มือใหม่หัดกินเจ กินอะไรได้บ้าง ห้ามกินอะไรบ้าง
วนมาอีกครั้งแล้วกับเทศกาลกินเจในปี 2567 นี้ ซึ่งการกินเจถือว่าเป็นการปฏิบัติ ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน ไม่ใช่เพียงแค่เป็นการถือศีลตามหลักศาสนา แต่ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย ซึ่งสำหรับมือใหม่ที่พึ่งเริ่มเข้าวงการนี้ก็ยังไม่ค่อยจะรู้ว่า กินเจกินอะไรได้บ้าง ห้ามกินอะไรบ้าง เช่น กินเจกินเบียร์ได้ไหม กินเจกินไข่ได้ไหม หรือกินเจห้ามกินผลไม้อะไร เพราะข้อสงสัยต่าง ๆ นี้ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับมือใหม่หัดกินเจ ว่าข้อห้ามกินเจมีอะไรบ้าง เพราะหากบางคนหลงกินในสิ่งที่เป็นข้อห้ามไปแล้ว ก็อาจเสียความตั้งใจได้ วันนี้แอดจึงไม่พลาดที่จะมาแชร์การกินเจว่ามีอะไรกินได้ และมีอะไรห้ามกิน มาดูกันเลย
3. กินเจกินอะไรได้บ้าง ห้ามกินอะไรบ้าง
4. การกินเจทำให้ขาดสารอาหารหรือไม่?
1. เหตุผลที่คนเลือกกินเจ
การกินเจเป็นการปฏิบัติที่ได้รับความนิยมมากขึ้น ไม่ใช่แค่ในช่วงเทศกาลกินเจเท่านั้น แต่มีผู้คนจำนวนมาก ที่เลือกกินเจเป็นวิถีชีวิตประจำวันเลย ซึ่งเหตุผลที่ผู้คนตัดสินใจกินเจนั้นมีหลากหลายมาก มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
1. เหตุผลทางศาสนา
- การถือศีล หลายศาสนา เช่น พุทธศาสนา ฮินดู มีการถือศีลกินเจ เพื่อฝึกตนให้มีเมตตา กรุณาต่อสัตว์ และแสดงความเคารพต่อธรรมชาติ
- การบูชา การกินเจเป็นการแสดงความเคารพต่อเทพเจ้า หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อ
2. เหตุผลด้านสุขภาพ
- ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง อาหารเจอุดมไปด้วยใยอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด โรคเบาหวาน และโรคมะเร็งบางชนิด
- ช่วยควบคุมน้ำหนัก อาหารเจส่วนใหญ่มีไขมันต่ำและแคลอรี่น้อย ช่วยให้ควบคุมน้ำหนักได้ง่ายขึ้น
ผิวพรรณดีขึ้น สารต้านอนุมูลอิสระในผักและผลไม้ ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งและชะลอความเสื่อมของเซลล์
3. เหตุผลด้านจริยธรรม
- เมตตาต่อสัตว์ การกินเจเป็นการแสดงออกถึงความเมตตาต่อสัตว์ โดยไม่เบียดเบียนชีวิต
- รักษ์สิ่งแวดล้อม การผลิตเนื้อสัตว์ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การปล่อยก๊าซเรือนกระจก การใช้ทรัพยากรน้ำ และการทำลายป่า การกินเจจึงเป็นการช่วยลดผลกระทบเหล่านี้
4. เหตุผลส่วนบุคคล
- ความชอบส่วนตัว บางคนอาจชอบรสชาติของอาหารเจ หรือรู้สึกดีเมื่อได้กินอาหารที่ทำจากพืช
- ไลฟ์สไตล์ การกินเจอาจเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ ที่มุ่งเน้นสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี
- การทดลอง บางคนอาจลองกินเจเพื่อดูว่าร่างกายจะตอบสนองอย่างไร
5. เหตุผลทางสังคม
- กระแสสังคม การที่ผู้คนรอบข้างหันมาให้ความสนใจและปฏิบัติตาม ทำให้เกิดกระแสการกินเจกันเพิ้มมากขึ้น
- ความสะดวกสบาย ปัจจุบันมีร้านอาหารเจและผลิตภัณฑ์อาหารเจมากมาย ทำให้การกินเจเป็นเรื่องง่ายขึ้น
2. ประโยชน์ของการกินเจ
การกินเจเป็นการเลือกบริโภคอาหารที่เน้นพืชเป็นหลัก ซึ่งมีผลดีต่อสุขภาพหลายประการ ดังนี้
1. ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง
- โรคหัวใจ อาหารเจมีไขมันอิ่มตัวต่ำ ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
- โรคเบาหวาน ใยอาหารในผักผลไม้ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน
