กายภาพบําบัด เบิกประกันได้ไหม พร้อมเคล็ดลับการเตรียมตัว
ในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีและวิถีชีวิตเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ปัญหาด้านสุขภาพและร่างกายก็มีความซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในวิธีการรักษาและฟื้นฟูที่ได้รับความนิยม คือ "กายภาพบำบัด" ซึ่งเป็นการดูแลสุขภาพ ที่มุ่งเน้นการฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกายและจิตใจ แต่ค่าใช้จ่ายในการทำกายภาพบำบัดอาจเป็นภาระหนัก โดยคำถามที่พบบ่อยคือ กายภาพบำบัด เบิกประกันได้ไหม? กายภาพบําบัดออฟฟิศซินโดรมสามารถเบิกประกันได้หรือไม่ และหากเบิกได้ จะต้องเตรียมตัวอย่างไร? วันนี้จะพาคุณไปสำรวจโลกของการทำกายภาพบำบัด และสิทธิการเบิกจ่ายจากประกันสุขภาพ เพื่อให้คุณเตรียมพร้อม สำหรับการดูแลสุขภาพตัวเองได้อย่างมั่นใจ
ยาวไปเลือกอ่านตามหัวข้อได้นะ
2. กายภาพบำบัดแบบไหน เบิกประกันได้?
3. เอกสารและขั้นตอนการเบิกจ่ายค่ากายภาพบำบัด
4. ประกันสังคมครอบคลุมค่ากายภาพบําบัดหรือไม่
1. กายภาพบําบัด มีอะไรบ้าง
กายภาพบำบัดเป็นการรักษา และฟื้นฟูร่างกายด้วยวิธีการทางกายภาพ โดยนักกายภาพบำบัดจะใช้เทคนิคและเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น ลดความเจ็บปวด และเพิ่มคุณภาพชีวิต โดยทั่วไปแล้ว กายภาพบำบัดแบ่งออกเป็นหลายประเภท ดังนี้
1. การรักษาด้วยการออกกำลังกาย (Therapeutic Exercise)
เป็นการออกกำลังกายที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และความทนทานของกล้ามเนื้อและข้อต่อ ช่วยฟื้นฟูการเคลื่อนไหวและลดความเจ็บปวด
2. การรักษาด้วยมือ (Manual Therapy)
เป็นการใช้มือในการนวด ดัด ดึง และขยับข้อต่อ เพื่อลดความเจ็บปวด คลายกล้ามเนื้อ และเพิ่มการเคลื่อนไหว
3. การรักษาด้วยเครื่องมือทางกายภาพบำบัด (Physical Modalities)
เป็นการใช้เครื่องมือต่าง ๆ เช่น เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า เครื่องอัลตราซาวนด์ เครื่องเลเซอร์ หรือเครื่องดึงหลัง เพื่อลดความเจ็บปวด ลดการอักเสบ และกระตุ้นการฟื้นฟู
4. การรักษาทางระบบประสาท (Neurological Rehabilitation)
เป็นการฟื้นฟูผู้ป่วยที่มีปัญหาทางระบบประสาท เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคพาร์กินสัน หรือการบาดเจ็บที่ไขสันหลัง ช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาเคลื่อนไหวและทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ใกล้เคียงปกติ
5. การรักษาทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ (Orthopedic Rehabilitation)
เป็นการฟื้นฟูผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกและกล้ามเนื้อ เช่น กระดูกหัก ข้อเคลื่อน หรือปวดหลัง ช่วยลดความเจ็บปวด ฟื้นฟูการเคลื่อนไหว และเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
6. การรักษาทางระบบหัวใจและหลอดเลือด (Cardiopulmonary Rehabilitation)
เป็นการฟื้นฟูผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจและปอด เช่น โรคหัวใจ หรือโรคปอด ช่วยเพิ่มความทนทานของร่างกายและลดอาการเหนื่อยหอบ
7. การรักษาทางระบบทางเดินหายใจ (Pulmonary Rehabilitation)
เป็นการฟื้นฟูผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด หรือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ช่วยให้ผู้ป่วยหายใจได้สะดวกขึ้นและเพิ่มคุณภาพชีวิต
8. การรักษาสำหรับเด็ก (Pediatric Physical Therapy)
เป็นการฟื้นฟูเด็กที่มีปัญหาพัฒนาการล่าช้าหรือมีความพิการทางร่างกาย ช่วยให้เด็กเคลื่อนไหวและทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามวัย
9. การรักษาสำหรับผู้สูงอายุ (Geriatric Physical Therapy)
เป็นการฟื้นฟูผู้สูงอายุที่มีปัญหาเกี่ยวกับการทรงตัว การเดิน หรือการเคลื่อนไหว ช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างปลอดภัยและมีคุณภาพชีวิตที่ดี
2. กายภาพบำบัดแบบไหน เบิกประกันได้?
