แอร์ไม่เย็น ทำไงดี? รวมวิธีแก้ปัญหาด้วยตัวเองง่าย ๆ ไม่ง้อช่าง
ทำอย่างไรเมื่อเข้าสู่ฤดูร้อนแล้วแอร์ไม่เย็น ที่แน่ ๆ เหงื่อซกกันแน่นอน ยิ่งหน้าร้อนแบบนี้ หลายคนคงเคยมีประสบการณ์เวลาแอร์ไม่เย็น เปิดแล้วมีแต่ลม คอมไม่ทำงาน หรือเปิดแล้ว แอร์ไม่เย็น มีแต่ลม คอมทํางาน สารพัดปัญหาหัวจะปวด ที่สำคัญยังต้องมาต่อคิวรอช่างแอร์ที่ยาวเป็นหางว่าวอีก บอกลาฝันร้ายช่วงหน้าร้อนแบบนี้ไปได้เลย ถ้าคุณสามารถแก้ปัญหาแอร์ไม่เย็นด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ แบบไม่ต้องง้อช่าง เช่น ต้องเช็กอะไรบ้าง ปรับระดับแอร์ที่เท่าไหร่ถึงจะพอดีไม่กินไฟ ในหน้าร้อนที่ค่าไฟมหาโหดแบบนี้ ฯลฯ แอดมีวิธีง่าย ๆ มาฝาก ตามมาเลย
แอร์ไม่เย็นสาเหตุเกิดจากอะไร
กำลังฟินจากแอร์เย็นฉ่ำอยู่ดี ๆ ทำไมอุณหภูมิสูงขึ้น พอเช็กดูถึงรู้ว่าแอร์มีแต่ลม แต่คอมทํางาน หรือบางทีแอร์ไม่เย็น มีแต่ลม คอมไม่ทํางาน อาการเหล่านี้มีสาเหตุจากอะไร มาดูกัน
1. แอร์ไม่เย็น เพราะไม่ได้ล้างแอร์
สาเหตุแรกต้องถามตัวเองว่า คุณไม่ได้ล้างแอร์มานานแค่ไหน ซึ่งการไม่ได้ล้างแอร์มานานเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้แอร์ไม่เย็น มีแต่ลมออกมา เพราะฝุ่นละอองเข้าไปสะสมอยู่ในไส้กรองอากาศของเครื่องแอร์และคอมเพรสเซอร์แอร์ ทำให้แอร์ไม่สามารถระบายความร้อนออกได้ ที่สำคัญยังเป็นแหล่งสะสมของสิ่งสกปรก ฝุ่น และเชื้อโรคต่าง ๆ ที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพและระบบทางเดินหายใจ ซึ่งปกติเราควรล้างแอร์ทุก ๆ 4-6 เดือน ข้อดีคือแอร์เย็นฉ่ำแล้ว ยังประหยัดไฟอีกด้วย
2. แอร์ไม่เย็น เพราะฟิลเตอร์แอร์สกปรก
อีกสาเหตุของแอร์ไม่เย็นมีแต่ลม คอมบางทีก็ทำงาน บางทีก็ไม่ทำงาน ควรสันนิษฐานไว้เลยว่า แผ่นกรองอากาศหรือฟิลเตอร์กรองอากาศสกปรก อาจมีฝุ่นเข้ามาเกาะสะสมหรือเข้าไปอุดตันตามท่อต่าง ๆ ทำให้การปล่อยอากาศของแอร์ทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร
3. เลือก BTU ของแอร์ไม่เหมาะกับขนาดห้อง
หากเลือก BTU แอร์ไม่เหมาะกับขนาดห้อง ก็เป็นอีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้แอร์ไม่เย็นได้ เช่น ห้องใหญ่แต่ใช้ BTU แอร์เล็ก ก็จะทำให้แอร์ไม่เย็น มีแต่ลม และทำงานหนักมากอีกด้วย
ดังนั้นการเลือกขนาด BTU แอร์และขนาดห้องให้มีความเหมาะสมกัน ก็จะช่วยให้แอร์เย็น และประหยัดค่าไฟด้วย
4. มีคนในห้องมากเกินไป ทำให้แอร์ไม่เย็น
