Shock) จากความดันโลหิต และระดับออกซิเจนในเลือดลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นภาวะที่อันตรายถึงชีวิต
    • ในเด็ก อาจเกิด ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia) จากการสูญเสียน้ำ และรับประทานอาหารไม่ได้ ส่งผลให้เด็กมีอาการซึม ชัก หรือ หมดสติ



  • อาการอื่น ๆ ที่อาจพบร่วมกับอหิวาตกโรค


นอกจากอาการถ่ายเหลวแบบรุนแรง และต่อเนื่อง ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของอหิวาตกโรคแล้ว ผู้ป่วยยังอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย โดยเฉพาะอาการที่เกิดจากภาวะขาดน้ำ และเกลือแร่อย่างรวดเร็วจากการถ่ายอุจจาระเหลว และอาเจียนบ่อย ซึ่งอาจแสดงอาการได้หลากหลาย เช่น


    • ปวดท้องแบบบีบ ๆ คล้ายการบิดเกร็ง
    • กระหายน้ำมากผิดปกติ
    • ปากและคอแห้ง ผิวหนังแห้งจนสามารถจับแล้วตั้งเป็นรอย
    • รอบดวงตาคล้ำ และลึกโบ๋อย่างเห็นได้ชัด
    • ในเด็กเล็กอาจสังเกตได้จากการร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา หรือ มีกระหม่อมบุ๋ม
    • ปัสสาวะน้อยลง สีเข้มมาก หรือ ไม่ถ่ายปัสสาวะเลย
    • รู้สึกเหนื่อยง่าย อ่อนเพลียรุนแรง
    • หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ หรือ ชีพจรเต้นเร็ว
    • ความดันโลหิตลดต่ำ
    • หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที อาจเข้าสู่ภาวะช็อก และโคม่าในที่สุด


อาการเหล่านี้ถือเป็นสัญญาณอันตรายที่ต้องรีบไปพบแพทย์โดยด่วน เพราะภาวะขาดน้ำอย่างรุนแรงอาจส่งผลให้เสียชีวิตได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงหากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม




 วิธีป้องกันอหิวาตกโรค



วิธีป้องกันอหิวาตกโรค


โรคอหิวาตกโรคเป็นโรคติดต่อทางเดินอาหารที่สามารถป้องกันได้ หากมีการเตรียมตัว และปฏิบัติตามสุขอนามัยอย่างเหมาะสม เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ ด้วยการดูแลตนเองดังนี้


  • ล้างมือให้สะอาด ทั้งก่อนรับประทานอาหาร หลังเข้าห้องน้ำ และหลังสัมผัสสิ่งสกปรก หากไม่มีน้ำสะอาด และสบู่ ให้ใช้เจลแอลกอฮอล์เป็นทางเลือกชั่วคราว

  • ดื่มน้ำสะอาด ที่ผ่านการต้มเดือด หรือ ผ่านระบบกรองที่ได้มาตรฐาน หลีกเลี่ยงน้ำแข็งที่ผลิตจากน้ำไม่สะอาด

  • รับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ สะอาด หลีกเลี่ยงอาหารดิบ หรือ กึ่งสุกกึ่งดิบ เช่น ปลาดิบ อาหารทะเล และอาหารที่ขายริมทางในพื้นที่เสี่ยง

  • เลือกรับประทานผลไม้ที่สามารถปอกเปลือกได้ เช่น กล้วย หรือ ส้ม หลีกเลี่ยงผลไม้ที่กินได้ทั้งเปลือก เช่น ฝรั่ง หรือ แอปเปิล

  • ระมัดระวังผลิตภัณฑ์จากนม เช่น นม เนย โยเกิร์ต ควรเลือกชนิดที่ผ่านการพาสเจอร์ไรซ์เท่านั้น

  • กำจัดสิ่งปฏิกูล และขยะให้ถูกสุขลักษณะ ไม่ปล่อยให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์แมลงวัน หรือ สัตว์นำโรค

