บ้านร้อนทำยังไง วิธีแก้ฉบับไม่ง้อแอร์ แถมประหยัดไฟ
ช่วงนี้ถ้าบ้านร้อนมากไม่ต้องสงสัย เพราะเป็นช่วงฤดูร้อนของประเทศไทย ซึ่งขึ้นชื่อว่าร้อนแดดแบบแผดเผา ออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านที ถ้าใครลืมทาครีมกันแดด บอกได้เลยว่าไหม้! ที่สำคัญยังลามไปร้อนถึงที่พักอาศัย อย่างเช่นบ้านของเรา เพราะถึงแม้พระอาทิตย์จะตกดินไปแล้ว บ้านก็ยังร้อนตอนกลางคืน สัมผัสผนังบ้านทีก็ยังร้อน เรียกได้ว่าบ้านร้อนเป็นไฟเลยทีเดียว แต่ถ้าจะเปิดแอร์คลายร้อนทั้งวันทั้งคืน ก็คงสู้ค่าไฟมหาโหดไม่ไหว แอดเลยมาแชร์ทริคดี ๆ แก้บ้านร้อนสุดปัง ฉบับไม่ง้อแอร์ แถมประหยัดไฟไปในตัวมาฝาก ตามมากันเลยย
1. สาเหตุที่ทำให้บ้านร้อน
ในหน้าร้อนที่อากาศร้อนจัดแบบนี้ การออกไปเผชิญแดดนอกบ้านมันช่างทรมาน แต่พอจะอยู่บ้านสบาย ๆ บ้านก็ยังร้อนไปด้วย ถึงแม้จะเปิดพัดลมก็ยังเจอลมร้อนไปอีก เรียกได้ว่าบ้านร้อนเป็นไฟก็ยังได้ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้บ้านร้อนนั้นมีหลายสาเหตุมาก ตามมาดูกันเลย
1. บ้านไม่มีต้นไม้ช่วยบังแดด
การปลูกต้นไม้ไว้บริเวณบ้านจะช่วยลดความร้อนภายในบริเวณบ้านได้อย่างดี ทั้งยังช่วยดูดซับสารพิษต่าง ๆ ที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพได้อีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันบางบ้านอาจคิดว่าหากปลูกต้นไม้ อาจไม่มีเวลาเก็บกวาดใบไม้ ส่วนมากจึงนิยมเทคอนกรีตรอบบ้านเพื่อความสะดวกสบาย ทำให้ลมพัดเอาไอร้อนเข้าบ้าน รวมถึงไม่มีการปลูกต้นไม้กระถางภายในบ้านเลย ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้บ้านร้อน
2. จัดตำแหน่งห้องในบ้านไม่ถูกทิศ ทำให้ร้อนและอึดอัด
เวลาเราจะซื้อบ้าน หรือซื้อคอนโด สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ การศึกษาหรือเลือกทิศก่อนเพื่อไม่ให้โดนฝั่งแดด ซึ่งส่วนมากจะเลือกทิศเหนือ เพราะเป็นทิศที่ไม่โดนแสงแดดส่องมาก ทำให้ห้องหรือบ้านเย็นสบาย แต่หากเลือกบ้านหรือห้องผิดทิศรับแดดเต็ม ๆ ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้บ้านร้อนได้ และอาจร้อนยาวไปถึงตอนกลางคืนอีกด้วย ที่สำคัญหากไม่มีกันสาดหรือระแนงกันความร้อนจากแสงแดด ในช่วงบ่ายทางทิศใต้และทิศตะวันตก บ้านจึงรับไอร้อนเข้าเต็ม ๆ
3. ต่อเติมบ้านไม่ถูกต้อง
เมื่อต่อเติมบ้านหรือปรับปรุงตรงนั้นแต่งตรงนี้ เราต้องคำนึงถึงความถูกต้องด้วย เช่น รั้วบ้านสูงและทึบ จนลมไม่สามารถพัดผ่านเข้าสู่ภายในบ้าน ติดตั้งฝ้าเพดานเตี้ยเกินไป ทำให้ความร้อนที่ต้องลอยตัวขึ้นด้านบนยังคงลอยตัวในระดับต่ำ รวมถึงการต่อเติมบ้าน จนไม่มีทางให้แสงและลมเข้าออก ทำให้บ้านมืดทึบ บ้านจึงร้อนอบอ้าว
4. เลือกเฟอร์นิเจอร์ไม่เหมาะกับบ้าน
หากเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีขนาดใหญ่มากเกินไป จะทำให้อึดอัด และทึบปิดกั้นทางลมผ่าน บดบังแสงสว่าง ส่งผลให้บ้านร้อนอบอ้าวอีกด้วย หรือวางเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากผ้าที่มีการอมความร้อน อยู่ติดผนังด้านที่โดนแดด ทำให้ช่วงตอนเย็นและค่ำ เมื่อผ้าคลายความร้อนออกมา จึงรู้สึกร้อน
5. ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้ามากเกินไป
