วิธีรักษาตากุ้งยิง แบบเร่งด่วน หายง่าย ๆ! ที่ใคร ๆ ก็ทำตามได้
ตากุ้งยิง... แค่คิดก็รู้สึกเจ็บจี๊ด ๆ ที่เปลือกตาแล้ว หลายคนคงเคยมีประสบการณ์นี้กันมาบ้าง ทั้งมีอาการบวมแดง ปวดระบม แถมยังดูเหมือนมีมีตุ่มในเปลือกตาบนเล็ก ๆ นั่นอีก บอกเลยว่าอาการตากุ้งยิงนั้น ทรมานสุด ๆ แถมยังกังวลว่าจะหายช้าอีกด้วย แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะวันนี้เรามีวิธีรักษาตากุ้งยิง ด้วยตัวเอง แบบเร่งด่วน ที่ใคร ๆ ก็ทำตามได้ง่าย ๆ มาฝากกัน รับรองว่าหายไวทันใจ ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไป
ยาวไปเลือกอ่านตามหัวข้อได้นะ
1. ตากุ้งยิงคืออะไร แล้วสาเหตุหลักมาจากไหน
3. วิธีรักษาตากุ้งยิง แบบเร่งด่วน ด้วยตัวเอง
4. วิธีป้องกันตากุ้งยิงไม่ให้เกิดซ้ำ
1. ตากุ้งยิงคืออะไร แล้วสาเหตุหลักมาจากไหน
ตากุ้งยิง (Hordeolum/Stye) คือ ภาวะที่เกิดการอักเสบของต่อมไขมันบริเวณเปลือกตา ทำให้เกิดเป็นตุ่มบวมแดง เจ็บ และอาจมีหนอง ซึ่งสาเหตุหลักของตากุ้งยิงเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย โดยเฉพาะเชื้อสแตฟิโลค็อกคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus) ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่พบได้ทั่วไปตามผิวหนัง ซึ่งปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดตากุ้งยิงมีดังนี้
- การขยี้ตา การขยี้ตาบ่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมือไม่สะอาด จะเพิ่มโอกาสในการนำเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ดวงตา
- การใช้เครื่องสำอางที่หมดอายุ เครื่องสำอางที่หมดอายุอาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรีย
- การใส่คอนแทคเลนส์ที่ไม่สะอาด การดูแลรักษาคอนแทคเลนส์ที่ไม่ถูกสุขลักษณะ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้
- ภาวะเปลือกตาอักเสบ ผู้ที่มีภาวะเปลือกตาอักเสบเรื้อรัง จะมีความเสี่ยงในการเกิดตากุ้งยิงมากขึ้น
- โรคประจำตัว ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคเบาหวาน อาจมีความเสี่ยงในการติดเชื้อมากขึ้น
2. อาการตากุ้งยิง มีอะไรบ้าง
อาการของตากุ้งยิงสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ตามตำแหน่งที่เกิดการอักเสบ ดังนี้
1. ตากุ้งยิงภายนอก (External Hordeolum) เกิดจากการอักเสบของต่อม Zeis หรือต่อม Moll ซึ่งอยู่บริเวณขอบเปลือกตาด้านนอก
- ตุ่มบวมแดง เกิดขึ้นบริเวณขอบเปลือกตาด้านนอก ใกล้กับโคนขนตา
- เจ็บ เมื่อสัมผัสหรือกดบริเวณตุ่ม
- มีหนอง อาจมีหัวหนองสีเหลืองหรือขาวปรากฏให้เห็น
- ระคายเคือง รู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในตา
- น้ำตาไหล อาจมีน้ำตาไหลมากกว่าปกติ
2. ตากุ้งยิงภายใน (Internal Hordeolum) เกิดจากการอักเสบของต่อม Meibomian ซึ่งอยู่บริเวณเปลือกตาด้านใน มักมีลักษณะเป็นตุ่มบวมแดงที่เปลือกตาด้านใน และอาจมีหนองอยู่ภายใน
- บวมแดง เกิดขึ้นบริเวณเปลือกตาด้านใน
- เจ็บ เมื่อสัมผัสหรือกดบริเวณเปลือกตา
- มีหนอง หนองอาจอยู่ภายในเปลือกตา ทำให้เห็นเป็นตุ่มบวมแดง
- ระคายเคือง รู้สึกไม่สบายตา
- น้ำตาไหล อาจมีน้ำตาไหลมากกว่าปกติ
- ตาไวต่อแสง อาจรู้สึกไม่สบายตาเมื่อเจอแสงจ้า
อาการอื่น ๆ ที่อาจพบร่วมด้วย
- เปลือกตาบวม อาจบวมมากขึ้นจนลืมตาไม่ขึ้น
- คัน บริเวณเปลือกตา
- ขี้ตา อาจมีขี้ตามากกว่าปกติ
ส่วนคนที่มีอาการเหล่านี้ เช่น ปวดตามาก มีอาการบวมแดงลุกลาม มีอาการมองเห็นไม่ชัด มีไข้ร่วมด้วย หรือหากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน เป็นอาการที่อาจบ่งบอกถึงการติดเชื้อที่รุนแรงขึ้น หรืออาจเป็นโรคอื่น ๆ ที่มีอาการคล้ายคลึงกัน ดังนั้นควรไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง
3. วิธีรักษาตากุ้งยิง แบบเร่งด่วน ด้วยตัวเอง
ตากุ้งยิงส่วนใหญ่มักหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ โดยการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีจะช่วยให้อาการดีขึ้นและหายเร็วขึ้นได้ ซึ่งวันนี้เรามีวิธีการรักษาตากุ้งยิงแบบเร่งด่วนด้วยตัวเอง ที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ที่บ้านมาแนะนำ
1. ประคบอุ่น
- ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำอุ่น (ไม่ร้อนจัด) หรือใช้ถุงชาอุ่น ๆ ประคบบริเวณเปลือกตาที่เป็นตากุ้งยิง
