ไข้รากสาดน้อย หรือ ไข้ไทฟอยด์ ป้องกันอย่างไร? รู้ทันสาเหตุและอาการเพื่อรับมือ
ไข้สูง ปวดหัว ท้องเสีย... อาการเหล่านี้อาจเหมือนไข้หวัดทั่วไป แต่ระวัง! มันอาจเป็นสัญญาณของ "ไข้รากสาดน้อย" หรือ "ไข้ไทฟอยด์" (Typhoid fever; Enteric fever) โรคนี้ไม่ใช่แค่ไข้ธรรมดา แต่เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียที่อันตรายถึงชีวิตได้ ถ้าไม่รีบรักษา การรู้ทันโรคและป้องกันตัวเองจึงสำคัญที่สุด เพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนรุนแรง
ยาวไปเลือกอ่านตามหัวข้อได้นะ
1. ไข้รากสาดน้อยสาเหตุเกิดจากอะไร?
3. โรคไข้รากสาดน้อย กับ ไข้รากสาดใหญ่ ต่างกันยังไง
1. ไข้รากสาดน้อยสาเหตุเกิดจากอะไร?
ไข้รากสาดน้อย หรือไข้ไทฟอยด์ เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Salmonella typhi ซึ่งสามารถแพร่กระจายผ่านอาหารและน้ำที่ปนเปื้อนอุจจาระของผู้ป่วย โรคนี้พบได้บ่อยในประเทศที่กำลังพัฒนา โดยเฉพาะในบริเวณที่มีสุขอนามัยไม่ดี ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ ของไข้รากสาดน้อย มีดังนี้
- อาหารและน้ำดื่มปนเปื้อน นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้คนติดเชื้อ เชื้อแบคทีเรียจะปนเปื้อนอยู่ในอุจจาระของผู้ป่วย แล้วไปปนเปื้อนในอาหารหรือน้ำดื่มที่เรากินเข้าไป ซึ่งอาหารที่ปรุงไม่สุก หรืออาหารดิบ เช่น สลัดผักสด หรืออาหารทะเลที่ไม่สะอาด ก็เป็นแหล่งแพร่เชื้อได้ รวมถึงน้ำดื่มที่ไม่สะอาด เช่น น้ำจากบ่อ หรือน้ำประปาที่ไม่ได้มาตรฐาน ก็เป็นอันตราย
- การสัมผัสกับผู้ป่วย ถึงแม้จะไม่ใช่สาเหตุหลัก แต่ถ้าเราสัมผัสกับอุจจาระของผู้ป่วยโดยตรง ก็มีโอกาสติดเชื้อได้
- แมลงวันและแมลงสาบ แมลงเหล่านี้สามารถนำเชื้อจากอุจจาระของผู้ป่วยไปแพร่กระจายในอาหารที่เรากินได้
ใครบ้างที่เสี่ยงไข้รากสาดน้อย?
