เรื่องต้องรู้! โรคที่ประกันไม่คุ้มครอง และระยะรอคอยคืออะไร
โรคที่ประกันไม่คุ้มครอง ถือเป็นประเด็นสำคัญที่หลายคนอาจไม่ทราบเมื่อทำ ประกันสุขภาพ หรือ ประกันชีวิต แม้ว่าการทำประกันจะช่วยให้เรามั่นใจได้ว่ามีความคุ้มครองทางการเงินในยามเจ็บป่วย ไม่สบาย หรือเกิดเหตุฉุกเฉินแล้ว แต่ไม่ใช่ทุกโรคที่ประกันจะครอบคลุม โดยเฉพาะโรคที่มีเงื่อนไข โรคที่เคยเป็นมาก่อน หรือข้อจำกัดต่าง ๆ ที่อาจถูกระบุไว้ในกรมธรรม์หลังทำสัญญา รวมถึงระยะเวลารอคอย 90 วัน 120 วัน และ 180 วัน คืออะไร และมีโรคอะไรบ้างที่ไม่คุ้มครอง ซึ่งหากเรามองข้ามจุดต่าง ๆ นี้ไปแบบไม่เคลียร์จะทำให้เกิดความไม่เข้าใจ หรือความผิดหวังได้เมื่อถึงเวลาที่ต้องการใช้สิทธิ์คุ้มครอง
โรคที่ประกันไม่คุ้มครอง คืออะไร
ทำไม ต้องแถลงข้อมูลสุขภาพให้ครบถ้วน
เวชภัณฑ์ หรือ ยาที่ประกันไม่คุ้มครอง
ระยะเวลารอคอย หมายถึงคอยอะไร
โรคที่ประกันไม่คุ้มครอง คืออะไร
โรค หรือภาวะสุขภาพที่ไม่อยู่ในขอบเขตความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกัน ซึ่งอาจเกิดจากเงื่อนไขที่ระบุไว้อย่างชัดเจนในสัญญา เช่น โรคที่มีมาก่อนทำประกัน หรือโรคที่เกิดจากพฤติกรรมเสี่ยง เช่น
- โรคที่มีมาก่อนการทำประกัน : เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
- โรคที่มีช่วงระยะเวลารอคอย : เช่น การเจ็บป่วยในช่วง 90, 120, หรือ 180 วันแรกหลังทำประกัน
- โรคเรื้อรังบางประเภท : ที่ถูกระบุว่าไม่คุ้มครองในกรมธรรม์ เช่น โรคหัวใจ โรคไตเรื้อรัง
- โรคทางจิตเวช : หรือภาวะที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจิต
- การบาดเจ็บจากพฤติกรรมเสี่ยง : เช่น อุบัติเหตุจากการเล่นกีฬาที่เสี่ยงสูง หรือการใช้สารเสพติด
- โรคทางพันธุกรรม : หรือโรคที่เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม
หมายเหตุ : รายชื่อโรค หรือข้อยกเว้นที่ไม่คุ้มครองอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบริษัทประกัน และแผนประกัน ควรศึกษารายละเอียดในกรมธรรม์ เพื่อได้รับความคุ้มครองตรงกับความต้องการ
- แถลงข้อมูลสุขภาพให้ครบถ้วน : การแถลง หรือแจ้งข้อมูลสุขภาพที่ถูกต้อง และครบถ้วน เพื่อให้ทางบริษัทประกันสามารถประเมินความเสี่ยงของสุขภาพ จะช่วยให้คุณได้รับความคุ้มครองที่เหมาะสม
- อ่านกรมธรรม์ให้ละเอียด : ก่อนตัดสินใจทำประกัน แนะนำให้ศึกษาสิทธิประโยชน์ และข้อยกเว้นต่าง ๆ เพราะแต่ละบริษัทประกันจะมีข้อยกเว้นที่แตกต่างกัน
- เปรียบเทียบแผนประกัน : เปรียบเทียบแผนประกัน เพื่อหาแผนที่เหมาะสมกับความต้องการ และงบประมาณที่จ่ายไหว
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ : หากมีข้อสงสัย สามารถปรึกษาตัวแทนประกัน หรือที่ปรึกษาทางการเงินได้ หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ เมืองไทยประกันชีวิต
สุดท้ายการทำประกันสุขภาพ หรือประกันชีวิตเป็นสิ่งสำคัญ แต่การทำความเข้าใจกับเงื่อนไขต่าง ๆ ในกรมธรรม์ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพื่อให้ตัวคุณเองได้รับความคุ้มครองที่เหมาะสมที่สุด
ทำไม ต้องแถลงข้อมูลสุขภาพให้ครบถ้วน
