Loading...

กำลังโหลดหน้าเว็บไซต์
รอสักครู่น้า Loading...

ไข้รากสาดน้อย หรือ ไข้ไทฟอยด์ ป้องกันอย่างไร? รู้ทันสาเหตุและอาการเพื่อรับมือ

ไข้รากสาดน้อย หรือ ไข้ไทฟอยด์ ป้องกันอย่างไร? รู้ทันสาเหตุและอาการเพื่อรับมือ

ไข้สูง ปวดหัว ท้องเสีย... อาการเหล่านี้อาจเหมือนไข้หวัดทั่วไป แต่ระวัง! มันอาจเป็นสัญญาณของ "ไข้รากสาดน้อย" หรือ "ไข้ไทฟอยด์" (Typhoid fever; Enteric fever) โรคนี้ไม่ใช่แค่ไข้ธรรมดา แต่เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียที่อันตรายถึงชีวิตได้ ถ้าไม่รีบรักษา การรู้ทันโรคและป้องกันตัวเองจึงสำคัญที่สุด เพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนรุนแรง 


ยาวไปเลือกอ่านตามหัวข้อได้นะ


1. ไข้รากสาดน้อยสาเหตุเกิดจากอะไร?

2. อาการของไข้รากสาดน้อย

3. โรคไข้รากสาดน้อย กับ ไข้รากสาดใหญ่ ต่างกันยังไง

4. การป้องกันไข้รากสาดน้อย



ไข้รากสาดน้อยสาเหตุเกิดจากอะไร?


1. ไข้รากสาดน้อยสาเหตุเกิดจากอะไร?


ไข้รากสาดน้อย หรือไข้ไทฟอยด์ เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Salmonella typhi ซึ่งสามารถแพร่กระจายผ่านอาหารและน้ำที่ปนเปื้อนอุจจาระของผู้ป่วย โรคนี้พบได้บ่อยในประเทศที่กำลังพัฒนา โดยเฉพาะในบริเวณที่มีสุขอนามัยไม่ดี ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ ของไข้รากสาดน้อย มีดังนี้


  • อาหารและน้ำดื่มปนเปื้อน นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้คนติดเชื้อ เชื้อแบคทีเรียจะปนเปื้อนอยู่ในอุจจาระของผู้ป่วย แล้วไปปนเปื้อนในอาหารหรือน้ำดื่มที่เรากินเข้าไป ซึ่งอาหารที่ปรุงไม่สุก หรืออาหารดิบ เช่น สลัดผักสด หรืออาหารทะเลที่ไม่สะอาด ก็เป็นแหล่งแพร่เชื้อได้ รวมถึงน้ำดื่มที่ไม่สะอาด เช่น น้ำจากบ่อ หรือน้ำประปาที่ไม่ได้มาตรฐาน ก็เป็นอันตราย
  • การสัมผัสกับผู้ป่วย ถึงแม้จะไม่ใช่สาเหตุหลัก แต่ถ้าเราสัมผัสกับอุจจาระของผู้ป่วยโดยตรง ก็มีโอกาสติดเชื้อได้
  • แมลงวันและแมลงสาบ แมลงเหล่านี้สามารถนำเชื้อจากอุจจาระของผู้ป่วยไปแพร่กระจายในอาหารที่เรากินได้


ใครบ้างที่เสี่ยงไข้รากสาดน้อย?


ผู้ที่เสี่ยงต่อการเป็นไข้รากสาดน้อย ได้แก่


  • ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีสุขอนามัยไม่ดี โดยเฉพาะในบริเวณที่ขาดแคลนน้ำสะอาดและระบบกำจัดสิ่งปฏิกูลที่เหมาะสม
  • ผู้ที่เดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาด ไข้รากสาดน้อยพบได้บ่อยในประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะในแถบเอเชียใต้ แอฟริกา และอเมริกาใต้
  • ผู้ที่สัมผัสกับผู้ป่วย การดูแลผู้ป่วยไข้รากสาดน้อยอย่างใกล้ชิด ทำให้มีความเสี่ยงในการติดเชื้อสูงขึ้น
  • ผู้ที่รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อน อาหารและน้ำดื่มที่ไม่สะอาด เป็นแหล่งแพร่เชื้อสำคัญของไข้รากสาดน้อย
  • ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ป่วย HIV หรือผู้ที่รับประทานยากดภูมิคุ้มกัน จะมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ
  • ผู้ที่ทำงานในห้องปฏิบัติการ ผู้ที่ทำงานในห้องปฏิบัติการ ที่มีการสัมผัสเชื้อแบคทีเรียซัลโมเนลล่า


