มะเร็งรังไข่ อาการแต่ละระยะเป็นอย่างไร ภัยเงียบที่ผู้หญิงต้องรู้
มะเร็งรังไข่เป็นมะเร็งที่เกิดขึ้นในรังไข่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบสืบพันธุ์เพศหญิง ที่สำคัญมะเร็งรังไข่เกิดได้ทุกช่วงวัย แต่ก็มักพบในช่วงอายุ 50-60 ปี โดยจากสถิติข้อมูลมะเร็งใน Cancer In Thailand Vol.X ปี 2016 – 2018 ของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ พบว่าคนไทยป่วยเป็นมะเร็งรังไข่รายใหม่ปีละ 2,902 ราย ครองอันดับ 3 รองจากมะเร็งปากมดลูก และมะเร็งมดลูก ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตมากที่สุดในมะเร็งอวัยวะสืบพันธุ์สตรี และสาเหตุที่มะเร็งรังไข่เป็นภัยเงียบสำหรับผู้หญิง เพราะผู้ที่เป็นมะเร็งรังไข่ในระยะเริ่มแรก มักไม่มีอาการที่ชัดเจน กว่าจะรู้ตัวอาการก็อาจลุกลามไปแล้ว วันนี้เราจึงมีสัญญาณเตือนมะเร็งรังไข่ อาการเริ่มแรก อาการระยะสุดท้าย และวิธีป้องกันมาแนะนำคุณผู้หญิงทุกท่านกัน ตามมากันเลย
ยาวไปเลือกอ่านตามหัวข้อได้นะ
2. มะเร็งรังไข่ อาการแต่ละระยะ
1. ปัจจัยเสี่ยงมะเร็งรังไข่
มะเร็งรังไข่เป็นโรคที่ซับซ้อน และมีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างที่อาจเพิ่มโอกาสในการเกิดโรค แม้ว่าสาเหตุที่แท้จริงยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่การทำความเข้าใจปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ สามารถช่วยให้คุณตระหนักถึงความเสี่ยงของตนเอง และปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำและการตรวจคัดกรองที่เหมาะสม
- อายุที่มากขึ้น ความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งรังไข่เพิ่มขึ้นตามอายุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้หญิงที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป
ประวัติครอบครัว ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งรังไข่ มะเร็งเต้านม หรือมะเร็งลำไส้ จะมีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไป - การมีประจำเดือนเร็ว หรือหมดประจำเดือนช้า ผู้หญิงที่เริ่มมีประจำเดือนก่อนอายุ 12 ปี หรือหมดประจำเดือนหลังอายุ 55 ปี อาจมีความเสี่ยงสูงขึ้น
- การไม่มีบุตร หรือมีบุตรคนแรกเมื่ออายุมาก ผู้หญิงที่ไม่เคยมีบุตร หรือมีบุตรคนแรกเมื่ออายุ 30 ปีขึ้นไป อาจมีความเสี่ยงสูงขึ้น
- การใช้ยาคุมกำเนิด หรือฮอร์โมนทดแทน การใช้ยาคุมกำเนิดเป็นเวลานาน อาจเพิ่มความเสี่ยงเล็กน้อย แต่ประโยชน์ในการป้องกันมะเร็งชนิดอื่น ๆ อาจมีมากกว่าความเสี่ยงนี้ และการใช้ฮอร์โมนทดแทนหลังหมดประจำเดือน ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงได้เช่นกัน
- ภาวะอ้วน หรือมีน้ำหนักเกิน ผู้หญิงที่มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนมีความเสี่ยงสูงกว่า
- โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ภาวะนี้อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งรังไข่บางชนิด
- การสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งรังไข่บางชนิด
และยังปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่อาจเกี่ยวข้อง เช่น
- การสัมผัสแร่ใยหิน การสัมผัสแร่ใยหินเป็นเวลานานอาจเพิ่มความเสี่ยง
- การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง บางการศึกษาพบว่า การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงอาจเพิ่มความเสี่ยงได้
แม้ว่าจะมีปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะเป็นมะเร็งรังไข่
การปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำและการตรวจคัดกรองมะเร็งรังไข่เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีปัจจัยเสี่ยง
2. มะเร็งรังไข่ อาการแต่ละระยะ
มะเร็งรังไข่เป็นภัยเงียบที่คุกคามผู้หญิง เนื่องจากในระยะแรกมักไม่มีอาการแสดงที่ชัดเจน ทำให้ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าตนเองเป็นโรค กว่าจะรู้ตัวก็มักจะอยู่ในระยะลุกลามแล้ว
อาการของมะเร็งรังไข่ในแต่ละระยะ
ระยะที่ 1 : มะเร็งอยู่เฉพาะในรังไข่ สามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัด แต่มักตรวจไม่พบในระยะนี้ เนื่องจากส่วนใหญ่มักไม่มีอาการใด ๆ หรือมีอาการที่ไม่ชัดเจน เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ ปวดท้องน้อย คลื่นไส้ อาหารไม่ย่อย หรือเบื่ออาหาร ซึ่งอาการเหล่านี้อาจคล้ายกับอาการของโรคอื่น ๆ ทำให้ผู้ป่วยมักมองข้าม
ระยะที่ 2 : เซลล์มะเร็งกระจายไปสู่อุ้งเชิงกราน ก็ยังอยู่ในระยะที่ตรวจพบได้น้อยเช่นกัน เนื่องจากไม่มีอาการใด ๆ แสดงออกมาเลย
ระยะที่ 3 : เซลล์มะเร็งกระจายสู่เยื่อบุช่องท้อง ทำให้ท้องขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีน้ำในท้อง ผู้ป่วยอาจมีอาการที่ชัดเจนมากขึ้น เช่น
