เคล็ดลับรับมือท้องเสียง่าย ๆ ปัญหาโลกแตกที่แก้ได้
ท้องเสียอาหารเป็นพิษ เป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนหรือเมื่อรับประทานอาหารปนเปื้อนเชื้อโรค อาการที่พบบ่อยคือ ท้องเสีย อาเจียน ปวดท้อง บิดเกร็ง เป็นพัก ๆ และคลื่นไส้ ทำให้ร่างกายอ่อนเพลียและขาดน้ำได้ ซึ่งเชื่อได้ว่าทุกคนเคยพบกับประสบการณ์ท้องเสียแบบนี้ ขึ้นอยู่กับอาการว่ารุนแรงมากน้อยแค่ไหน และหากคุณรับมือไม่ไหวกับอาการท้องเสีย เราจะช่วยให้คุณเข้าใจสาเหตุ อาการ และวิธีรับมือเบื้องต้นกัน ตามมาดูกันเลย
ยาวไปเลือกอ่านตามหัวข้อได้นะ
1. สาเหตุของท้องเสีย ที่ทำให้คุณต้องวิ่งเข้าห้องน้ำบ่อย ๆ
2. รู้จักอาการท้องเสียเพื่อรับมืออย่างถูกต้อง
3. วิธีรับมือกับท้องเสียอาหารเป็นพิษ
4. ป้องกันท้องเสีย วิธีง่าย ๆ ที่คุณทำได้เอง
1. สาเหตุของท้องเสีย ที่ทำให้คุณต้องวิ่งเข้าห้องน้ำบ่อย ๆ
ท้องเสียเป็นอาการที่พบได้บ่อย และมักจะทำให้เราไม่สบายตัวเป็นอย่างมาก การรู้จักสาเหตุของท้องเสียจะช่วยให้เราสามารถป้องกันและรักษาได้อย่างถูกต้อง
สาเหตุหลักของท้องเสีย
1. การติดเชื้อ
- แบคทีเรีย เชื้อแบคทีเรียหลายชนิด เช่น ซาลโมเนลลา, อีโคไล, และคัมปิลอบแอกเตอร์ สามารถทำให้เกิดท้องเสียได้ โดยมักพบในอาหารที่ปรุงไม่สุก หรืออาหารที่ปนเปื้อน เช่น เนื้อสัตว์ปีก ไข่ นม และผักสด
- ไวรัส ไวรัสโรต้า และโนโรไวรัส เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดท้องเสีย โดยเฉพาะในเด็กเล็กและผู้สูงอายุ
- ปรสิต ปรสิตบางชนิด เช่น จิ๊ด และอะมีบา สามารถทำให้เกิดท้องเสียได้ โดยมักพบในอาหารหรือน้ำดื่มที่ปนเปื้อน
2. การแพ้อาหาร
- การแพ้อาหารบางชนิด เช่น นมวัว ไข่ ถั่วลิสง และอาหารทะเล อาจทำให้เกิดอาการท้องเสียได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีอาการแพ้อาหารรุนแรง
สามารถอ่านบทความเกี่ยวกับการแพ้อาหารเพิ่มเติมได้ที่ ภาวะแพ้อาหาร อันตรายใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม
3. การใช้ยา
- ยาปฏิชีวนะบางชนิด สามารถทำลายแบคทีเรียที่มีประโยชน์ในลำไส้ ทำให้เกิดอาการท้องเสียได้
- ยาลดกรดบางชนิด ก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงเป็นท้องเสียได้เช่นกัน
4. โรคทางเดินอาหาร
- โรคกระเพาะอักเสบ โรคลำไส้อักเสบ และโรคโครห์น เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบของทางเดินอาหาร และอาจทำให้เกิดอาการท้องเสียได้
สามารถอ่านบทความเกี่ยวกับโรคทางเดินอาหารเพิ่มเติมได้ที่
5. ความเครียด
- ความเครียด สามารถส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหาร ทำให้เกิดอาการท้องเสียได้
6. การแพ้ยา
- การแพ้ยาบางชนิด เช่น ยาปฏิชีวนะ อาจทำให้เกิดอาการท้องเสียได้