อีกสาเหตุที่ทำให้บ้านสะสมความร้อนคือ ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ถูกต้อง และมากเกินไป เช่น ใช้หลอดไฟไส้ โคมดาวน์ไลท์ ซึ่งจะให้ความร้อนมากกว่าหลอดฟลูออเรสเซนต์ และในห้องครัวไม่ได้ติดตั้งเครื่องดูดควันและพัดลมดูดอากาศ เมื่อทำอาหารในบ้านจะทำให้ความร้อน กลิ่น และควัน สะสมอยู่ในตัวบ้าน รวมถึงการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าหลายอันพร้อมกัน เช่น เครื่องปรับอากาศหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ผลิตความร้อน ก็ยิ่งทำให้ในบ้านร้อนมากขึ้น
6. ความร้อนจากหลังคาบ้าน
หากหลังคาบ้านของคุณ ไม่มีการฉาบสี หรือมีวัสดุที่ดูดความร้อนได้มาก เช่น โลหะหรือกระเบื้อง อาจทำให้หลังคาบ้านร้อน ความร้อนจะผ่านมายังเพดาน ลงมาที่พื้นที่ภายในบ้าน เกิดจะเกิดความร้อนสะสมในช่วงบ่าย และทำให้อากาศภายในบ้านร้อนขึ้น
7. ใช้สีทาบ้านโทนสีเข้ม
สีทาบ้านเป็นเสมือนเกราะป้องกันบ้านจากแสงอาทิตย์ ช่วยให้อุณหภูมิภายในบ้านลดลง มีความเย็นสบายขึ้น ซึ่งเมื่อก่อนการทาบ้านโทนสีเข้มทั้งภายนอกและภายใน จะเป็นการดูดซับแสงอาทิตย์ และแสงไฟ อาจทำให้ผนังสะสมความร้อนมากเกินไป
2. บ้านร้อนแก้ยังไง
วิธีแก้บ้านร้อนให้เย็นสบาย ไม่ว่าจะอยู่โซนไหนก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอากาศร้อนอีกต่อไป แอดนำวิธีง่าย ๆ ทำได้ด้วยตัวเองมาฝาก ตามมาดูกัน
1. ติดผ้าม่านกันแสง หรือผ้าม่านลดแสงยูวี
การพลางแสงแดดด้วยม่าน จะช่วยลดอากาศที่ร้อนอบอ้าวภายในบ้านได้อย่างดี ซึ่งปัจจุบันจะมีผ้าม่านที่ช่วยลดแสงยูวีได้ด้วย โดยเนื้อผ้าของผ้าม่านที่ช่วยลดแสงยูวี สามารถยืดหยุ่นได้ดี อากาศไหลผ่านเข้าออกได้ และยังทนความร้อนได้ดีอีกด้วย และควรเลือกผ้าม่านสีอ่อนเพราะจะไม่ดูดความร้อนเท่ากับผ้าม่านสีเข้ม
2. ปลูกต้นไม้ภายในบ้าน
การปลูกต้นไม้รอบบ้าน หรือปลูกพืชผักสวนครัว นอกจากจะช่วยเพิ่มความร่มรื่นแล้ว ยังช่วยลดความร้อนบริเวณรอบ ๆ บ้าน เป็นแอร์บริสุทธิ์จากธรรมชาติอย่างดี ทั้งยังช่วยดูดสารพิษ ซึ่งต้นไม้ที่คนนิยมปลูกในบ้านนั้นมีหลายชนิดมาก ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าของบ้านชอบแบบไหน แต่ต้องเลือกชนิดที่เป็นมิตรต่อสิ่งปลูกสร้าง ส่วนต้นไม้ชนิดเล็ก ๆ ที่นิยมปลูกในกระถาง คนมักเลือกเป็นต้นไม้ที่มีความหมายมงคลเช่น ต้นหมากเหลือง พลูด่าง ลิ้นมังกร ว่านหางจระเข้ เฟินงาม ไทรย้อยใบแหลม ฯลฯ
3. เปลี่ยนหลอดไฟธรรมดาให้เป็นหลอด LED
หากบ้านคุณติดหลอดไฟธรรมดา ควรเริ่มเปลี่ยนมาใช้หลอด LED ได้เลย เพราะหลอดไฟธรรมดา ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้บ้านร้อนจากภายใน แต่หากเปลี่ยนมาใช้เป็นหลอด LED จะช่วยลดอุณหภูมิภายในบ้านได้ เพราะหลอดไฟ LED จะปล่อยพลังงานความร้อนออกมาน้อยกว่าหลอดชนิดอื่น ที่สำคัญแสงยังดูเย็นสบายตา ไม่ทำให้รู้สึกร้อนเหมือนหลอดไฟธรรมดา และยังช่วยประหยัดค่าไฟ มีอายุการใช้งานยาวนาน ที่สำคัญควรปิดไฟเมื่อไม่ได้ใช้งานทุกครั้ง
4. เปิดหน้าต่าง ประตูห้อง เพื่อระบายอากาศ
การเปิดประตู หน้าต่างไว้ในช่วงกลางวัน (ควรเปิดตอนมีคนอยู่บ้านเพื่อความปลอดภัย) เพื่อรับลมเย็น และระบายอากาศไปในตัว หรือเปิดหน้าต่างไว้ช่วงกลางคืนก่อนเข้านอน เพื่อระบายอากาศร้อนที่สะสมมาในช่วงเวลากลางวันออกไปได้ วิธีนี้ทำได้ง่าย ช่วยประหยัดไฟได้เหมือนกัน