เพราะอุณหภูมิร่างกายของมนุษย์จะสูงกว่าอุณหภูมิห้อง เมื่อมีคนอยู่ในห้องมากเกินไป ก็จะยิ่งทำให้อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น ทำให้แอร์ทำงานหนักและใช้เวลาในการปรับให้อุณหภูมิในห้องต่ำลง กว่าที่แอร์จะเย็นทั่วห้องจึงต้องใช้เวลานาน
5. แอร์ไม่เย็น จากน้ำยาแอร์
เวลาแอร์เสีย เรามักได้ยินช่างบอกว่าน้ำยาแอร์หมด หรือน้ำยาแอร์รั่ว ซึ่งน้ำยาแอร์จะเข้าไปหล่อเลี้ยงภายในเครื่องแอร์ ทำให้เกิดความเย็น และถ้าไม่มีน้ำยาแอร์ ตัวแอร์ก็จะไม่สามารถทำงานได้ ทำให้แอร์ไม่เย็น
ซึ่งวิธีเช็กน้ำยาแอร์ว่ามีปัญหาหรือไม่ มีดังนี้
- เปิดแอร์แล้วอากาศที่ออกมาไม่เย็นหรืออุ่น ๆ
- เช็กตามส่วนต่าง ๆ ของแอร์ว่ามีน้ำแข็งเกาะหรือไม่
- เปิดแอร์แล้ว ตรวจเช็กคอมเพรสเซอร์ด้านนอก ถ้าลมที่ออกมาไม่ร้อนหรืออุ่น ๆ แสดงว่ามีปัญหาน้ำยาแอร์หมดหรือน้ำยาแอร์รั่ว
- มีเสียงผิดปกติจากคอยล์ร้อน คล้ายกับเสียงลมรั่วออกมาหรือไม่ ซึ่งถ้ามีเสียงเหล่านี้จะเป็นสัญญาณหนึ่งของอาการน้ำยาแอร์รั่ว
6. แอร์ไม่เย็น เพราะตั้งค่ารีโมตแอร์ผิด
บางทีแอร์ไม่เย็นเช็กทุกอย่างแล้วปกติ ลองหยิบรีโมตแอร์ขึ้นมาดู ว่าเราเผลอไปกดผิดโหมดหรือไม่ เช่น จากโหมดเย็น (COOL) กลายเป็นโหมดพัดลม (FAN)
7. คอมเพรสเซอร์แอร์ไม่ทำงาน
หากเปิดแอร์แล้ว เสียงคอมเพรสเซอร์เงียบ ไม่ทำงาน ให้สันนิษฐานไว้เลยว่างานเข้าแน่นอน เพราะคอมเพรสเซอร์เป็นส่วนประกอบสำคัญของแอร์ หากพัง เครื่องดับ ทำงานไม่ได้ ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้แอร์ไม่เย็น แอดขอแนะนำให้คุณเรียกช่างแอร์ไว้รอเลย
8. ปิดประตู หน้าต่าง ไม่สนิท
หากดูทุกข้อที่กล่าวมาแล้ว ก็ยังไม่เจอสาเหตุที่แอร์ไม่เย็น เราควรมาเช็กหน้าต่าง ประตูห้อง ว่าปิดสนิทหรือไม่ หรือบางทีประตู หน้าต่างอาจเสื่อมสภาพไปแล้วก็ได้ หากพบว่าเริ่มเสื่อมสภาพแล้วควรรีบซ่อมแซมให้กลับมาสภาพดีดังเดิม เพราะหากปิดประตู หน้าต่างไม่สนิท นอกจากแอร์จะไม่เย็นแล้ว ค่าไฟยิ่งพุ่งกระฉูดแน่นอน
วิธีแก้ปัญหา เมื่อแอร์ไม่เย็น
อากาศร้อนจัดแบบนี้ ออกไปข้างนอกก็แทบจะเป็นฮีทสโตรก พอกลับเข้าห้องมาก็เตรียมเปิดแอร์ให้เย็นฉ่ำ แต่ต้องมาผิดหวังเพราะว่าแอร์ไม่เย็น มีแต่ลมอุ่น ๆ ออกมาให้เราร้อนมากกว่าเดิม จนอยากเรียกช่างแอร์ทันที แต่อย่าพึ่งใจร้อนไป หลังจากหาสาเหตุแอร์ไม่เย็นแล้ว ลองมาดูวิธีแก้ปัญหาด้วยตัวเองง่าย ๆ ก่อนเสียเงินจ้างช่างแอร์ ซึ่งจะมีวิธีไหนบ้างไปดูกันเลย