นอกจากโรคที่ประกันไม่คุ้มครอง ก่อนทำประกันชีวิต หรือประกันสุขภาพบางประเภทต้องแถลงข้อมูลสุขภาพของผู้เอาประกันให้ครบถ้วน เช่น โรคประจำตัว ยาประจำตัว ประวัติอาการเจ็บป่วยภายในครอบครัว การรักษาที่ผ่านมา รวมถึงพฤติกรรม ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต เพื่อเป็นข้อมูลก่อนทำประกัน เพราะข้อมูลเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นการเปิดเผยข้อมูลที่เป็นจริงเกี่ยวกับสุขภาพของคุณให้บริษัทประกันได้รับทราบ และสามารถประเมินความเสี่ยง เพื่อออกแบบแผนประกันที่เหมาะสมกับคุณได้อย่างถูกต้อง
เหตุผลที่ต้องแถลงข้อมูลสุขภาพให้ครบถ้วน
- เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองที่เหมาะสม : การเปิดเผยข้อมูลสุขภาพที่ถูกต้อง และครบถ้วน จะช่วยให้บริษัทประกันสามารถออกแบบแผนประกันที่ครอบคลุมความต้องการของคุณได้อย่างเหมาะสม
- เพื่อป้องกันการถูกปฏิเสธการเคลม : หากคุณปกปิดข้อมูลสุขภาพที่สำคัญ และภายหลังบริษัทประกันทราบความจริง บริษัทประกันมีสิทธิ์ปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหมทดแทนได้
- เพื่อความโปร่งใส : การแถลงข้อมูลสุขภาพอย่างตรงไปตรงมา เป็นการแสดงความรับผิดชอบ และความโปร่งใสต่อบริษัทประกัน
- เพื่อให้บริษัทประกันประเมินความเสี่ยงได้อย่างถูกต้อง : ข้อมูลสุขภาพที่คุณให้จะช่วยให้บริษัทประกันสามารถประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างถูกต้อง และกำหนดเบี้ยประกันที่เหมาะสม
หากไม่แถลงข้อมูลสุขภาพจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
- ถูกปฎิเสธ หรือไม่ได้รับความคุ้มครอง : อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้า หากบริษัทประกันทราบภายหลังว่าคุณปกปิดข้อมูลสุขภาพที่สำคัญ อาจทำให้คุณไม่ได้รับความคุ้มครองตามที่ควรจะเป็น
- กรมธรรม์อาจถูกยกเลิก : ในกรณีที่ร้ายแรง บริษัทประกันอาจมีสิทธิ์ยกเลิกกรมธรรม์ได้
- ไม่น่าเชื่อถือ : การปกปิดข้อมูลสุขภาพอาจทำให้บริษัทประกันไม่มั่นใจ และอาจปฏิเสธการรับทำประกัน หรือเรียกเก็บเบี้ยประกันในอัตราที่สูงขึ้น
ดังนั้นการแถลงข้อมูลสุขภาพอย่างถูกต้องจะช่วยให้คุณได้รับความคุ้มครองที่สมบูรณ์ และไม่มีปัญหาในภายหลัง
หมายเหตุ: ข้อยกเว้นอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบริษัทประกัน และแผนประกัน ควรศึกษารายละเอียดในกรมธรรม์ เพื่อได้รับความคุ้มครองตรงกับความต้องการ
เวชภัณฑ์ หรือ ยาที่ประกันไม่คุ้มครอง
เวชภัณฑ์ หรือยาที่ประกันสุขภาพไม่คุ้มครอง หรือยกเว้น จะเป็นเวชภัณฑ์ที่ไม่ได้ใช้ในการรักษาโรคโดยตรง หรือมีวัตถุประสงค์อื่นที่ไม่เกี่ยวกับการรักษาพยาบาล โดยตัวอย่างเวชภัณฑ์ และยาที่ประกันยกเว้นการคุ้มครอง ได้แก่
- ยาที่ไม่จำเป็นต่อการรักษา : ยาบางชนิดอาจถูกมองว่าเป็นยาเสริม หรือยาที่ใช้เพื่อความสะดวกสบายมากกว่าความจำเป็นในการรักษาโรค เช่น วิตามินเสริมบางชนิด หรือยาเพื่อบรรเทาอาการเล็กน้อย
- ยาที่ไม่ได้อยู่ในบัญชียาหลัก : ยาที่ไม่ได้อยู่ในบัญชียาหลักของโรงพยาบาล หรือบัญชียาที่บริษัทประกันกำหนด อาจไม่ได้รับความคุ้มครอง
- ยาที่ใช้เพื่อการรักษาความงาม : ยาที่ใช้ในการศัลยกรรมความงาม หรือการรักษาเพื่อปรับปรุงรูปลักษณ์ จะไม่ได้รับความคุ้มครอง
- ยาสำหรับโรคเรื้อรังที่ไม่แจ้งก่อนทำประกัน : ยาสำหรับโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หากไม่ได้แจ้งเมื่อทำประกัน ประกันอาจไม่ครอบคลุมการใช้ยาเหล่านี้ได้
- ยาที่ใช้ในทางที่ผิด : เช่น ยาเสพติด จะไม่มีการคุ้มครอง