  • หากเกิดอาการท้องเสีย ควรดื่มน้ำมาก ๆ และดื่ม สารละลายน้ำตาลเกลือแร่ (ORS) เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำ และเกลือแร่ในร่างกาย


ข้อควรปฏิบัติเมื่อเกิดอาการท้องเสีย

  • ให้ผู้ป่วยดื่มน้ำ / น้ำตาลเกลือแร่โออาร์เอส บ่อยครั้ง ให้จำนวนทดแทนเทียบเท่ากับที่เสียไป
  • หากมีอาการมากขึ้น เช่น ถ่ายเหลวบ่อยครั้งมากขึ้น มีมูกเลือด อาเจียน ไข้สูง ชัก หรือ ซึม ควรรีบพาไปพบแพทย์
  • งดอาหารที่มีรสจัด หรือ เผ็ดร้อน หรือ ของหมักดอง



รักษาอหิวาตกโรคอย่างไร?


รักษาอหิวาตกโรคอย่างไร?


แนวทางการรักษาโรคอหิวาตกโรค ที่สำคัญที่สุด คือ

  • การให้น้ำ และเกลือแร่อย่างเพียงพอเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ (มักให้ทางหลอดเลือดดำและการดื่มเท่าที่จะดื่มได้) ซึ่งเมื่อรุนแรงจะส่งผลให้โคม่า และเสียชีวิตได้ภายในระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งบ่อยครั้งการรักษาโดยให้น้ำ และเกลือแร่จำเป็นต้องให้ในโรงพยาบาลโดยเป็นผู้ป่วยใน
  • ร่วมกับการให้ยาผงละลายเกลือแร่ (ORS) ในกรณีที่ผู้ป่วยสามารถบริโภคทางปากได้
  • แพทย์จะพิจารณาให้ยาปฏิชีวนะ เป็นรายผู้ป่วยไป เพราะช่วยให้โรคหายเร็วขึ้น และที่สำคัญช่วยฆ่าเชื้ออหิวาในอุจจาระ จึงลดโอกาสโรคติดต่อไปสู่ผู้อื่น และโอกาสระบาดของโรค


การป้องกันโรคอหิวาตกโรค ไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงต่อตัวเอง แต่ยังมีส่วนสำคัญในการป้องกันการแพร่กระจายของโรคสู่ผู้อื่น หากเริ่มมีอาการ ถ่ายเหลวเฉียบพลัน ร่วมกับอาเจียน ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสม ลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน และหยุดการแพร่เชื้อในวงกว้าง ที่สำคัญอย่าลืมป้องกันความเสี่ยง หากเจ็บป่วยขึ้นมาค่ารักษาอาจบานปลาย ก็สามารถซื้อประกันสุขภาพเหมาจ่ายจากเมืองไทยประกันชีวิต ที่ดูแลค่ารักษา ตั้งแต่ 2 แสน - 100 ล้านบาท เจ็บป่วยก็เบาใจกับค่ารักษา


รายละเอียดเพิ่มเติม

☑️ โทร.1766 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

☑️ ติดต่อตัวแทนประกันชีวิต/ ช่องทางที่ดูแลท่าน


  • โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย


ที่มา : สืบค้นเมื่อวันที่ 10/04/68

🔖 pobpad

🔖 thairath

🔖 สสส.

สนใจแบบประกัน

ข้าพเจ้าตกลงยินยอมให้ บมจ. เมืองไทยประกันชีวิต เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้นของข้าพเจ้าเพื่อติดต่อข้าพเจ้าในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ ข้าพเจ้าสนใจหรือที่บริษัทฯ เห็นว่าเป็นประโยชน์แก่ ข้าพเจ้าได้โดยข้าพเจ้าให้ถือเอาการทำเครื่องหมาย ในช่องสี่เหลี่ยมเป็นการแสดงเจตนา ยินยอมของข้าพเจ้าแทน การลงลายมือชื่อเป็นหลักฐาน ทั้งนี้ ก่อนการแสดงเจตนาดังกล่าวข้างต้น ข้าพเจ้าได้อ่านและรับทราบเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัวแล้ว

บทความน่าสนใน