5. ทาสีบ้านด้วยสีโทนเย็น
การเลือกสีทาบ้านเป็นโทนเย็นยิ่งเป็นตัวช่วยปรับอากาศภายในบ้านให้เย็นสบาย ซึ่งโทนสีที่คนนิยมทาบ้านเพื่อช่วยลดอากาศร้อนจะเป็นโทนสีเย็น ที่ดูเย็นสบายตา เช่น สีขาว สีมุก สีครีม และสีฟ้า และนอกจากการเลือกสีทาบ้านเป็นโทนสีเย็นแล้ว การใช้สีที่เย็นตาบนผนัง หรือเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มความสดชื่นในบ้านได้
ยิ่งบ้านเย็น ยิ่งช่วยเซฟค่าไฟ เพราะไม่ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศอย่างหนักหน่วง ซึ่งการทำให้บ้านเย็นด้วยวิธีง่าย ๆ ตามที่แอดนำมาฝากนั้น ควรพิจารณาตามความเหมาะสม และงบประมาณของตัวเอง และที่สำคัญช่วงนี้อากาศร้อนจัด อย่าลืมรักษาสุขภาพ ก่อนออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านควรพกร่ม ทากันแดด เพื่อเซฟตัวเองจากอาการเจ็บป่วย พร้อมวางแผนเสริมความมั่นใจด้วยประกันสุขภาพจากเมืองไทยประกันชีวิต #เพราะชีวิตทุกวัยมันเจ็บป่วย ป่วยเล็กป่วยใหญ่ ช่วงวัยไหนก็ป่วยได้ไม่ช็อตฟีล
ปล่อยจอยค่ารักษาเพราะมีประกันสุขภาพดูแลให้แบบเหมา ๆ ตั้งแต่ 2 แสน - 100 ล้านบาท
✅ Elite Health Plus คุ้มครองค่ารักษา 20-100 ล้านบาทต่อปี ครอบคลุมเทคโนโลยีการรักษา ดูแลให้ทั้ง IPD และ OPD(1) เบี้ยวันละไม่ถึง 157 บาท(2)
✅ D Health Plus คุ้มครองค่ารักษา 5 ล้านบาท(3) นอนห้องเดี่ยวมาตรฐานทุก รพ. เบี้ยวันละไม่ถึง 38 บาท(4)
✅ เหมาจ่าย Extra แอดมิตเข้า รพ. ดูแลค่ารักษาเหมาจ่าย 5 แสนบาท(5) เบี้ยวันละไม่ถึง 42 บาท(6)
รายละเอียดเพิ่มเติม
☑️ โทร.1766 ตลอด 24 ชั่วโมง
☑️ ติดต่อตัวแทนประกันชีวิต
(1) กรณีเลือกความคุ้มครองแผน 40, 75 หรือ 100 ล้านบาท
(2) สำหรับผู้เอาประกันภัยอายุ 50 ปี แผน 20 ล้านบาท พื้นที่ความคุ้มครองประเทศไทย และชำระเบี้ยประกันภัยรายปี
(3) กรณีเลือกความคุ้มครองแผน 5 ล้านบาท โดยเป็นวงเงินต่อการรักษาครั้งใดครั้งหนึ่ง
(4) สำหรับผู้เอาประกันภัยเพศหญิง อายุ 34 ปี เลือกแผนความคุ้มครอง 5 ล้านบาท มีความรับผิดส่วนแรก 30,000 บาท ต่อการเข้าพักรักษาตัวครั้งใดครั้งหนึ่ง (แผน Top Up ความคุ้มครอง) และชำระเบี้ยประกันภัยรายปี
(5) สำหรับแผนความคุ้มครอง 3 โดยเป็นวงเงินต่อการรักษาแบบผู้ป่วยในครั้งใดครั้งหนึ่ง
(6) สำหรับผู้เอาประกันภัยเพศหญิง 34 ปี เลือกแผนความคุ้มครอง 3 และชำระเบี้ยประกันรายปี
- เงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
- สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพต้องซื้อแนบท้ายกรมธรรม์ที่มีผลบังคับอยู่
- ความคุ้มครองของสัญญาเพิ่มเติมต้องไม่เกินระยะเวลาเอาประกันภัยของกรมธรรม์ประกันชีวิตที่สัญญาเพิ่มเติมนี้แนบท้าย
- เบี้ยประกันภัยสามารถนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์เป็นไปตามที่กรมสรรพากร กำหนด
- เงื่อนไขเป็นไปตามที่ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต กำหนด
- การพิจารณารับประกันภัยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของบริษัทฯ
- โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย
✅ ติดตามข่าวสารจาก MTL add LINE คลิกเลย
ที่มา : สืบค้นเมื่อวันที่ 15/03/67
🔖