- โรคมะเร็ง สารต้านอนุมูลอิสระในผักผลไม้ ช่วยป้องกันเซลล์จากความเสียหาย ลดความเสี่ยงโรคมะเร็งบางชนิด
2. ช่วยควบคุมน้ำหนัก
- ไขมันต่ำ อาหารเจส่วนใหญ่มีไขมันต่ำ ช่วยลดปริมาณแคลอรีที่ได้รับ
- อิ่มนาน ใยอาหารในผักผลไม้ช่วยให้อิ่มนาน ลดความอยากอาหาร
3. ผิวพรรณดีขึ้น
- สารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ ทำให้ผิวพรรณดูอ่อนเยาว์
- ลดการอักเสบ ลดการเกิดสิวและปัญหาผิวอื่น ๆ
4. ระบบขับถ่ายดีขึ้น
- ใยอาหารสูง ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี ลดปัญหาท้องผูก
5. สุขภาพหัวใจแข็งแรง
- ลดความดันโลหิต โพแทสเซียมในผักผลไม้ช่วยลดความดันโลหิต
6. กระดูกแข็งแรง
- แคลเซียม อาหารเจบางชนิด เช่น ผักใบเขียว เต้าหู้ มีแคลเซียมสูง ช่วยเสริมสร้างกระดูก
3. กินเจกินอะไรได้บ้าง ห้ามกินอะไรบ้าง
หลักสำคัญเลยสำหรับมือใหม่ ที่พึ่งเริ่มเข้าวงการการกินเจ คือบางคนอาจรู้แค่ว่าห้ามกินเนื้อสัตว์ เพราะการกินเจเป็นการถือศีล โดยงดเว้นการบริโภคเนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ทุกชนิด รวมถึงอาหารบางชนิดที่ถือว่าเป็นของมงคล แต่ก็ยังไม่รู้ว่าอาหารที่กินได้ กับอาหารกินไม่ได้ยังมีอะไรอีกบ้าง แอดจึงนำมาฝาก ดังนี้
อาหารที่กินได้ในช่วงกินเจ
- ผัก ทุกชนิด ยกเว้นผักที่มีกลิ่นฉุน เช่น กระเทียม หัวหอม หลักเกียว กุยช่าย
- ผลไม้ ทุกชนิด
- ธัญพืช ข้าว ข้าวโพด ถั่วต่าง ๆ
- เต้าหู้ ทั้งแบบแผ่น เต้าหู้ไข่ เต้าฮวย
- ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง นมถั่วเหลือง โยเกิร์ตจากถั่วเหลือง
- เส้นก๋วยเตี๋ยว เส้นทำจากแป้ง เช่น เส้นหมี่ เส้นจันท์ เส้นใหญ่
- เห็ด ทุกชนิด
- ผลไม้แห้ง ลูกเกด อินทผาลัม
- ขนมหวาน ขนมที่ทำจากแป้ง น้ำตาล ผลไม้
อาหารที่ห้ามกินในช่วงกินเจ
- เนื้อสัตว์ วัว หมู ไก่ ปลา สัตว์ปีก และสัตว์น้ำทุกชนิด
- ไข่ ทั้งไข่ไก่ ไข่เป็ด
- นม นมวัว นมแพะ
- เนย เนยสด เนยเทียม
- น้ำปลา น้ำปลาทำจากปลา
- น้ำผึ้ง เกิดจากการที่ผึ้งผลิต
- ผักที่มีกลิ่นฉุน กระเทียม หัวหอม หลักเกียว กุยช่าย
- อาหารรสจัด เผ็ดจัด เค็มจัด หวานจัด เปรี้ยวจัด
หลักการสำคัญในการกินเจ
- อ่านฉลาก ตรวจสอบฉลากอาหารก่อนซื้อทุกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีส่วนผสมจากสัตว์
- ถามร้านอาหาร หากไปรับประทานอาหารนอกบ้าน ควรสอบถามพนักงาน ว่าอาหารจานนั้นเจหรือไม่
- เครื่องปรุง เลือกใช้เครื่องปรุงที่ทำจากพืช เช่น ซีอิ๊วขาว น้ำมันรำข้าว
- ภาชนะ ควรใช้ภาชนะที่สะอาดและแยกจากภาชนะที่ใช้สำหรับอาหารไม่เจ
4. การกินเจทำให้ขาดสารอาหารหรือไม่?
เป็นคำถามที่หลายคนสงสัย เพราะการกินเจต้องเลือกกินในสิ่งที่กินได้เท่านั้น เช่น ห้ามกินเนื้อสัตว์ ห้ามกินอาหารบางชนิด แล้วแบบนี้จะกินครบ 5 หมู่ไหม หรือจากจะขาดสารอาหารอาการหรือไม่ ซึ่งหากเรากินเจตามที่วางแผนไว้อย่างถูกต้อง ก็จะไม่ทำให้ขาดสารอาหาร แต่หากไม่รู้จักเลือกกิน อาจจะขาดสารอาหารบางชนิดได้
ทำไมการกินเจถึงอาจขาดสารอาหารได้?
- วิตามิน B12 มักพบในเนื้อสัตว์ ปลา และผลิตภัณฑ์จากนม หากไม่กินอาหารเสริมหรืออาหารที่เสริมวิตามิน B12 อาจขาดได้
- ธาตุเหล็ก ธาตุเหล็กจากพืชดูดซึมได้ยากกว่าธาตุเหล็กจากเนื้อสัตว์ ต้องกินคู่กับวิตามินซี เพื่อเพิ่มการดูดซึม
- โอเมก้า 3 มักพบในปลาทะเล หากไม่กินอาหารเสริม หรืออาหารที่เสริมโอเมก้า 3 อาจขาดได้
กินเจอย่างไรให้ไม่ขาดสารอาหาร?