หมายเหตุ: ข้อยกเว้นอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบริษัทประกัน และแผนประกัน ควรศึกษารายละเอียดในกรมธรรม์ เพื่อได้รับความคุ้มครองตรงกับความต้องการ
ระยะเวลารอคอย หมายถึง
ระยะเวลาที่ไม่คุ้มครองการเจ็บป่วย หรือเรียกกันว่า “ระยะเวลารอคอย” (Waiting Period) เพื่อป้องกันการเบิกจ่ายค่ารักษาของผู้เอาประกันที่เจ็บป่วยมาก่อนการทำประกันสุขภาพนั่นเอง ซึ่งระยะเวลารอคอยนี้จะอยู่ที่ 30 - 180 วัน (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขแต่ละสัญญา) ดังนี้
ประกันสุขภาพ มีระยะเวลารอคอย 30 วัน และ 120 วัน
- รอ 30 วัน ❌ ยังไม่คุ้มครอง โรคทั่วไป เช่น ไข้หวัด ท้องเสีย
- รอ 120 วัน ❌ยังไม่คุ้มครอง โรคร้าย เช่น เนื้องอก ไส้เลื่อน ทอนซิล เส้นเลือดขอด ริดสีดวง ต้อเนื้อ นิ่วทุกชนิด เยื่อบุโพรงมดลูก
แต่ถ้าอุบัติเหตุฉุกเฉินเคลมได้ทันทีไม่ต้องรอ (ภายใน 24 ชม.)
ประกันโรคร้ายแรง ส่วนใหญ่มีระยะเวลารอคอย 90 วัน
- รอ 90 วัน ❌ ยังไม่คุ้มครอง โรคเรื้อรัง และโรคร้าย เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดสมอง โรคกล้ามเนื้อ โรคระบบประสาท
กล่าวสรุปคือ ที่ต้องมีระยะเวลารอคอย ยังเคลมไม่ได้ทันที เพราะบางโรคมีระยะฟักตัว จึงต้องรอก่อนว่าคุณป่วยเป็นโรคก่อนทำประกัน หรือไม่ ดังนั้นก่อนทำประกันสุขภาพอย่าลืมเช็กรายละเอียดให้ดีเพื่อสิทธิประโยชน์ของเรา
หมายเหตุ: ข้อยกเว้นอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบริษัทประกัน และแผนประกัน ควรศึกษารายละเอียดในกรมธรรม์ เพื่อได้รับความคุ้มครองตรงกับความต้องการ
ให้คุณใช้ชีวิตได้อุ่นใจด้วยประกันสุขภาพเหมาจ่าย ทำไว้ตอนที่สุขภาพดี ได้รับความคุ้มครองเต็มที่
เลือกวงเงินคุ้มครองตั้งแต่ 200,000 บาท ถึง 100,000,000 บาท
🛡️ครอบคลุมโรคร้าย โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคไต รักษาด้วยการฟอกไต และเคมีบำบัดรักษามะเร็ง โดยไม่ต้องแอดมิต*
🩺 ผ่าตัดเล็กใหญ่ ก็เหมาค่าห้องผ่าตัด ค่าห้อง ICU สูงสุด 365 วัน*
👓 อายุรับประกันสูงสุด 90 ปี ดูแลคุณสูงสุดถึงอายุ 99 ปี
💊 ครอบคลุมเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัย
พร้อมลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 25,000 บาท หรือถ้าซื้อให้พ่อแม่ก็ลดหย่อนได้สูงสุด 15,000 บาท
รายละเอียดเพิ่มเติม
☑️ โทร. 1766 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
☑️ สนใจติดต่อตัวแทนเมืองไทยประกันชีวิต หรือ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ทุกสาขา
*ความคุ้มครองของสัญญาเพิ่มเติมการประกันสุขภาพแบบอีลิท เฮลท์ พลัส
- เงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
- สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพต้องซื้อแนบท้ายกรมธรรม์ที่มีผลบังคับอยู่
- ความคุ้มครองของสัญญาเพิ่มเติมต้องไม่เกินระยะเวลาเอาประกันภัยของกรมธรรม์ประกันชีวิตที่สัญญาเพิ่มเติมนี้แนบท้าย
- เบี้ยประกันภัยสามารถนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์เป็นไปตามที่กรมสรรพากร กำหนด
- การพิจารณารับประกันภัยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของบริษัทฯ
- โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย
- เงื่อนไขเป็นไปตามที่ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต กำหนด
ที่มา : สืบค้นเมื่อวันที่ 25/10/67