กายภาพบำบัดเป็นการรักษาที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาแข็งแรง และใช้งานได้ดีเหมือนเดิม แต่หลายคนอาจสงสัยว่ากายภาพบำบัดแบบไหนบ้างที่เบิกประกันได้ ซึ่งกายภาพบำบัดที่เบิกประกันได้ ส่วนใหญ่จะครอบคลุมกรณีเหล่านี้
- กายภาพบำบัดหลังผ่าตัด
- เช่น ผ่าตัดกระดูก ผ่าตัดข้อ หรือผ่าตัดทางระบบประสาท
- การทำกายภาพบำบัดหลังผ่าตัดจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น และลดอาการแทรกซ้อน
- กายภาพบำบัดจากอุบัติเหตุ
- เช่น กระดูกหัก ข้อเคลื่อน หรือบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อ
- กายภาพบำบัดจะช่วยลดความเจ็บปวดและฟื้นฟูการเคลื่อนไหวให้กลับมาเป็นปกติ
- กายภาพบำบัดจากโรคประจำตัว
- เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคพาร์กินสัน หรือโรคข้ออักเสบ
- การทำกายภาพบำบัดจะช่วยควบคุมอาการของโรคและเพิ่มคุณภาพชีวิต
- กายภาพบำบัดที่แพทย์สั่ง
- โดยทั่วไปแล้ว การทำกายภาพบำบัดที่เบิกประกันได้จะต้องมีใบรับรองแพทย์ที่ระบุความจำเป็นในการรักษา
หมายเหตุ
- เงื่อนไขการเบิกจ่ายของแต่ละบริษัทประกันอาจแตกต่างกันไป ควรตรวจสอบรายละเอียดในกรมธรรม์ของคุณให้ดี
- สถานพยาบาลที่เข้ารับการรักษาก็มีผลต่อการเบิกจ่าย บางบริษัทประกันกำหนดให้ต้องรักษาในสถานพยาบาลในเครือเท่านั้น
- ประกันสุขภาพทั่วไป ส่วนใหญ่จะเบิกค่าบริการกายภาพบำบัดได้ในกรณีที่ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลในฐานะผู้ป่วยใน หรือที่เรียกกันติดปากว่า “แอดมิท” ที่โรงพยาบาลเท่านั้น
- ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก หรือประกัน OPD กรณีรักษาด้วยการทำกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาล หรือคลินิกกายภาพบำบัดทั้งของราชการและเอกชนโดยไม่ได้พักค้างคืนในฐานะผู้ป่วยใน จะต้องมีใบส่งตัวจากแพทย์ที่โรงพยาบาลซึ่งระบุว่าให้คนไข้เข้ารับการรักษาทางกายภาพบำบัดเท่านั้น
3. เอกสารและขั้นตอนการเบิกจ่ายค่ากายภาพบำบัด
การเบิกจ่ายค่ากายภาพบำบัดจากประกันสุขภาพหรือประกันสังคมนั้น มีขั้นตอนและเอกสารที่ต้องเตรียม ซึ่งอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับบริษัทประกัน หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาดูกันว่ามีเอกสารและขั้นตอนการเบิกจ่ายค่ากายภาพบำบัดอะไรบ้างที่ต้องใช้
เอกสารที่ต้องเตรียม
- ใบรับรองแพทย์
- เอกสารสำคัญที่ระบุความจำเป็นในการทำกายภาพบำบัด
- ควรมีรายละเอียดเกี่ยวกับการวินิจฉัยโรคและแผนการรักษา
- ใบเสร็จรับเงิน
- ใบเสร็จค่ารักษาจากสถานพยาบาลที่เข้ารับการรักษา
- ควรระบุรายละเอียดค่าใช้จ่ายอย่างชัดเจน
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
- เอกสารยืนยันตัวตนของผู้เข้ารับการรักษา
- สำเนากรมธรรม์ประกันสุขภาพ (กรณีเบิกประกันสุขภาพ)
- เอกสารที่ระบุเงื่อนไขและความคุ้มครองของกรมธรรม์
- ใบส่งตัวจากแพทย์ (กรณีเบิกประกันสังคมหรือประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก)
- ในบางกรณีอาจมีความจำเป็นต้องใช้ใบส่งตัวจากแพทย์เพื่อทำการเบิกจ่าย
ขั้นตอนการเบิกจ่าย
1. ตรวจสอบเงื่อนไข