2. รู้จักอาการท้องเสียเพื่อรับมืออย่างถูกต้อง
ท้องเสียอาหารเป็นพิษเป็นอาการที่พบได้บ่อย และมักจะทำให้เราไม่สบายตัวเป็นอย่างมาก การรู้จักอาการของท้องเสียอาหารเป็นพิษ จะช่วยให้เราสามารถสังเกตอาการของตัวเอง และรับมือได้อย่างถูกต้อง ซึ่งอาการท้องเสียที่พบบ่อย มีดังนี้
- ถ่ายเหลวบ่อยครั้ง อาจมีมูกหรือเลือดปน
- ปวดท้อง ปวดแบบบิดเกร็ง โดยเฉพาะบริเวณท้องน้อย
- คลื่นไส้ อาเจียน อาจเกิดขึ้นก่อนหรือหลังจากมีอาการท้องเสีย
- ปวดเมื่อยตามตัว รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรง
- บางรายอาจมีไข้ต่ำ ๆ
แต่หากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบพบแพทย์ทันที
- ท้องเสียรุนแรง ถ่ายเหลวบ่อยครั้ง มีเลือดปน หรือมีมูกปนมาก
- อาเจียนรุนแรง อาเจียนออกมาเป็นเลือด
- ไข้สูง มีไข้สูงเกิน 38.5 องศาเซลเซียส
- ปวดท้องรุนแรง ปวดท้องมากจนทนไม่ไหว
- อ่อนเพลียมาก รู้สึกไม่มีแรง เดินไม่ได้
- ท้องเสียเรื้อรัง ท้องเสียเป็นเวลานานกว่า 2 สัปดาห์
3. วิธีรับมือกับอาการท้องเสีย
การรู้วิธีรับมือกับท้องเสียอย่างถูกต้อง จะช่วยให้เราหายจากอาการได้เร็วขึ้น และกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ซึ่งวิธีดูแลตัวเองเมื่อท้องเสียมีดังนี้
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ การท้องเสียจะทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่ ดังนั้นควรดื่มน้ำสะอาด หรือน้ำเกลือแร่ (ORS) เพื่อชดเชย
- พักผ่อนให้เพียงพอ ร่างกายต้องการพักผ่อนเพื่อฟื้นฟู
- รับประทานอาหารอ่อน ควรรับประทานอาหารเหลวที่ย่อยง่าย เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม กล้วย แครกเกอร์
- หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารรสจัดอาจกระตุ้นให้เกิดอาการท้องเสียมากขึ้น
- หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์นม เนื่องจากอาจทำให้ระบบทางเดินอาหารทำงานหนักขึ้น
- รับประทานยาตามแพทย์สั่ง หากอาการไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับยา
ส่วนอาหารที่ควรรับประทานในช่วงท้องเสีย คือ โจ๊ก ข้าวต้ม กล้วยหอม แครกเกอร์ แอปเปิลซอส น้ำซุปใส ส่วนอาหารที่ควรเลี่ยงคือ อาหารทอด อาหารมัน อาหารรสจัด ผักใบเขียว ผลไม้รสเปรี้ยวผลิตภัณฑ์นม เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
เป็นเมนส์แล้วท้องเสีย ทำไมถึงเป็นแบบนี้ และมีวิธีแก้ไขอย่างไร?
อีกอาการท้องเสียในช่วงมีประจำเดือน ที่หลายคนอาจข้องใจว่ามีอาการนี้ได้อย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องที่พบได้บ่อยในผู้หญิงหลายคน อาจทำให้รู้สึกอึดอัดและรำคาญใจไม่น้อย โดยสาเหตุหลัก ๆ มาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย แล้วทำไมถึงเป็นเมนส์แล้วท้องเสีย?
