Loading...

กำลังโหลดหน้าเว็บไซต์
รอสักครู่น้า Loading...

สงกรานต์นี้ต้องระวัง! โรคตาแดงภัยร้ายใกล้ตัว

สงกรานต์นี้ต้องระวัง! โรคตาแดงภัยร้ายใกล้ตัว

สงกรานต์นี้สาดน้ำให้ฉ่ำปอด แต่ระวัง! ภัยร้ายใกล้ตัวที่มาพร้อมกับความสนุก นั่นก็คือ 'โรคตาแดง'  ที่มาพร้อมกับน้ำที่ไม่สะอาดและสารเคมีต่าง ๆ ซึ่งโรคตาแดง เป็นโรคที่พบบ่อยในช่วงสงกรานต์ หากเจ็บป่วยขึ้นมาก็อาจทำให้คุณต้องพักยาว แทนที่จะได้สนุกต่อ มาดูกันว่าสาเหตุของโรคตาแดงในช่วงสงกรานต์คืออะไร มีอาการอย่างไร พร้อมวิธีป้องกันและรักษา เพื่อให้คุณเล่นน้ำได้อย่างปลอดภัย ห่างไกลจากโรคตาแดงกวนใจ


ยาวไปเลือกอ่านตามหัวข้อได้นะ


1. สาเหตุของโรคตาแดงช่วงสงกรานต์

2. โรคตาแดง ติดต่ออย่างไร

3. อาการของโรคตาแดง

4. วิธีป้องกันโรคตาแดงช่วงสงกรานต์



สาเหตุของโรคตาแดงช่วงสงกรานต์


1. สาเหตุของโรคตาแดงช่วงสงกรานต์


เทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขและการเฉลิมฉลอง แต่ก็เป็นช่วงที่ต้องระมัดระวังโรคตาแดงเป็นพิเศษ เนื่องจากน้ำที่ใช้เล่นสงกรานต์อาจไม่สะอาด และมีเชื้อโรคปนเปื้อน ทำให้เกิดการระคายเคืองและติดเชื้อที่ดวงตาได้ง่าย ๆ ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ ของโรคตาแดงในช่วงสงกรานต์มีดังนี้


1. น้ำไม่สะอาด

  • น้ำที่ใช้เล่นสงกรานต์อาจมีเชื้อโรค แบคทีเรีย หรือไวรัสปนเปื้อน เช่น เชื้ออะดีโนไวรัส ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคตาแดง
  • น้ำในคูคลอง หรือแหล่งน้ำธรรมชาติ อาจมีสิ่งสกปรกและเชื้อโรคปนเปื้อนได้ง่าย


2. สารเคมี

  • สารเคมีที่ผสมในน้ำ เช่น แป้ง หรือสี อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อดวงตา
  • สารเคมีบางชนิดอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ ทำให้ตาแดงและระคายเคือง


3. การสัมผัส

  • การสัมผัสดวงตาด้วยมือที่ไม่สะอาด หรือการใช้สิ่งของที่ไม่สะอาดสัมผัสกับดวงตา ทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ดวงตาได้ง่าย
  • การขยี้ตา อาจทำให้เกิดการระคายเคืองและติดเชื้อได้ง่ายขึ้น


4. การใส่คอนแทคเลนส์

  • การใส่คอนแทคเลนส์ขณะเล่นน้ำ อาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ เนื่องจากคอนแทคเลนส์เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค
  • น้ำที่ไม่สะอาดอาจเข้าไปใต้คอนแทคเลนส์ ทำให้เกิดการระคายเคืองและติดเชื้อได้ง่ายขึ้น


5. การโดนน้ำแรง ๆ

  • การโดนน้ำฉีดเข้าตาด้วยแรงดันสูง อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อกระจกตา และทำให้เกิดการติดเชื้อได้



โรคตาแดง ติดต่ออย่างไร


2. โรคตาแดง ติดต่ออย่างไร


โรคตาแดงเป็นโรคที่ติดต่อได้ง่าย โดยเฉพาะโรคตาแดงที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย สามารถติดต่อได้ผ่านทางต่าง ๆ ดังนี้


  • การสัมผัสโดยตรง
    • การสัมผัสโดนขี้ตา หรือน้ำตาของผู้ป่วยโดยตรง เช่น เอามือที่มีเชื้อโรคไปขยี้ตา หรือสัมผัสกับน้ำตาของผู้ป่วย
  • การสัมผัสโดยอ้อม
    • การใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย เช่น ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า หมอน เครื่องสำอาง หรือแว่นตา
    • การสัมผัสสิ่งของที่มีเชื้อโรคติดอยู่ เช่น ลูกบิดประตู ราวบันได หรือของเล่น
  • การแพร่กระจายทางอากาศ
    • การไอ จาม หรือหายใจรดกัน ทำให้เชื้อโรคกระจายอยู่ในอากาศ และเข้าสู่ตาของผู้ที่อยู่ใกล้ชิด
  • พาหะนำโรค
    • แมลงหวี่ หรือแมลงวันตอมตาแล้วไปตอมตาคนอื่นต่อ