1. ปรับรีโมตแอร์ให้ถูกโหมด
บางทีฟังชันก์การใช้งานของรีโมตแอร์ ก็สามารถทำให้เรางงได้ ปรับไปปรับมาความเย็นหายไปดื้อ ๆ ก็มี มาดูกันว่าแต่ละโหมดทำงานกันยังไง ควรปรับไปโหมดไหนแอร์ถึงจะเย็น
- Auto Mode เป็นโหมดแบบอัตโนมัติเพราะมีเซนเซอร์แอร์กำหนดไว้
- Cool Mode เหมาะกับวันที่อากาศร้อนอบอ้าว แค่เปิดใช้งานโหมดนี้รับรองเย็นฉ่ำ ฟินสุด ๆ
- Dry Mode โหมดนี้จะคล้ายกับ Cool Mode แต่จะมีการควบคุมความชื้นภายในห้อง ซึ่งเป็นโหมดที่เหมาะกับการเปิดช่วงหน้าฝน เพราะสามารถควบคุมความชื้นได้ดี
- Fan Mode โหมดนี้มีระบบช่วยการหมุนเวียนของลม จากภายนอกห้องเข้ามาภายในห้อง หากวันไหนรู้สึกว่าห้องมีกลิ่นอับ ก็สามารถเปิดโหมดนี้ มาช่วยระบายอากาศให้ถ่ายเทหมุนเวียน
2. ล้างทำความสะอาดฟิลเตอร์กรองอากาศ
ขั้นตอนนี้สามารถทำเองได้ง่าย ๆ ไม่ต้องใช้บริการช่างแอร์ให้เปลืองเงิน โดยขั้นตอนแรกให้เปิดหน้ากากแอร์ แล้วถอดฟิลเตอร์ออกมาล้างทำความสะอาด แค่เพียงขัดถู หรือฉีดน้ำเบา ๆ คราบสกปรกที่เกาะอยู่ก็หลุดแล้ว เสร็จแล้วนำไปผึ่งลมไว้ให้แห้ง แล้วจึงประกอบกลับเข้าที่เดิม และอย่าลืมปิดหน้ากากเแอร์ให้สนิท ที่สำคัญควรทำความสะอาดฟิลเตอร์แอร์อย่างน้อยทุก 2 สัปดาห์
3. เช็กคอมเพรสเซอร์แอร์
การตรวจเช็กคอมเพรสเซอร์แอร์ทุก 4-6 เดือน ก็เป็นสิ่งสำคัญ สำหรับการคอยดูแลให้แอร์เย็นฉ่ำอยู่เสมอ หากเปิดแอร์แล้วคอมเพรสเซอร์เงียบสนิท หรือแอร์ไม่เย็น มีแต่ลม คอมทํางาน แนะนำให้ลองปิดแอร์แล้วเปิดใหม่ แต่ถ้าแอร์ยังแต่ลมเหมือนเดิม วิธีสุดท้ายคือต้องเรียกช่างแอร์มาแก้ไขทันที เพราะหากฝืนซ่อมแอร์ด้วยตัวเอง อาจทำให้แอร์ได้รับความเสียหายไปมากกว่าเดิม และอาจเกิดอันตรายกับตัวเองได้
4. ล้างแอร์เมื่อถึงกำหนด ยืดอายุการใช้งาน
การล้างแอร์เมื่อถึงกำหนดทั้งช่วยให้แอร์เย็นฉ่ำอยู่เสมอ ช่วยยืดอายุการใช้งานของแอร์ และยังลดอาการแพ้เกี่ยวกับระบบทางหายใจที่อาจเกิดขึ้นจากฝุ่นและความสกปรกจากแอร์ได้อีกด้วย แนะนำให้ล้างแอร์ทุก ๆ 6 เดือน หรือหากสังเกตว่าแอร์เริ่มไม่เย็น มีฝุ่นเกาะหนาก็สามารถเรียกช่างมาล้างแอร์ได้เลย
การตรวจเช็กแอร์อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดปัญหาแอร์ไม่เย็นได้ แต่ถ้าเกินความสามารถของตัวเอง แอดแนะนำให้เรียกช่างแอร์ ที่มีความเชี่ยวชาญมาแก้ไขให้เพื่อความปลอดภัยทั้งตัวเองและทรัพย์สิน ที่สำคัญอากาศร้อนแบบนี้อย่าลืมดูแลสุขภาพตัวเอง พร้อมวางแผนเสริมความมั่นใจด้วยประกันสุขภาพ จากเมืองไทยประกันชีวิต #เพราะชีวิตทุกวัยมันเจ็บป่วย ป่วยเล็กป่วยใหญ่ ช่วงวัยไหนก็ป่วยได้ไม่ช็อตฟีล