อ่านบทความเกี่ยวกับโรคติดต่ออื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ 



อาการของไข้รากสาดน้อย


2. อาการของไข้รากสาดน้อย


ไข้รากสาดน้อย หรือไข้ไทฟอยด์ อาการของโรคนี้จะค่อย ๆ รุนแรงขึ้น และอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายได้ถ้าไม่ได้รับการรักษา


อาการที่พบบ่อย


  • ไข้จะค่อย ๆ สูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในช่วงเย็นและกลางคืน ไข้อาจสูงถึง 40 องศาเซลเซียส หรือมากกว่า
  • มักมีอาการปวดหัวรุนแรง
  • รู้สึกปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและข้อต่อ
  • รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรง
  • บางคนอาจมีอาการท้องเสีย ในขณะที่บางคนอาจมีอาการท้องผูก
  • อาจมีผื่นขึ้นตามลำตัวและหน้าอก (เรียกว่า Rose spots)
  • อาจมีอาการเบื่ออาหารร่วมด้วย
  • อาการอื่น ๆ ที่อาจพบ เช่น ไอแห้ง ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน


อาการที่ควรระวัง


  • หากมีอาการไข้สูงติดต่อกันหลายวัน และมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย ควรรีบไปพบแพทย์
  • หากมีอาการปวดท้องรุนแรง หรือมีเลือดออกทางทวารหนัก ควรรีบไปพบแพทย์ทันที


ไข้รากสาดน้อย กี่วันหาย


ระยะเวลาในการหายจากไข้รากสาดน้อยขึ้นอยู่กับการรักษาและอาการของผู้ป่วยแต่ละราย โดยทั่วไปแล้ว


หากได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ


  • อาการไข้จะเริ่มดีขึ้นภายใน 3-5 วัน
  • ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะตอบสนองต่อการรักษาได้ดีและอาการจะค่อยๆ ดีขึ้น


หากไม่ได้รับการรักษา


  • อาการไข้จะแย่ลงเรื่อย ๆ และอาจนานถึง 3-4 สัปดาห์ หรือมากกว่านั้น
  • อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น เลือดออกในทางเดินอาหาร ลำไส้ทะลุ หรือไตวาย ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต
  • อาการอาจคงอยู่เป็นเวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนกว่าจะหายเป็นปกติโดยไม่ต้องรักษา
  • มีโอกาสสูงที่อาการจะกลับมาเป็นซ้ำ



3. โรคไข้รากสาดน้อย กับ ไข้รากสาดใหญ่ ต่างกันยังไง


ไข้รากสาดน้อยกับไข้รากสาดใหญ่ แม้ชื่อจะคล้ายกัน แต่เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อโรคคนละชนิดกัน และมีอาการแตกต่างกัน


ไข้รากสาดน้อย (Typhoid fever)


  • สาเหตุ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Salmonella typhi
  • การติดต่อ ติดต่อผ่านการรับประทานอาหารหรือน้ำดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อ
  • อาการ ไข้สูง ค่อย ๆ สูงขึ้น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย ท้องเสียหรือท้องผูก อาจมีผื่นขึ้นตามลำตัว
  • ความรุนแรง หากไม่ได้รับการรักษา อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงถึงชีวิตได้


ไข้รากสาดใหญ่ (Typhus fever)


  • สาเหตุ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Rickettsia
  • การติดต่อ ติดต่อผ่านตัวไร หรือหมัด ที่กัดคน
  • อาการ ไข้สูง ปวดศีรษะมาก หนาวสั่น มีผื่นตามตัว ผื่นจะมีลักษณะคล้าย ๆ แผลเป็นลึก ๆ เป็นสีดำ ๆ
  • ความรุนแรง มีหลายชนิด บางชนิดรุนแรงกว่าไข้รากสาดน้อย



วิธีป้องกันไข้รากสาดน้อย


4. วิธีป้องกันไข้รากสาดน้อย


ไข้รากสาดน้อยเป็นโรคติดต่อที่สามารถป้องกันได้ โดยการปฏิบัติตามสุขอนามัยที่ดีและรับวัคซีนป้องกันโรค ต่อไปนี้คือวิธีการป้องกันไข้รากสาดน้อย


1. รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล


  • ล้างมือบ่อย ๆ ล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาดอย่างน้อย 20 วินาที โดยเฉพาะก่อนรับประทานอาหาร หลังเข้าห้องน้ำ และหลังสัมผัสสิ่งสกปรก
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสอุจจาระของผู้ป่วย หากต้องดูแลผู้ป่วย ควรใส่ถุงมือและล้างมือให้สะอาดหลังสัมผัส
  • รักษาความสะอาดของห้องน้ำและสุขภัณฑ์ ทำความสะอาดห้องน้ำและสุขภัณฑ์อย่างสม่ำเสมอด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค


2. รับประทานอาหารและน้ำดื่มที่สะอาด


  • ปรุงอาหารให้สุก หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารดิบหรือไม่สุก โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ อาหารทะเล และผักสด
  • ดื่มน้ำสะอาด ดื่มน้ำที่ผ่านการต้ม หรือน้ำดื่มบรรจุขวดที่ได้มาตรฐาน
  • หลีกเลี่ยงอาหารและน้ำดื่มจากแหล่งที่ไม่สะอาด ระมัดระวังในการเลือกซื้ออาหารและน้ำดื่ม โดยเฉพาะจากร้านค้าที่ไม่ถูกสุขลักษณะ


3. รับวัคซีนป้องกันไข้รากสาดน้อย


  • ปรึกษาแพทย์ เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับการรับวัคซีนป้องกันไข้รากสาดน้อย โดยเฉพาะหากคุณเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค
  • รับวัคซีนตามกำหนด รับวัคซีนตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อให้มีภูมิคุ้มกันที่เพียงพอในการป้องกันโรค


4. หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วย


  • หากมีอาการไข้สูงและอาการอื่น ๆ ที่น่าสงสัย ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้อง
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วยที่มีอาการของไข้รากสาดน้อย


5. การป้องกันการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น


  • รับประทานยาปฏิชีวนะตามที่แพทย์สั่งจนครบ แม้อาการจะดีขึ้นแล้ว
  • ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่และน้ำอุ่น ทั้งก่อนรับประทานอาหารและหลังจากเข้าห้องน้ำ
  • ผู้ป่วยที่มีเชื้อควรหลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสอาหาร หรือเตรียมอาหารให้ผู้อื่น จนกว่าจะได้รับการยืนยันจากแพทย์ว่าผู้ป่วยไม่สามารถแพร่เชื้อได้แล้ว


การป้องกันไข้รากสาดน้อยที่ดีที่สุดคือการรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล การรับประทานอาหารที่ปรุงสุก และการดื่มน้ำสะอาด หากคุณมีอาการที่สงสัยว่าจะเป็นไข้รากสาดน้อย ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง
และอย่าลืมเตรียมความพร้อมเรื่องค่ารักษาไว้ล่วงหน้า เพราะเราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าอนาคตโรคร้ายจะมาเยือนตอนไหน สามารถเตรียมความพร้อมเรื่องค่ารักษายามเจ็บป่วย ด้วยประกันสุขภาพเหมาจ่าย จากเมืองไทยประกันชีวิต ไว้ช่วยดูแลค่ารักษา ตั้งแต่ 2 แสน - 100 ล้านบาท จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษา


รายละเอียดเพิ่มเติม

☑️ โทร.1766 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

☑️ ติดต่อตัวแทนประกันชีวิต/ ช่องทางที่ดูแลท่าน


  • โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย


ที่มา : สืบค้นเมื่อวันที่ 08/04/68

🔖 รพ. เพชรเวช

🔖 pobpad

🔖 สสส.

สนใจแบบประกัน

ข้าพเจ้าตกลงยินยอมให้ บมจ. เมืองไทยประกันชีวิต เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้นของข้าพเจ้าเพื่อติดต่อข้าพเจ้าในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ ข้าพเจ้าสนใจหรือที่บริษัทฯ เห็นว่าเป็นประโยชน์แก่ ข้าพเจ้าได้โดยข้าพเจ้าให้ถือเอาการทำเครื่องหมาย ในช่องสี่เหลี่ยมเป็นการแสดงเจตนา ยินยอมของข้าพเจ้าแทน การลงลายมือชื่อเป็นหลักฐาน ทั้งนี้ ก่อนการแสดงเจตนาดังกล่าวข้างต้น ข้าพเจ้าได้อ่านและรับทราบเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัวแล้ว

บทความน่าสนใจ