ข้อควรระวัง


  • โรคตาแดงติดต่อได้ง่ายมาก โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีคนอยู่รวมกันมาก ๆ เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล หรือที่ทำงาน
  • ระยะแพร่เชื้อของโรคตาแดงจะอยู่ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกหลังจากเริ่มมีอาการ
  • การป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อคือการล้างมือบ่อย ๆ และไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่น


ดังนั้น การรักษาสุขอนามัยที่ดี เช่น การล้างมือบ่อย ๆ และหลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น จึงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการแพร่กระจายของโรคตาแดง



3. อาการของโรคตาแดง


โรคตาแดง หรือเยื่อบุตาอักเสบ เป็นภาวะที่เยื่อบุตา (เยื่อบาง ๆ ที่คลุมตาขาวและเปลือกตาด้านใน) เกิดการอักเสบ ทำให้ตาแดงและมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย โดยอาการของโรคตาแดงมีดังนี้


อาการหลัก


  • ตาแดง เป็นอาการเด่นชัดที่สุด โดยตาขาวจะมีสีแดงก่ำหรือชมพู
  • ระคายเคืองตา รู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในตา
  • คันตา อยากขยี้ตาบ่อย ๆ
  • น้ำตาไหล มีน้ำตาไหลมากกว่าปกติ
  • มีขี้ตา โดยลักษณะของขี้ตาจะแตกต่างกันไปตามสาเหตุ เช่น
    • ขี้ตาใส ๆ เหมือนน้ำตา มักเกิดจากเชื้อไวรัสหรือโรคภูมิแพ้
    • ขี้ตาเป็นเมือกขาวขุ่น มักเกิดจากตาแห้งหรือภูมิแพ้
    • ขี้ตาสีเหลืองหรือเขียว เป็นสะเก็ดติดกรังตอนเช้า มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
  • เปลือกตาบวม เปลือกตาอาจบวมแดง
  • แพ้แสง รู้สึกแสบตาเมื่อโดนแสงจ้า
  • ตามัว ในบางรายอาจมีอาการตามัวเล็กน้อย


อาการอื่น ๆ ที่อาจพบร่วมด้วย

  • เจ็บตา
  • ปวดตา
  • มีอาการเหมือนเป็นหวัด เช่น มีน้ำมูกไหล ไอ เจ็บคอ
  • ต่อมน้ำเหลืองที่หน้าหูโตและเจ็บ


หากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

  • ตามัวลงอย่างรวดเร็ว
  • ปวดตามากขึ้น
  • แพ้แสงอย่างรุนแรง
  • มีอาการปวดหัวร่วมด้วย


โรคตาแดง กี่วันหาย


ระยะเวลาในการหายของโรคตาแดงขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดโรค


  • โรคตาแดงจากเชื้อไวรัส
    • มักหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์
    • บางรายอาจมีอาการนานกว่านั้น โดยเฉพาะหากมีภาวะแทรกซ้อน เช่น กระจกตาอักเสบ
  • โรคตาแดงจากเชื้อแบคทีเรีย
    • หากได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ อาการจะดีขึ้นภายใน 2-3 วัน และหายสนิทภายใน 1 สัปดาห์
  • โรคตาแดงจากภูมิแพ้
    • อาการจะดีขึ้นเมื่อหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ หรือใช้ยาแก้แพ้
    • อาจมีอาการเรื้อรังหากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม
  • โรคตาแดงจากการระคายเคือง
    • หากหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้ระคายเคือง อาการจะดีขึ้นภายใน 1-2 วัน



วิธีป้องกันโรคตาแดงช่วงสงกรานต์


4. วิธีป้องกันโรคตาแดงช่วงสงกรานต์


เทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขและการเฉลิมฉลอง แต่ก็เป็นช่วงที่ต้องระมัดระวังโรคตาแดงเป็นพิเศษ เนื่องจากน้ำที่ใช้เล่นสงกรานต์อาจไม่สะอาดและมีเชื้อโรคปนเปื้อน ทำให้เกิดการระคายเคืองและติดเชื้อที่ดวงตาได้ง่าย มาดูกันว่าเราจะป้องกันโรคตาแดงในช่วงสงกรานต์ได้อย่างไร


1. หลีกเลี่ยงน้ำที่ไม่สะอาด


  • เลือกเล่นน้ำในบริเวณที่สะอาดและมีการควบคุมคุณภาพน้ำ
  • หลีกเลี่ยงการเล่นน้ำในคลอง บึง หรือแหล่งน้ำธรรมชาติที่ไม่สะอาด
  • ระวังน้ำที่ใส่สี หรือแป้ง เพราะสารเคมีเหล่านี้อาจระคายเคืองตา