ผู้ที่เสี่ยงต่อการเป็นไข้รากสาดน้อย ได้แก่
- ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีสุขอนามัยไม่ดี โดยเฉพาะในบริเวณที่ขาดแคลนน้ำสะอาดและระบบกำจัดสิ่งปฏิกูลที่เหมาะสม
- ผู้ที่เดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาด ไข้รากสาดน้อยพบได้บ่อยในประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะในแถบเอเชียใต้ แอฟริกา และอเมริกาใต้
- ผู้ที่สัมผัสกับผู้ป่วย การดูแลผู้ป่วยไข้รากสาดน้อยอย่างใกล้ชิด ทำให้มีความเสี่ยงในการติดเชื้อสูงขึ้น
- ผู้ที่รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อน อาหารและน้ำดื่มที่ไม่สะอาด เป็นแหล่งแพร่เชื้อสำคัญของไข้รากสาดน้อย
- ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ป่วย HIV หรือผู้ที่รับประทานยากดภูมิคุ้มกัน จะมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ
- ผู้ที่ทำงานในห้องปฏิบัติการ ผู้ที่ทำงานในห้องปฏิบัติการ ที่มีการสัมผัสเชื้อแบคทีเรียซัลโมเนลล่า
อ่านบทความเกี่ยวกับโรคติดต่ออื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่
2. อาการของไข้รากสาดน้อย
ไข้รากสาดน้อย หรือไข้ไทฟอยด์ อาการของโรคนี้จะค่อย ๆ รุนแรงขึ้น และอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายได้ถ้าไม่ได้รับการรักษา
อาการที่พบบ่อย
- ไข้จะค่อย ๆ สูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในช่วงเย็นและกลางคืน ไข้อาจสูงถึง 40 องศาเซลเซียส หรือมากกว่า
- มักมีอาการปวดหัวรุนแรง
- รู้สึกปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและข้อต่อ
- รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรง
- บางคนอาจมีอาการท้องเสีย ในขณะที่บางคนอาจมีอาการท้องผูก
- อาจมีผื่นขึ้นตามลำตัวและหน้าอก (เรียกว่า Rose spots)
- อาจมีอาการเบื่ออาหารร่วมด้วย
- อาการอื่น ๆ ที่อาจพบ เช่น ไอแห้ง ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน
อาการที่ควรระวัง
- หากมีอาการไข้สูงติดต่อกันหลายวัน และมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย ควรรีบไปพบแพทย์
- หากมีอาการปวดท้องรุนแรง หรือมีเลือดออกทางทวารหนัก ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
ไข้รากสาดน้อย กี่วันหาย
ระยะเวลาในการหายจากไข้รากสาดน้อยขึ้นอยู่กับการรักษาและอาการของผู้ป่วยแต่ละราย โดยทั่วไปแล้ว
หากได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ
- อาการไข้จะเริ่มดีขึ้นภายใน 3-5 วัน
- ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะตอบสนองต่อการรักษาได้ดีและอาการจะค่อยๆ ดีขึ้น
หากไม่ได้รับการรักษา
- อาการไข้จะแย่ลงเรื่อย ๆ และอาจนานถึง 3-4 สัปดาห์ หรือมากกว่านั้น
- อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น เลือดออกในทางเดินอาหาร ลำไส้ทะลุ หรือไตวาย ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต
- อาการอาจคงอยู่เป็นเวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนกว่าจะหายเป็นปกติโดยไม่ต้องรักษา
- มีโอกาสสูงที่อาการจะกลับมาเป็นซ้ำ
3. โรคไข้รากสาดน้อย กับ ไข้รากสาดใหญ่ ต่างกันยังไง
ไข้รากสาดน้อยกับไข้รากสาดใหญ่ แม้ชื่อจะคล้ายกัน แต่เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อโรคคนละชนิดกัน และมีอาการแตกต่างกัน
ไข้รากสาดน้อย (Typhoid fever)
- สาเหตุ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Salmonella typhi
- การติดต่อ ติดต่อผ่านการรับประทานอาหารหรือน้ำดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อ
- อาการ ไข้สูง ค่อย ๆ สูงขึ้น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย ท้องเสียหรือท้องผูก อาจมีผื่นขึ้นตามลำตัว
- ความรุนแรง หากไม่ได้รับการรักษา อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงถึงชีวิตได้