- ตรวจสอบเงื่อนไขและความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันสุขภาพหรือสิทธิประกันสังคมของคุณ
- สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากบริษัทประกันหรือสำนักงานประกันสังคม
2. เตรียมเอกสาร
- เตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องตามที่ระบุไว้ข้างต้นให้ครบถ้วน
3. ยื่นเรื่องเบิกจ่าย
- ยื่นเอกสารพร้อมแบบฟอร์มการเบิกจ่ายที่บริษัทประกันหรือสำนักงานประกันสังคม
- ตรวจสอบช่องทางการยื่นเรื่องและระยะเวลาดำเนินการ
4. ติดตามผลการเบิกจ่าย
- ติดตามผลการเบิกจ่ายกับบริษัทประกันหรือสำนักงานประกันสังคม
- สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหากมีข้อสงสัย
4. ประกันสังคมครอบคลุมค่ากายภาพบําบัดหรือไม่
กายภาพบำบัดเป็นการรักษาที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายจากการบาดเจ็บหรือโรคต่าง ๆ แต่หลายคนอาจสงสัยว่า "ประกันสังคมครอบคลุมค่ากายภาพบำบัดหรือไม่?" คำตอบคือ "ครอบคลุม" แต่มีเงื่อนไขและข้อกำหนดที่ต้องปฏิบัติตาม ดังนี้
เงื่อนไขและข้อกำหนด
- สถานพยาบาล ต้องเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลที่ขึ้นทะเบียนกับประกันสังคม
- ใบส่งตัว ต้องมีใบส่งตัวจากแพทย์เพื่อทำกายภาพบำบัด
- ความจำเป็นทางการแพทย์ การรักษาต้องเป็นไปตามความจำเป็นทางการแพทย์
ข้อมูลเพิ่มเติม
- ประกันสังคมมีสิทธิประโยชน์ในด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ ซึ่งครอบคลุมถึงการทำกายภาพบำบัด
- ผู้ประกันตนที่เจ็บป่วยจากการทำงาน สามารถรับบริการฟื้นฟูสมรรถภาพทางกายและจิตใจได้
- ในการทำกายภาพบำบัดนั้นไม่ได้มีการจำกัดจำนวนครั้งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์
ข้อควรทราบ
- เงื่อนไขและข้อกำหนดอาจมีการเปลี่ยนแปลง ควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากสำนักงานประกันสังคม
- เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจน ควรติดต่อสอบถามกับสำนักงานประกันสังคมโดยตรง หรือตรวจสอบข้อมูลผ่านเว็บไซต์ของสำนักงานประกันสังคม
สุขภาพที่ดีคือสิ่งสำคัญ การทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้คุณฟื้นฟูร่างกาย และกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข ซึ่งการเตรียมตัวและศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด จะช่วยให้คุณได้รับสิทธิประโยชน์อย่างเต็มที่ และลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษา และอย่าลืมเตรียมความพร้อมเรื่องค่ารักษาไว้ล่วงหน้า เพราะเราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าอนาคตโรคร้ายจะมาเยือนตอนไหน สามารถเตรียมความพร้อมเรื่องค่ารักษายามเจ็บป่วย ด้วยประกันสุขภาพเหมาจ่าย จากเมืองไทยประกันชีวิต ไว้ช่วยดูแลค่ารักษา ตั้งแต่ 2 แสน - 100 ล้านบาท จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษา
รายละเอียดเพิ่มเติม
☑️ โทร.1766 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
☑️ ติดต่อตัวแทนประกันชีวิต/ ช่องทางที่ดูแลท่าน
- โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย
ที่มา : สืบค้นเมื่อวันที่ 24/03/68