2. ป้องกันดวงตา


  • สวมแว่นตากันน้ำ เพื่อป้องกันน้ำและสิ่งสกปรกเข้าตา
  • ไม่ขยี้ตา หากมีสิ่งแปลกปลอมเข้าตา ให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดทันที
  • หลีกเลี่ยงการใส่คอนแทคเลนส์ขณะเล่นน้ำ เพราะคอนแทคเลนส์อาจดูดซับเชื้อโรค


3. รักษาความสะอาด


  • ล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ โดยเฉพาะก่อนสัมผัสดวงตา
  • ไม่ใช้ผ้าเช็ดหน้า หรือผ้าเช็ดตัวร่วมกับผู้อื่น
  • หากมีอาการผิดปกติที่ดวงตา ควรรีบไปพบแพทย์ทันที


4. ดูแลสุขภาพ


  • พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่ดี
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อเสริมสร้างสุขภาพร่างกาย
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ที่มีอาการตาแดง


การรักษาโรคตาแดง


การรักษาโรคตาแดงขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดโรค โดยทั่วไปแล้ว การรักษาจะเน้นไปที่การบรรเทาอาการและกำจัดเชื้อโรค


1. โรคตาแดงจากเชื้อไวรัส


  • ส่วนใหญ่มักหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์
  • การรักษาจะเน้นการบรรเทาอาการ เช่น
  • ใช้น้ำตาเทียมเพื่อลดอาการระคายเคือง
  • ประคบเย็นที่เปลือกตาเพื่อลดอาการบวม
  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • ในบางกรณี แพทย์อาจให้ยาหยอดตาเพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน


2. โรคตาแดงจากเชื้อแบคทีเรีย


  • จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะหยอดตาหรือป้ายตาตามที่แพทย์สั่ง
  • อาการจะดีขึ้นภายใน 2-3 วัน และหายสนิทภายใน 1 สัปดาห์
  • ควรใช้ยาให้ครบตามที่แพทย์สั่ง แม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม


3. โรคตาแดงจากภูมิแพ้


  • หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ที่เป็นสาเหตุ
  • ใช้ยาแก้แพ้หยอดตาหรือรับประทานตามที่แพทย์สั่ง
  • ในบางกรณี แพทย์อาจให้ยาหยอดตาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์เพื่อลดอาการอักเสบ


4. โรคตาแดงจากการระคายเคือง


  • หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้ระคายเคือง เช่น ฝุ่น ควัน หรือสารเคมี
  • ใช้น้ำตาเทียมเพื่อลดอาการระคายเคือง
  • ล้างตาด้วยน้ำสะอาด


เทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข แต่ก็อย่าลืมดูแลสุขภาพดวงตาให้ปลอดภัยจากโรคตาแดง เพื่อให้คุณได้สนุกกับเทศกาลได้อย่างเต็มที่ เพราะหากป่วยแล้วอาจเสียทั้งเวลา และเสียค่ารักษาพยาบาลอีกด้วย ดังนั้น มาเตรียมความพร้อมเรื่องค่ารักษาไว้ล่วงหน้า เพราะเราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าอนาคตโรคร้ายจะมาเยือนตอนไหน สามารถเตรียมความพร้อมเรื่องค่ารักษายามเจ็บป่วย ด้วยประกันสุขภาพเหมาจ่าย จากเมืองไทยประกันชีวิต ไว้ช่วยดูแลค่ารักษา ตั้งแต่ 2 แสน - 100 ล้านบาท จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษา


รายละเอียดเพิ่มเติม

☑️ โทร.1766 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

☑️ ติดต่อตัวแทนประกันชีวิต/ ช่องทางที่ดูแลท่าน


  • โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย


ที่มา : สืบค้นเมื่อวันที่ 25/03/68

🔖  รพ.จุฬารัตน์ 9 แอร์พอร์ต 

🔖  รพ.บำรุงราษฎร์

🔖  รพ. ศิริราชปิย มหาราชการุณย์


สนใจแบบประกัน

ข้าพเจ้าตกลงยินยอมให้ บมจ. เมืองไทยประกันชีวิต เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้นของข้าพเจ้าเพื่อติดต่อข้าพเจ้าในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ ข้าพเจ้าสนใจหรือที่บริษัทฯ เห็นว่าเป็นประโยชน์แก่ ข้าพเจ้าได้โดยข้าพเจ้าให้ถือเอาการทำเครื่องหมาย ในช่องสี่เหลี่ยมเป็นการแสดงเจตนา ยินยอมของข้าพเจ้าแทน การลงลายมือชื่อเป็นหลักฐาน ทั้งนี้ ก่อนการแสดงเจตนาดังกล่าวข้างต้น ข้าพเจ้าได้อ่านและรับทราบเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัวแล้ว

บทความน่าสนใจ