- วางแผนอาหารให้หลากหลาย เลือกกินผักผลไม้หลากสี เพื่อให้ได้รับวิตามินและแร่ธาตุครบถ้วน
- โปรตีนจากพืช กินถั่ว เต้าหู้ โปรตีนเกษตร เพื่อทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์
- ธาตุเหล็ก กินอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น ผักใบเขียว ถั่ว และกินคู่กับวิตามินซี เช่น ส้ม มะเขือเทศ
- แคลเซียม ดื่มนมถั่วเหลืองเสริมแคลเซียม กินผักใบเขียว
- วิตามิน B12 กินอาหารเสริม หรืออาหารที่เสริมวิตามิน B12 เช่น นมถั่วเหลืองเสริมวิตามิน B12
- โอเมก้า 3 กินอาหารเสริม หรืออาหารที่เสริมโอเมก้า 3 เช่น เมล็ดเจีย เมล็ดแฟลกซ์
การกินเจ ถือว่าเป็นการเลือกวิถีชีวิตที่ส่งผลดีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม หากวางแผนการกินอย่างถูกต้อง จะได้รับประโยชน์มากมาย แต่หากจะเริ่มกินจริงจังตลอดชีวิต ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการกินให้ถูกหลัก หรือหากไม่รู้ว่าอนาคตจะเจ็บป่วยเมื่อไร สามารถวางแผนเสริมความมั่นใจด้วย ประกันสุขภาพ จากเมืองไทยประกันชีวิต #เพราะชีวิตทุกวัยมันเจ็บป่วย ป่วยเล็กป่วยใหญ่ ช่วงวัยไหนก็ป่วยได้ไม่ช็อตฟีล
ปล่อยจอยค่ารักษาเพราะมีประกันสุขภาพดูแลให้แบบเหมา ๆ ตั้งแต่ 2 แสน - 100 ล้านบาท
✅ Elite Health Plus คุ้มครองค่ารักษา 20-100 ล้านบาทต่อปี ครอบคลุมเทคโนโลยีการรักษา ดูแลให้ทั้ง IPD และ OPD(1) เบี้ยวันละไม่ถึง 157 บาท(2)
✅ D Health Plus คุ้มครองค่ารักษา 5 ล้านบาท(3) นอนห้องเดี่ยวมาตรฐานทุก รพ. เบี้ยวันละไม่ถึง 38 บาท(4)
✅ เหมาจ่าย Extra แอดมิตเข้า รพ. ดูแลค่ารักษาเหมาจ่าย 5 แสนบาท(5) เบี้ยวันละไม่ถึง 42 บาท(6)
รายละเอียดเพิ่มเติม
☑️ โทร.1766 ตลอด 24 ชั่วโมง
☑️ ติดต่อตัวแทนประกันชีวิต
(1) กรณีเลือกความคุ้มครองแผน 40, 75 หรือ 100 ล้านบาท
(2) สำหรับผู้เอาประกันภัยอายุ 50 ปี แผน 20 ล้านบาท พื้นที่ความคุ้มครองประเทศไทย และชำระเบี้ยประกันภัยรายปี
(3) กรณีเลือกความคุ้มครองแผน 5 ล้านบาท โดยเป็นวงเงินต่อการรักษาครั้งใดครั้งหนึ่ง
(4) สำหรับผู้เอาประกันภัยเพศหญิง อายุ 34 ปี เลือกแผนความคุ้มครอง 5 ล้านบาท มีความรับผิดส่วนแรก 30,000 บาท ต่อการเข้าพักรักษาตัวครั้งใดครั้งหนึ่ง (แผน Top Up ความคุ้มครอง) และชำระเบี้ยประกันภัยรายปี
(5) สำหรับแผนความคุ้มครอง 3 โดยเป็นวงเงินต่อการรักษาแบบผู้ป่วยในครั้งใดครั้งหนึ่ง
(6) สำหรับผู้เอาประกันภัยเพศหญิง 34 ปี เลือกแผนความคุ้มครอง 3 และชำระเบี้ยประกันรายปี
- เงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
- สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพต้องซื้อแนบท้ายกรมธรรม์ที่มีผลบังคับอยู่
- ความคุ้มครองของสัญญาเพิ่มเติมต้องไม่เกินระยะเวลาเอาประกันภัยของกรมธรรม์ประกันชีวิตที่สัญญาเพิ่มเติมนี้แนบท้าย
- เบี้ยประกันภัยสามารถนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์เป็นไปตามที่กรมสรรพากร กำหนด
- เงื่อนไขเป็นไปตามที่ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต กำหนด
- การพิจารณารับประกันภัยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของบริษัทฯ
- โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย
ที่มา : สืบค้นเมื่อวันที่ 30/09/67
🔖 True ID