- ประคบครั้งละ 10-15 นาที วันละ 3-4 ครั้ง
- ความร้อนจะช่วยให้หนองระบายออกได้ง่ายขึ้น และบรรเทาอาการปวดบวม
2. ทำความสะอาดเปลือกตา
- ใช้สำลีสะอาดชุบน้ำอุ่น หรือน้ำเกลือ เช็ดทำความสะอาดเปลือกตาเบา ๆ
- เช็ดจากด้านในเปลือกตาออกสู่ด้านนอก เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค
- หลีกเลี่ยงการใช้สบู่ หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ระคายเคืองบริเวณดวงตา
3. หลีกเลี่ยงการสัมผัสและขยี้ตา
- การขยี้ตาอาจทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายและอาการแย่ลง
- หากรู้สึกระคายเคืองตา ให้ใช้น้ำตาเทียมเพื่อบรรเทาอาการ
4. ไม่บีบหรือเค้นหนอง
- การบีบหรือเค้นหนองอาจทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายและเกิดการติดเชื้อรุนแรงขึ้น
- ปล่อยให้หนองระบายออกมาเองตามธรรมชาติ
5. งดแต่งหน้าและใส่คอนแทคเลนส์
- การแต่งหน้าอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและอุดตันรูขุมขน
- การใส่คอนแทคเลนส์อาจทำให้เชื้อโรคสะสมและอาการแย่ลง
4. วิธีป้องกันตากุ้งยิงไม่ให้เกิดซ้ำ
การป้องกันตากุ้งยิงไม่ให้เกิดซ้ำนั้นสำคัญมาก โดยเฉพาะสำหรับคนที่เคยมีประวัติเป็นตากุ้งยิงมาก่อน นี่คือวิธีป้องกันที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน
1. รักษาความสะอาดของเปลือกตาและใบหน้า
- ล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ โดยเฉพาะก่อนสัมผัสบริเวณดวงตา
- ล้างหน้าให้สะอาดเป็นประจำ โดยเน้นบริเวณเปลือกตา
- หลีกเลี่ยงการขยี้ตา เพราะมือที่สกปรกอาจนำเชื้อโรคเข้าสู่ดวงตาได้
2. ดูแลรักษาความสะอาดของเครื่องสำอางและอุปกรณ์แต่งหน้า
- ล้างแปรงและอุปกรณ์แต่งหน้าเป็นประจำ
- เปลี่ยนเครื่องสำอางทุก 3-6 เดือน โดยเฉพาะเครื่องสำอางที่ใช้บริเวณดวงตา
- หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางร่วมกับผู้อื่น
3. ดูแลรักษาความสะอาดของคอนแทคเลนส์
- ล้างมือให้สะอาดก่อนใส่และถอดคอนแทคเลนส์
- ทำความสะอาดคอนแทคเลนส์ด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่เหมาะสม
- เปลี่ยนคอนแทคเลนส์ตามระยะเวลาที่กำหนด
4. ประคบอุ่นและทำความสะอาดเปลือกตาเป็นประจำ
- หากมีภาวะเปลือกตาอักเสบเรื้อรัง ควรประคบอุ่นและทำความสะอาดเปลือกตาเป็นประจำ เพื่อลดการอุดตันของต่อมไขมัน
- ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำอุ่นประคบบริเวณเปลือกตา วันละ 1-2 ครั้ง ครั้งละ 5-10 นาที
- ใช้สำลีสะอาดชุบน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือ เช็ดทำความสะอาดเปลือกตาเบา ๆ
5. ดูแลสุขภาพโดยรวม
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- จัดการความเครียด
6. หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง
- หากมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ควรควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ดี
- หากมีภาวะเปลือกตาอักเสบ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม
ตากุ้งยิงแม้จะเป็นอาการที่พบได้บ่อยและมักหายได้เอง แต่ก็สร้างความรำคาญและไม่สบายตาได้ไม่น้อย การทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่แท้จริงจะช่วยให้เราสามารถป้องกันและดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้อง เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดตากุ้งยิงซ้ำ ควรใส่ใจในเรื่องความสะอาดของมือและบริเวณรอบดวงตา หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่าง ๆ และดูแลสุขภาพโดยรวมให้แข็งแรงอยู่เสมอ และอย่าลืมเตรียมความพร้อมเรื่องค่ารักษาไว้ล่วงหน้า เพราะเราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าอนาคตโรคร้ายจะมาเยือนตอนไหน สามารถเตรียมความพร้อมเรื่องค่ารักษายามเจ็บป่วย ด้วยประกันสุขภาพเหมาจ่ายไว้ช่วยดูแลค่ารักษา ตั้งแต่ 2 แสน - 100 ล้านบาท จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษา
รายละเอียดเพิ่มเติม
☑️ โทร.1766 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
☑️ ติดต่อตัวแทนประกันชีวิต
- โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย
ที่มา : สืบค้นเมื่อวันที่ 26/02/68