ไข้รากสาดใหญ่ (Typhus fever)
- สาเหตุ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Rickettsia
- การติดต่อ ติดต่อผ่านตัวไร หรือหมัด ที่กัดคน
- อาการ ไข้สูง ปวดศีรษะมาก หนาวสั่น มีผื่นตามตัว ผื่นจะมีลักษณะคล้าย ๆ แผลเป็นลึก ๆ เป็นสีดำ ๆ
- ความรุนแรง มีหลายชนิด บางชนิดรุนแรงกว่าไข้รากสาดน้อย
4. วิธีป้องกันไข้รากสาดน้อย
ไข้รากสาดน้อยเป็นโรคติดต่อที่สามารถป้องกันได้ โดยการปฏิบัติตามสุขอนามัยที่ดีและรับวัคซีนป้องกันโรค ต่อไปนี้คือวิธีการป้องกันไข้รากสาดน้อย
1. รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล
- ล้างมือบ่อย ๆ ล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาดอย่างน้อย 20 วินาที โดยเฉพาะก่อนรับประทานอาหาร หลังเข้าห้องน้ำ และหลังสัมผัสสิ่งสกปรก
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสอุจจาระของผู้ป่วย หากต้องดูแลผู้ป่วย ควรใส่ถุงมือและล้างมือให้สะอาดหลังสัมผัส
- รักษาความสะอาดของห้องน้ำและสุขภัณฑ์ ทำความสะอาดห้องน้ำและสุขภัณฑ์อย่างสม่ำเสมอด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค
2. รับประทานอาหารและน้ำดื่มที่สะอาด
- ปรุงอาหารให้สุก หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารดิบหรือไม่สุก โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ อาหารทะเล และผักสด
- ดื่มน้ำสะอาด ดื่มน้ำที่ผ่านการต้ม หรือน้ำดื่มบรรจุขวดที่ได้มาตรฐาน
- หลีกเลี่ยงอาหารและน้ำดื่มจากแหล่งที่ไม่สะอาด ระมัดระวังในการเลือกซื้ออาหารและน้ำดื่ม โดยเฉพาะจากร้านค้าที่ไม่ถูกสุขลักษณะ
3. รับวัคซีนป้องกันไข้รากสาดน้อย
- ปรึกษาแพทย์ เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับการรับวัคซีนป้องกันไข้รากสาดน้อย โดยเฉพาะหากคุณเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค
- รับวัคซีนตามกำหนด รับวัคซีนตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อให้มีภูมิคุ้มกันที่เพียงพอในการป้องกันโรค
4. หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วย
- หากมีอาการไข้สูงและอาการอื่น ๆ ที่น่าสงสัย ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้อง
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วยที่มีอาการของไข้รากสาดน้อย
5. การป้องกันการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น
- รับประทานยาปฏิชีวนะตามที่แพทย์สั่งจนครบ แม้อาการจะดีขึ้นแล้ว
- ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่และน้ำอุ่น ทั้งก่อนรับประทานอาหารและหลังจากเข้าห้องน้ำ
- ผู้ป่วยที่มีเชื้อควรหลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสอาหาร หรือเตรียมอาหารให้ผู้อื่น จนกว่าจะได้รับการยืนยันจากแพทย์ว่าผู้ป่วยไม่สามารถแพร่เชื้อได้แล้ว
การป้องกันไข้รากสาดน้อยที่ดีที่สุดคือการรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล การรับประทานอาหารที่ปรุงสุก และการดื่มน้ำสะอาด หากคุณมีอาการที่สงสัยว่าจะเป็นไข้รากสาดน้อย ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง
และอย่าลืมเตรียมความพร้อมเรื่องค่ารักษาไว้ล่วงหน้า เพราะเราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าอนาคตโรคร้ายจะมาเยือนตอนไหน สามารถเตรียมความพร้อมเรื่องค่ารักษายามเจ็บป่วย ด้วยประกันสุขภาพเหมาจ่าย จากเมืองไทยประกันชีวิต ไว้ช่วยดูแลค่ารักษา ตั้งแต่ 2 แสน - 100 ล้านบาท จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษา
รายละเอียดเพิ่มเติม
☑️ โทร.1766 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
☑️ ติดต่อตัวแทนประกันชีวิต/ ช่องทางที่ดูแลท่าน
- โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย
ที่มา : สืบค้นเมื่อวันที่ 08/04/68
🔖 pobpad
🔖 สสส.