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน มีบทบาทสำคัญในการควบคุมรอบเดือน เมื่อระดับฮอร์โมนเหล่านี้เปลี่ยนแปลง อาจส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติตามไปด้วย
- สารโปรสตาแกลนดิน สารนี้มีบทบาทในการหดตัวของกล้ามเนื้อมดลูกในช่วงมีประจำเดือน แต่ก็อาจกระตุ้นให้กล้ามเนื้อลำไส้หดตัวตามไปด้วย ทำให้เกิดอาการปวดท้องและท้องเสีย
- ความเครียด การมีประจำเดือนอาจทำให้เกิดความเครียดได้ ซึ่งความเครียดก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กระตุ้นให้เกิดอาการท้องเสีย
4. ป้องกันท้องเสีย วิธีง่าย ๆ ที่คุณทำได้เอง
การป้องกันท้องเสียเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะนอกจากจะทำให้เราไม่สบายตัวแล้ว ยังอาจนำไปสู่ภาวะขาดน้ำได้อีกด้วย ซึ่งการปฏิบัติตามวิธีการเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดท้องเสียได้อย่างมาก
1. รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล
- ล้างมือบ่อย ๆ ก่อนรับประทานอาหาร หลังเข้าห้องน้ำ และหลังสัมผัสสิ่งสกปรก
- ตัดเล็บให้สั้น เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรค
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสปาก จมูก ตา ด้วยมือสกปรก
2. รับประทานอาหารที่สะอาดและปรุงสุก
- เลือกวัตถุดิบสดใหม่ ตรวจสอบวันหมดอายุของอาหารก่อนซื้อ
- ปรุงอาหารให้สุกทั่วถึง โดยเฉพาะเนื้อสัตว์และสัตว์ปีก
- แยกอาหารดิบและสุก เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อโรค
- เก็บอาหารให้ถูกวิธี ในตู้เย็นที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 5 องศาเซลเซียส
3. ดื่มน้ำสะอาด
- หลีกเลี่ยงน้ำแข็งที่ทำจากน้ำไม่สะอาด และน้ำที่ไม่ได้ผ่านการต้ม
- เลือกดื่มน้ำบรรจุขวดที่มีมาตรฐาน
4. ดูแลสุขอนามัยในการเตรียมอาหาร
- ล้างผักผลไม้ให้สะอาด ก่อนนำมาประกอบอาหาร
- ใช้ภาชนะที่สะอาด ในการปรุงอาหารและรับประทานอาหาร
- ฆ่าเชื้ออุปกรณ์ทำครัว หลังใช้งาน
5. ฉีดวัคซีน
- วัคซีนโรต้า ช่วยป้องกันโรคท้องเสียในเด็กเล็ก
- วัคซีนไข้ไทฟอยด์ ป้องกันการติดเชื้อจากอาหารหรือน้ำดื่มปนเปื้อน
6. ระวังการรับประทานอาหารนอกบ้าน
- เลือกสถานที่ที่มีความสะอาด
- สังเกตสภาพของอาหารและเครื่องดื่ม
- หลีกเลี่ยงอาหารดิบหรือปรุงไม่สุก
7. รักษาสุขภาพให้แข็งแรง
- พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายมีภูมิต้านทานที่ดี
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- ลดความเครียด เพราะความเครียดอาจส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน
สามารถอ่านบทความเกี่ยวกับอาการท้องเสียเพิ่มเติมได้ที่ รู้จักโรคอุจจาระร่วงให้มากขึ้น เพราะท้องเสียไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ!
การดูแลตัวเองเบื้องต้นเมื่อมีอาการท้องเสียเป็นสิ่งสำคัญ แต่หากอาการไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง และนอกจากจะดูแลตัวเองแล้ว ก็อย่าลืมเตรียมความพร้อมเรื่องค่ารักษายามเจ็บป่วย ด้วยประกันสุขภาพไว้ช่วยดูแลค่ารักษา ตั้งแต่ 2 แสน - 100 ล้านบาท จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษา
รายละเอียดเพิ่มเติม
☑️ โทร.1766 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
☑️ ติดต่อตัวแทนประกันชีวิต
- โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย
ที่มา : สืบค้นเมื่อวันที่ 22/01/68