ปล่อยจอยค่ารักษาเพราะมีประกันสุขภาพดูแลให้แบบเหมา ๆ ตั้งแต่ 2 แสน - 100 ล้านบาท
✅ Elite Health Plus คุ้มครองค่ารักษา 20-100 ล้านบาทต่อปี ครอบคลุมเทคโนโลยีการรักษา ดูแลให้ทั้ง IPD และ OPD(1) เบี้ยวันละไม่ถึง 157 บาท(2)
✅ D Health Plus คุ้มครองค่ารักษา 5 ล้านบาท(3) นอนห้องเดี่ยวมาตรฐานทุก รพ. เบี้ยวันละไม่ถึง 38 บาท(4)
✅ เหมาจ่าย Extra แอดมิตเข้า รพ. ดูแลค่ารักษาเหมาจ่าย 5 แสนบาท(5) เบี้ยวันละไม่ถึง 42 บาท(6)
พิเศษ! รับส่วนลดสูงสุด 15% สำหรับเบี้ยประกันปีต่ออายุ เพียงทำกิจกรรมผ่านแอปฯ MTL Fit
รายละเอียดเพิ่มเติม
☑️ โทร.1766 ตลอด 24 ชั่วโมง
☑️ ติดต่อตัวแทนประกันชีวิต
(1) กรณีเลือกความคุ้มครองแผน 40, 75 หรือ 100 ล้านบาท
(2) สำหรับผู้เอาประกันภัยอายุ 50 ปี แผน 20 ล้านบาท พื้นที่ความคุ้มครองประเทศไทย และชำระเบี้ยประกันภัยรายปี
(3) กรณีเลือกความคุ้มครองแผน 5 ล้านบาท โดยเป็นวงเงินต่อการรักษาครั้งใดครั้งหนึ่ง
(4) สำหรับผู้เอาประกันภัยเพศหญิง อายุ 34 ปี เลือกแผนความคุ้มครอง 5 ล้านบาท มีความรับผิดส่วนแรก 30,000 บาท ต่อการเข้าพักรักษาตัวครั้งใดครั้งหนึ่ง (แผน Top Up ความคุ้มครอง) และชำระเบี้ยประกันภัยรายปี
(5) สำหรับแผนความคุ้มครอง 3 โดยเป็นวงเงินต่อการรักษาแบบผู้ป่วยในครั้งใดครั้งหนึ่ง
(6) สำหรับผู้เอาประกันภัยเพศหญิง 34 ปี เลือกแผนความคุ้มครอง 3 และชำระเบี้ยประกันรายปี
- เงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
- สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพต้องซื้อแนบท้ายกรมธรรม์ที่มีผลบังคับอยู่
- ความคุ้มครองของสัญญาเพิ่มเติมต้องไม่เกินระยะเวลาเอาประกันภัยของกรมธรรม์ประกันชีวิตที่สัญญาเพิ่มเติมนี้แนบท้าย
- เบี้ยประกันภัยสามารถนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์เป็นไปตามที่กรมสรรพากร กำหนด
- เงื่อนไขเป็นไปตามที่ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต กำหนด
- การพิจารณารับประกันภัยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของบริษัทฯ
- โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย
ที่มา : สืบค้นเมื่อวันที่ 19/03/67
🔖 Q Chang
🔖 Sanook