- ปวดท้องน้อย หรือปวดบริเวณอุ้งเชิงกรานเรื้อรัง
- ท้องโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
- น้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
- อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
- มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด
- ปัสสาวะบ่อย หรือมีปัญหาในการขับถ่าย
ระยะที่ 4 : เซลล์มะเร็งกระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ อย่างรวดเร็ว มะเร็งรังไข่สามารถแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ ในร่างกาย เช่น ปอด ตับ หรือกระดูก ทำให้เกิดอาการที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะที่ถูกมะเร็งแพร่กระจายไป เช่น หายใจลำบาก ไอเรื้อรัง ปวดหลัง หรือกระดูกหัก
ข้อควรทราบ
- อาการของมะเร็งรังไข่ในแต่ละระยะอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
- อาการบางอย่างอาจไม่ใช่อาการของมะเร็งเสมอไป แต่อาจเป็นสัญญาณของโรคอื่นๆ ได้
- การตรวจคัดกรองมะเร็งรังไข่เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้หญิงที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น อายุที่มากขึ้น หรือมีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็ง
หากคุณมีอาการที่สงสัยว่าอาจเป็นมะเร็งรังไข่ ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม การตรวจพบมะเร็งในระยะเริ่มต้น จะช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาดได้
3. วิธีป้องกันมะเร็งรังไข่
เพราะมะเร็งรังไข่ในระยะแรก มักไม่มีอาการแสดงที่ชัดเจน ทำให้ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าตนเองเป็นโรค กว่าจะรู้ตัวก็อาจสายไปแล้ว ดังนั้นเราสามารถลดความเสี่ยงและป้องกันมะเร็งรังไข่ได้ด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนี้
1. ควบคุมน้ำหนักและออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- การรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงได้
- การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ สำหรับการออกกำลังกายแบบปานกลาง หรือ 75 นาทีต่อสัปดาห์ สำหรับการออกกำลังกายแบบหนัก จะช่วยลดความเสี่ยงได้
2. เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
- เน้นรับประทานผักและผลไม้ให้ได้ 5 ส่วนบริโภคต่อวัน เช่น ผัก 3 ส่วน ผลไม้ 2 ส่วน หรือ ผัก 4 ส่วน ผลไม้ 1 ส่วน
- เลือกรับประทานธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง
- ลดปริมาณการรับประทานเนื้อแดงและเนื้อแปรรูป
- ลดการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง
3. ปรึกษาแพทย์เรื่องการใช้ยาคุมกำเนิด
- การรับประทานยาคุมกำเนิดอาจช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งรังไข่ได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาถึงข้อดีข้อเสียและความเหมาะสมของแต่ละบุคคล
4. วางแผนการมีบุตร
- การตั้งครรภ์และการให้นมบุตรอาจช่วยลดความเสี่ยงได้
- หากคุณมีแผนที่จะมีบุตร ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ
5. ตรวจคัดกรองมะเร็ง
- การตรวจภายในอุ้งเชิงกรานและการตรวจอัลตราซาวนด์เป็นประจำทุกปี จะช่วยให้ตรวจพบความผิดปกติได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
- หากมีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งรังไข่ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาการตรวจคัดกรองที่เหมาะสม
6. หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ
- งดสูบบุหรี่
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเคมีอันตราย
ดังนั้น การป้องกันมะเร็งรังไข่ที่ดีที่สุดคือการดูแลสุขภาพโดยรวมให้แข็งแรง และการปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งรังไข่ได้ หากมีอาการผิดปกติ เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ ปวดท้องน้อย หรือมีเลือดออกผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพราะหากปล่อยปละละเลย คิดว่าอาการไม่ร้ายแรงกว่าจะรู้ตัว ก็อาจเป็นระยะลุกลามไปแล้ว รวมถึงต้องเตรียมความพร้อมเรื่องค่ารักษาไว้ล่วงหน้า เพราะเราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าอนาคตโรคร้ายจะมาเยือนตอนไหน
สามารถเตรียมความพร้อมเรื่องค่ารักษายามเจ็บป่วย ด้วยประกันสุขภาพไว้ช่วยดูแลค่ารักษา ตั้งแต่ 2 แสน - 100 ล้านบาท จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษา
รายละเอียดเพิ่มเติม
☑️ โทร.1766 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
☑️ ติดต่อตัวแทนประกันชีวิต
โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย
ที่มา : สืบค้นเมื่อวันที่ 03/02/68